ตาลั่น! ไม่เคยพาหลานพิการขอทาน เผยเป็นเหตุเข้าใจผิด
ตาลั่น! ไม่เคยให้หลานพิการขอทาน ในคลิปเป็นเหตุเข้าใจผิด พร้อมเผยชีวิตสุดรันทด หาเช้ากินค่ำกว่า 10 ชีวิตอาศัยในบ้านไม้เก่าผุพัง
เมื่อวันที่ 29 พ.ย.2565 เวลา 13.00 น.จากกรณีครอบครัวซาเล้งเก็บของเก่า 5 ชีวิต รถซาเล้งจอดเสียไม่มีเงินซื้อน้ำมันเครื่องต้องให้เด็กพิการมานั่งขอทานเพื่อหาเงินซื้อน้ำมันเครื่อง ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ชุมชนวัดแสงสิริธรรม หมู่ 5 ต.ท่าอิฐ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พบกับ นาย สนั่น หรือต่อ อายุ 48 ปี เจ้าของรถซาเล้งคันดังกล่าว และครอบครัวอีก 7 ชีวิต รวมไปถึง น้องกาตูน อายุ 13 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคพิการทางสติปัญญาและกล้ามเนื้ออ่อนแรง
โดยภายในบ้านมีสภาพทรุดโทรมใกล้จะพัง พื้นบ้านทรุดเป็นแอ่งหลุม หลังคารั่ว กำแพงบ้านเผยอ ที่นอนก็ใช้ไม้ที่เขาบริจาคมาต่อให้สูงเพื่อให้พ้นจากน้ำท่วม โดยบ้านหลังดังกล่าวอาศัยอยู่ด้วยกันทั้งหมด 10 ชีวิต และรายได้ทั้งหมดมาจากการเก็บของเก่าขายซึ่งเฉลี่ยจะอยู่ที่ราวๆ 200-300 บาท ไม่พอกับค่าใช้จ่ายที่ต้องดูแลทั้ง10ชีวิต
นาย สนั่น เล่าว่า จากเหตุการณ์ที่เห็นหลานของตนนั่งถือขันทำเหมือนขอทานนั้น ตนต้องขอโทษด้วย จริงๆ แล้วไม่ได้พาหลานไปนั่งขอทาน แต่รถซาเล้งเสียไม่สามารถขับต่อได้เนื่องจากน้ำมันเครื่องแห้ง จึงทำให้รถดับบริเวณหน้าปั้มน้ำมันดังกล่าว ตนจึงให้เด็กๆ ลงไปนั่งคอยริมถนนดีกว่านั่งอยู่บนรถ เพราะกลัวว่าอาจจะเกิดอุบัติเหตุรถเข้ามาชนจากด้านหลัง
ส่วนขันสีชมพูที่เห็นก็เป็นขันที่เก็บได้จากถังขยะก่อนหน้านี้ เด็กๆ จึงเอาลงไปเล่นแหย่กัน ไม่ได้จะพาหลานไปนั่งขอทานแต่อยางใด เพราะที่บ้านยากจนมาก ครอบครัวอาศัยอยู่กัน 10 คน ทำอาชีพเก็บของเก่า รายได้ก็ไม่แน่นอนบางวันก็เก็บของไม่ได้เลย เพราะไม่ทันรถเก็บขยะ บางวันดีหน่อยเก็บของได้เยอะ ก็เอาไปขายได้เงินมา 500 บาท ก็เอามาซื้อข้าวกินกันทั้งครอบครัว
ส่วนรถซาเล้งคันที่เสีย ตอนนี้ก็ยังไม่มีเงินซื้อน้ำมันเครื่องมาเติม ก็ยังไม่รู้ว่าจะฝืนขับต่อไปอีกได้ไหม เพราะรถซาเล้งก็เช่าเขามา โดยจ่ายค่าเช่าคันละ 100 บาท ทั้งหมด 2 คัน แต่จะจ่ายอาทิตย์ละ 1 ครั้ง คือทุกอาทิตย์ตนจะต้องเตรียมเงินจ่ายค่าเช่ารถซาเล้ง 1,400 บาท ไหนจะค่าเช่าบ้านอีกเดือนละ 2,000 บาท ค่าน้ำค่าไฟที่รวมๆ แล้วตกเดือนละอีก 3,000 กว่าบาท
