ไรเดอร์แม่ลูกอ่อน กะเตงลูกส่งอาหาร ขณะที่ สามีแขนขวาขาด ภรรยาจึงต้องเป็นเสาหลัก
จากกรณีเฟสบุ๊ก เจ๊นุ่น กะปิโหว่ ปลีกส่ง โพสคลิปไรเดอร์กะเตงลูกส่งอาหาร โดยระบุข้อความว่า “จ้างหยุด 2 วัน + เพิ่มอีก 2 วันเป็น 4 วัน จาก รวีวรรณ พุฒิพุฒชาติ ให้ค่าแรงน้องเพิ่ม ขอบคุณผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ อยากให้น้องก้องภพ ได้พักผ่อนบ้างสัก 2 วัน ก็ยังดี”
ล่าสุด วันนี้ 23 ก.พ.เวลา 16.00 น.เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดระยอง และเจ้าหน้าที่ของเทศบาลนครระยอง ได้เดินทางไปพบกับนางสุกัญญา วงษ์ลคร อายุ 38 ปี ไรเดอร์สาวแม่ลูกอ่อนกับสามีชื่อนายเกียรติศักดิ์ ลาแดง อายุ 56ปี ที่แขนขวาขาดเกิดจากอุบัติเหตุ ซึ่งทำงานอยู่ที่ปั๊มน้ำมัน และเด็กชายก้องภพ อายุ 1 ปี 3 เดือน ที่ร้านเจ้นุ่น ขายผลไม้ดอง ริมถนนสุขุมวิท อ.เมือง ระยอง ซึ่งเป็นคนโพสต์
นางสุกัญญา วงลคร อายุ 38 ปี ไรเดอร์ แม่เด็กชายก้องภพ อายุ 1ปี 3 เดือน เล่าว่า ตนเองต้องเป็นไรเดอร์วิ่งส่งอาหาร เนื่องจากรายได้ในครอบครัวไม่เพียงพอ จึงต้องช่วยกันหารายได้เพิ่ม และต้องนำลูกไปด้วย เนื่องจากไม่มีคนดูแลลูก รายได้ของสามี ประมาณ 10,050 บาท/เดือน ส่วนตัวเองรายได้ไม่ตายตัวจะขึ้นอยู่กับออร์เดอร์อาหารของแต่ละวัน รายได้ตกวันละ 200-500 บาท โดยวิ่งรับออร์เดอร์ตั้งแต่ 8:30 - 21:00 น. มีหนี้ในระบบและหนี้นอกระบบ รวมกันประมาณ 1 แสนบาท และยังมีค่านมลูกอีก 2,500 บาทต่อเดือน ถึงรายได้ไม่เยอะ แต่ช่วยกันหารายได้เพิ่มขึ้นให้พอช่วยกันค่อยๆใช้หนี้ไป
ด้าน นายเกียรติศักดิ์ ลาแดง อายุ 47 ปี สามีไรเดอร์ ซึ่งมีอาชีพ เป็นพนักงานในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง เป็นผู้พิการแขนขวา เล่าว่า ภรรยา ทำงานเป็น รปภ.อยู่ที่ห้างสรรพสินค้า ในตัวเมือง ระยอง พอมีลูกต้องออกมาเลี้ยงดูลูก เพราะจ้างเขาเลี้ยงไม่ไหว ประกอบกับช่วงโควิด ภรรยาออกจากงานมาดูแลลูกอย่างเดียว ทำให้ค่าใช้จ่ายไม่พอ และเป็นหนี้สินนอกระบบด้วย ภรรยาจึงไปวิ่งส่งอาหารช่วยเหลืออีกทาง ตนเองก็เป็นห่วงเพราะกลัวจะเกิดอันตราย ปกติตนเลิกงานก็จะมาช่วยเลี้ยง
ทั้งคู่ยังเล่าอีกว่า ตนเองลำบากก็จริงในเรื่องค่าใช้จ่าย ต้องยืมเงินเพื่อน คนรู้จักมาหมุน เพราะรายได้ไม่พอใช้ในแต่ละเดือน บวกกับปริมาณหนี้สินที่เยอะเกินกำลัง อยากขอบคุณทางหน่วยงานที่เข้ามายื่นมมือช่วยเหลือ แต่ตนเองก็อยากเลี้ยงลูกกันเองเพราะกลับบ้านมาได้เจอหน้าลูกก็หายเหนื่อย มีกำลังใจสู้ต่อ ตนจึงขอแค่ให้หน่วยงานช่วยดำเนินการเรื่องการสร้างอาชีพให้ภรรยาที่สามารถเลี้ยงลูกไปด้วยได้ โดยไม่อันตรายต่อลูกดีกว่า เพราะตนกลับมาจากทำงานเหนื่อยๆก็ยังได้เจอหน้าลูก
