เปิดชีวิต "หมี่เกี๊ยวขาเหล็ก" เหยื่อลูกตำรวจเมาขับชน รู้อาชีพก่อนพิการยิ่งใจสลาย
เปิดชีวิตพ่อค้า "หมี่เกี๊ยวขาเหล็ก" เหยื่อลูกตำรวจเมาแล้วขับ เผยอาชีพก่อนพิการ ฟังแล้วใจสลายแทน
เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 21 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณหน้าตลาดสมบัติ ตรงข้ามห้างเมเจอร์พลาซ่า นนทบุรี ตำบลสวนใหญ่ อำเภอเมืองนนทบุรี พบรถเข็นขายก๋วยเตี๋ยวพ่วงกับรถจักรยานยนต์จอดอยู่ข้างทางใต้สะพานลอย โดยมีป้ายชื่อร้านว่า "หมี่เกี๊ยวขาเหล็ก" รถเข็นตกแต่งด้วยตู้กระจกที่บรรจุเส้นบะหมี่ หมูแดง และเกี๊ยวหมู ซึ่งร้านนี้ขายก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำใสและน้ำตก มีให้เลือกหลายชนิด ได้แก่ เส้นบะหมี่ เส้นเล็ก เส้นใหญ่ เส้นมาม่า เส้นหมี่ขาว และเกาเหลา ราคาอยู่ที่ 35-40 บาทสำหรับธรรมดา และ 45-50 บาทสำหรับพิเศษ ประชาชนต่างแห่กันมาต่อคิวซื้อ มีทั้งนำกลับบ้านและนั่งทานที่ร้าน
สำหรับประวัติของ "พ่อค้าขาเหล็กสู้ชีวิต" คนนี้ คือ นายอาธร สุทธิชัย หรือเขาค้อ อายุ 31 ปี ชาวจังหวัดอุดรธานี อดีตเคยเป็นกัปตันบาร์เทนเดอร์ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านเมืองทองธานี และเป็นอดีตแชมป์ลาเต้อาร์ตของร้านกาแฟในเครือเมืองทองธานี นายอาธรมีภรรยาชื่อ นางสาวผกาวรรณ เรืองฉาง อายุ 27 ปี และมีบุตรสาว 2 คน ชื่อน้องมิลค์ อายุ 12 ปี และน้องมายด์ อายุ 4 ปี
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2565 นายอาธรได้ประสบอุบัติเหตุถูกรถเก๋งพุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่เขาขับขณะกลับที่พักหลังเลิกงาน บริเวณทางเข้าซอยสหกรณ์ 3 ถนนติวานนท์ ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เมื่อเวลา 00.30 น. อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้นายอาธรได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นต้องตัดขาซ้าย กลายเป็นคนพิการ และต้องต่อสู้คดีกับคู่กรณีที่มีพ่อเป็นนายตำรวจยศ พ.ต.ท. อยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรี เป็นเวลากว่า 2 ปี จนชนะคดีในที่สุด
นายอาธร กล่าวต่อว่า ก่อนที่จะประสบอุบัติเหตุ เคยเป็นบาริสต้าและเป็นแชมป์ในเครือเมืองทองธานี หลังประสบอุบัติเหตุจนไม่สามารถที่จะเป็นบาริสต้าได้อีก เพราะข้อมือไม่สามารถที่จะสะบัดได้ ทำให้เขาเสียโอกาสและความฝันที่จะไปต่อ ชีวิตกำลังจะรุ่งและไม่เคยคิดว่าจะต้องมาขายก๋วยเตี๋ยว ตอนแรกรู้สึกเสียดายมาก รอดูร่างกายตอนขณะพักฟื้นว่าจะกลับมาเป็นบาริสต้าได้อีกหรือไม่ ในที่สุดก็รู้ว่าร่างกายตัวเองไม่ไหว ความคล่องแคล่วในการทำงานหายไป จนไม่อยากไปเป็นภาระบริษัท จึงให้ทางบริษัททำเรื่องจ้างออก จากเหตุการณ์ที่เกิดอุบัติเหตุ คู่กรณีไม่เคยเอ่ยปากขอโทษสักคำ อาจจะเป็นเพราะพ่อเขาาเป็นนายตำรวจ ในที่สุดศาลสั่ง คู่กรณีถึงขอโทษ
เขายังเล่าต่อว่า หลังประสบอุบัติเหตุ นายอาธรต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการขายหมูปิ้งที่หน้าบ้าน เนื่องจากร่างกายยังไม่แข็งแรงดี โดยขายหมูปิ้งเพียงได้กำไรวันละ 100-200 บาท เพียงพอเป็นค่าอาหารของลูกสาว ต่อมานายอาธรได้ใช้เงินก้อนสุดท้ายซื้อซาเล้งเพื่อมาขายก๋วยเตี๋ยวตามสูตรที่เคยเรียนรู้จากญาติ และได้รับความช่วยเหลือจากกระทรวงยุติธรรมและเงินจากบริษัทที่เขาทำงานเดิม
ตอนแรกคิดจะกลับบ้านที่ จ.ร้อยเอ็ด เพราะวันนึงไม่มีเงินซื้อของมาขาย แต่ตัดสินใจไปยืมเงินลูกสาวคนเล็กในกระปุกออมสินมา 500 บาท ซื้อของสดมาขายก๋วยเตี๋ยว มีเพจหนึ่งมารีวิวร้านก๋วยเตี๋ยวของเขา ทำให้ขายดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนแรกคนไม่กล้าเข้ามาซื้อเพราะเห็นว่าเขายังหนุ่มและเป็นคนพิการ แต่เมื่อได้ลองทานแล้วหลายคนก็ติดใจและกลายเป็นลูกค้าประจำ ตอนนี้ชีวิตครอบครัวของเขาดีขึ้นมาก แต่ยังรอให้คู่กรณีมารับผิดชอบตามคำตัดสินของศาล
นายอาธรฝากบอกถึงคนที่กำลังท้อแท้หรือหมดหนทางว่า ให้ดูเขาเป็นตัวอย่าง แม้เขาจะเสียขาไปจากอุบัติเหตุ แต่เขายังคิดถึงคนข้างหลังและต้องสู้เพื่อตนเองและครอบครัว ไม่มีใครช่วยเราได้มากเท่ากับตัวเราเอง นอกจากนี้ยังได้เตือนคนที่คิดจะดื่มสุราแล้วขับรถว่า ควรใช้บริการรถสาธารณะหรือหาคนขับแทน เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุและไม่เป็นภาระต่อสังคม
ท้ายที่สุด นายอาธรฝากร้าน "หมี่เกี๊ยวขาเหล็ก" ที่เปิดขายทุกวันตั้งแต่เวลา 20.00-02.00 น. หรือติดตามได้ในเฟซบุ๊ก หมี่เกี๊ยวขาเหล็ก โทร 095-251-7072
ขอบคุณ... https://www.sanook.com/news/9516654/ (ขนาดไฟล์: 234042)