ก่อนหน้านี้ตอนน้ำท่วม ก็มีเจ้าหน้าที่ไม่แน่ใจว่ามาจากไหนเข้ามาดูบ้านและบอกจะเข้ามาช่วยจนตอนนี้ ก็ยังไม่มีใครเข้ามาเลย ช่วงน้ำท่วมที่บ้านโทรทัศน์ ตู้เย็นพังหมด เหลืองเพียงหม้อหุงข้าวที่ยังใช้ได้ใบเดียว และได้รับถุงยังชีพเพียงแค่ 1 ถุง เท่านั้นก็ช่วยประคองมาได้ 2-3 วัน ตอนนี้ก็เป็นห่วงน้องกาตูนซึ่งเป็นหลานของตน ช่วงนี้โรงเรียนสั่งปิดเนื่องจากมีคนติดโควิดที่โรงเรียน จะให้น้องอยู่บ้านเพียงลำพังก็ไม่ได้ รวมกับตัวน้องไม่อยากอยู่บ้านด้วยตนจึงต้องพาออกไปทำงานด้วยทุกวัน
อย่างล่าสุดพาออกไปทำงานด้วยกลับมาก็ไม่สบาย แต่น้องก็ไม่อยากนอนอยู่บ้านเฉยๆ อยากช่วยทำงานหาเงิน และเพราะบ้านที่จะใกล้พังก็ไม่กล้าให้หลานอยู่บ้านเพียงลำพัง เพราะปกติทุกคนออกไปทำงานกันหมด หลานช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ก็กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับหลานของตน ตอนนี้อยากจะซ่อมแซมบ้านก่อน เพราะไม่รู้ว่าจะพังตอนไหนกลัวว่าถ้ามันพังตอนหลานตนอยู่ในบ้าน
ก็อยากจะขอวอนผู้ใจบุญหากสามารถช่วยซ่อมแซมบ้านให้ ตนก็จะดีใจมากๆ และขอขอบคุณมากๆ ส่วนเรื่องรถซาเล้ง ตนก็อยากได้เป็นของตัวเอง จะได้ไม่ต้องเสียค่าเช่าให้เขาตั้ง 2 คัน ตกจ่ายค่าเช่ารถซาเล้ง 2 คัน เดือนละ 6,000 บาท จะได้พอมีเงินเก็บเอาไว้ใช้จ่ายยามฉุกเฉินบ้าง นาย สนั่น กล่าว
ทางด้าน น.ส.วรรณา อายุ 32 ปี แม่ของน้องกาตูน กล่าวว่า น้องกาตูนตอนนี้เรียนอยู่ที่โรงเรียนศรีสังวาลย์ ปากเกร็ด ซึ่งเป็นโรงเรียนเฉพาะผู้พิการโดยเฉพาะ ตอนแรกพอรู้ว่าน้องกาตูนไปนั่งขอทานแบบนั้นก็รู้สึกไม่ดี แต่คิดว่านายสนั่นไม่ได้มีเจตนาพาหลานไปนั่งขอทานแบบนั้นแน่ๆ พอได้กลับมาคุยกันก็ทำให้ทราบเรื่องทั้งหมดก็โล่งใจ
ตอนนี้โรงเรียนสั่งหยุดเรียนเพราะโควิด19 ก็กังวลใจในเรื่องของการรักษาน้องกาตูน เพราะปกติทางโรงเรียนจะคอยดูแลน้องในเรื่องของการส่งตัวไปรักษาที่ รพ.พระมงกุฏ เพราะจะช่วยทุ่นในเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปได้เยอะ เคยคุยกับคุณหมอที่รักษาน้อง หมอบอกว่าน้องต้องได้รับการทำกายภาพบ่อยๆ ไม่อย่างนั้นน้องอาจจะเดินไม่ได้
ตอนนี้อยากให้มีหมอหรือนักกายภาพเข้ามาช่วยเหลือน้องหน่อย เพราะตนเองก็ไม่มีเงินค่ารถพอที่จะพาน้องไปโรงพยาบาล เพราะทุกวันนี้ก็ต้องค้างจ่ายค่าข้าวเขาเอาไว้ก่อน หากมีหมอหรือนักกายภาพมาดูอาการน้องที่บ้านจะขอบคุณมากๆ อยากให้น้องกลับมาเดินได้เหมือนเด็กๆ ทั่วไปอีกครั้ง