รอกำหนดโทษ 3 ปี! ศาลเยาวชนฯพิพากษาคดีใช้ภาพเด็กออทิสติกโฆษณา-จำเลยรับสารภาพ
ศาลเยาวชนฯ พิพากษาลงโทษ คดีใช้ภาพเด็กออทิสติกโฆษณาผ่านเฟซบุ๊ก แต่จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย โจทก์ไม่ติดใจ-ขอให้ลงโทษสถานเบา พิพากษารอการกำหนดโทษ 3 ปี
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ ศาลเยาวชนและครอบครัว จังหวัดปทุมธานี อ่านคำพิพากษา คดีที่มีพนักงานอัยการคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดปทุมธานี เป็นโจทก์ร่วมกับมารดา ยื่นฟ้องจำเลย เกี่ยวกับความผิดต่อ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก
กรณี เมื่อวันที่ 15 มี.ค.2562 จำเลยกระทำการโฆษณาเผยแพร่ทางสื่อมวลชนหรือสื่อสารสนเทศในระบบคอมพิวเตอร์อินเตอร์เน็ต ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปอ่านข้อความได้ด้วยวิธีการเปิดเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับการรับจ้างฝึกสอนและกระตุ้นการพัฒนาการให้แก่เด็กพิเศษที่เป็นออทิสติก เด็กสมองพิการ เด็กสมาธิสั้น เด็กที่มีความบกพร่องด้านการเรียนรู้ เด็กที่มีพัฒนาการล่าช้า รวมทั้งเด็กที่มีปัญหาพิการซ้ำซ้อน โดยใช้ภาพของเด็กพิเศษที่จำเลยเคยรับจ้างฝึกและสอนประกอบการโฆษณา
ซึ่งมีภาพเด็กชายอายุ 10 ปีเศษ บุตรชายของโจทก์ ขณะกำลังทำกิจกรรมบำบัดกับเด็กอื่นๆ อันเป็นข้อมูลเกี่ยวกับตัวเด็กว่าผู้เสียหายแด็กที่มีความบกพร่องทางสมอง สติปัญญาและพัฒนาการทางร่างกายตามข้อความโฆษณาของจำเลย ข้อความว่า “ให้บริการ...กระตุ้นการพัฒนาการเด็กพิเศษที่มีการพัฒนาการทางด้านการเจริญเติบโตช้าไม่เหมาะสมกับวัย...การทำงานของนักิจกรรมบำบัดแยกเป็น...ผู้ป่วยเด็กไม่ว่าจะเป็นเด็กออทิสติก เด็กสมองพิการ เด็กสมาธิสั้น เด็กที่มีความบกพร่องด้านการเรียนรู้ เด็กที่มีพัฒนาการล่าช้า รวมถึงเด็กที่มีปัญหาพิการซ้ำซ้อน”
โดยจำเลยมีเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่จิตใจ ชื่อเสียง เกียรติคุณของผู้เสียหาย เพื่อแสวงหาประโยชน์เป็นเงินค่าจ้างฝึกและสอนสำหรับจำเลยและผู้อื่นโดยมิชอบ เหตุเกิดที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี
ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2556 มาตรา 27 , 79 พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี ประกอบกับจำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ร่วม แสดงว่ารู้สำนึกถึงความผิดและพยายามบรรเทาผลร้ายได้บ้างแล้ว
ส่วนโจทก์ร่วมแถลงไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลยและขอให้ลงโทษสถานเบา จึงเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยกลับตนเป็นพลเมืองดี ให้รอการกำหนดโทษไว้มีกำหนด 3 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56
ขอบคุณ... https://www.isranews.org/article/isranews-news/106855-isranews_news-398.html