ขณะที่ คุณเยาวลักษณ์ ภูที อายุ 48 ปี เจ้าของโพสต์ ซึ่งเป็นแม่ค้าขายผลไม้รถเข็นได้เล่าว่า ตนเองก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก ซึ่งวันนั้นไรเดอร์คนนี้มารับออเดอร์ช่วงฝนตกรู้สึกสงสารจึงนำไปโพสต์ลงเฟซบุ๊ก จนเพื่อนในเฟสเห็นก็เข้ามาช่วยเหลือโดยการโอนเงินให้ และตนเองได้เขียนรายละเอียดหน้าเฟซบุ๊กให้โอนเงินช่วยไรเดอร์สาวโดยตรงได้เลยโดยระบุเบอร์พร้อมเพย์ไว้ให้ จะได้ไม่ต้องโอนเงินผ่านตน
ด้าน นางสาว นพพนา เจริญธรรม หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ระยอง กล่าวว่า จากการที่ได้มาพูดคุยกับ พ่อและแม่ของเด็ก ปัญหาครอบครัวนี้เกิดจากการทีมีหนี้สินทั้งในระบบและนอกระบบ รวมๆกันแล้วเป็นแสนบาท ไม่มีเงินพอที่จะนำเด็กไปฝากเลี้ยงที่เนิร์สเซอรี่ จึงนำลูกไปด้วย ซึ่งก็เกิดความเสี่ยงอันตรายต่างๆที่จะเกิดขึ้น ทาง พม.เสนอให้นำเด็กมาฝากเลี้ยงกับเราก่อนซัก 2 ปี เพื่อที่จะได้ทำงานกันสะดวกขึ้น แต่ทั้งคู่ขอเลี้ยงดูบุตรเอง เบื้องต้นจึงได้ช่วยเหลือเงินสงเคราะห์สำหรับผู้มีรายได้น้อยเป็นเงินฉุกเฉินให้เปล่า จำนวน 3,000 บาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และเนื่องจากพ่อเด็กเป็นผู้พิการแขนขาด ก็จะประสานกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้กู้เงินของกองทุนคนพิการ เพื่อให้มาทำทุนค้าขาย โดยทาง พม.มีสถานที่ที่ศูนย์ราชการให้ได้ค้าขาย หรือทางแม่เด็กอยากจะขายของอยู่หน้าบ้านก็แล้วแต่สะดวก
โดยหลังจากเข้าตรวจสอบบริเวณบ้านเช่าเลขที่ 43/4 ถ.อดุลย์ธรรมประภาส คอนโดศรีเมือง ซ.2 อ.เมือง จ.ระยอง ซึ่งเป็นบ้านเช่าของ 3 พ่อ แม่ ลูก พบว่าเป็นบริเวณชุมชน โดยหน้าบ้านสามารถตั้งโต๊ะ เพื่อประกอบอาชีพค้าขายได้เป็นอย่างดี ทาง พมจ.จึงจะทำการประสานงานเพื่อหาทุนทรัพย์ มาให้ไรเดอร์เพื่อลงทุนทำการค้าขาย เพราะจะได้สามารถมีอาชีพพร้อมทั้งอยู่ดูแลลูกได้อย่างปลอดภัยกับเด็ก และเป็นการแก้ปัญหาให้อย่างยั่งยืน
จากนั้นได้เดินทางไปดูสภาพความเป็นอยู่ของบ้าน ซึ่งเป็นบ้านเช่าเป็นห้องแถว อยู่ในซอยคอนโดศรีเมือง และนำข้าวสารพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคและนมสำหรับเด็กมามอบให้ในเบื้องต้นด้วยแล้ว
ขอบคุณ... https://news.ch7.com/detail/552367