“พ่อเบิร์ด-แม่แขก” ทำขนมถ้วยเร่ขายหาเลี้ยงลูก 2 ชีวิต แม้ 1 คนสมองพิการ พร้อมสู้ จะดูแลให้ดีที่สุด!
รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 28 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปรู้จัก “พ่อเบิร์ดและแม่แขก” ที่ไม่เพียงสู้ชีวิตด้วยการทำขนมถ้วยเร่ขายเลี้ยงครอบครัว แต่ยังมีลูกพิการที่ต้องดูแล แม้บางครั้งจะอัตคัดขัดสน พ่อกับแม่ก็พร้อมยอมอด เพื่อให้ลูกได้อิ่ม จะดูแลลูกให้ดีที่สุด
ณ ห้องเช่าแคบๆ ย่านบางขุนเทียน ซอยเอกชัย 15 "พ่อเบิร์ด" สุเทพ มุ่งดี และ "แม่แขก" ประไพ หอมหวล พักอาศัยอยู่กับลูกชายวัย 13 "น้องเก้า" วงศกร มุ่งดี และน้องหนูดี ลูกสาวคนเล็ก วัย 6 ขวบ ที่เกิดมาพร้อมกับความพิการทางสมอง พูดไม่ได้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ โดยแม่แขกและพ่อเบิร์ดยึดอาชีพทำขนมถ้วยเร่ขายหารายได้เลี้ยงครอบครัว 4 ชีวิต
ก่อนหน้าจะมีหนูดี ลูกสาวคนเล็ก พ่อเบิร์ดและแม่แขกเคยสูญเสีย "น้องขวัญ" ลูกคนที่สองไปในวัยแค่ 3 ขวบ ซึ่งน้องไม่เพียงคลอดก่อนกำหนด แต่ยังพิการและติดเชื้อที่ไขสันหลัง
"ตอนท้องน้องขวัญได้ 6 เดือน แม่ปวดท้อง เหมือนจะคลอด ไปคลินิกก็ให้ยาพาราฯ มากิน พอปวดไม่หาย ก็ไป รพ. ก็ให้ยาพาราฯ มาอีก สุดท้ายมาคลอดน้องตอน 8 เดือน …น้องอยู่ถึงอายุ 3 ขวบ (ถาม-น้องเสียเพราะอะไร?) น้องไม่กินนม ไม่กินข้าว และนอนซึม น้องก็เหมือนหลับไปเลย"
หลังสูญเสียน้องขวัญไปได้ 2 ปี ด้วยความที่อยากมีลูกสาว แม่แขกและพ่อเบิร์ดจึงตัดสินใจมีน้องหนูดี โดยไม่คิดว่า น้องจะมีความผิดปกติซ้ำรอยน้องขวัญ ซึ่งหากรู้ก่อน แม่พร้อมยุติการตั้งครรภ์
"ตอนฝากท้อง แม่ก็บอกหมอว่า ลูกคนที่สองเป็นอย่างนี้ มีอาการอย่างนี้ จะมีผลอะไรไหม เขาก็ตรวจเลือดแม่ แล้วบอกว่าเกือบไม่ผ่าน ตรวจเลือดพ่อ ก็บอกว่า เกือบไม่ผ่านเหมือนกัน แต่ก็ได้อยู่ เลยตัดสินใจมีน้อง เพราะหมอไม่ได้บอกว่า มีไม่ได้"
ในที่สุด แม่แขกก็คลอดหนูดีตอน 8 เดือนเหมือนน้องขวัญ แม้หนูดีจะไม่มีภาวะติดเชื้อที่ไขสันหลัง แต่ก็เกิดมาพร้อมกับความผิดปกติหลายๆ อย่าง
"หมอบอกว่า น้องหายใจเร็วนะแม่ และมีเลือดข้น เลือดจะไม่ไปเลี้ยงสมอง ไม่ไปเลี้ยงร่างกาย ...หลังออกจาก รพ. ไปอยู่บ้านได้อาทิตย์หนึ่ง แม่ก็ไปปรึกษาหมอว่า น้องไม่ค่อยตื่นกินนม และไม่ค่อยร้อง หมอบอกว่า ไม่เป็นไร น้องคลอดก่อนกำหนด เขาจะพัฒนาตามอายุของเขา"
ปัจจุบันน้องหนูดีอายุ 6 ขวบ พูดไม่ได้ แต่ร้องกรี๊ดเป็นระยะๆ สำหรับอาหารของน้อง ป้อนโจ๊กได้ แต่ต้องบดให้ละเอียดขึ้น รวมทั้งต้องให้อาหารเสริมทางสายยางตามที่หมอสั่ง น้องไม่สามารถขับถ่ายเองได้ ต้องใช้วิธีสวน นอกจากนี้แขนขาน้องมักจะเหยียดเกร็งเป็นประจำ พ่อกับแม่ต้องคอยงัดออกและนวดให้น้อง และน้องต้องกินยากันชักอยู่ตลอด
ทุกวัน แม่แขกและพ่อเบิร์ดต้องตื่นตั้งแต่ประมาณตี 2 เพื่อทำขนมถ้วย โดยพ่อเบิร์ดเป็นตัวหลักในการทำขนมทุกขั้นตอน ตั้งแต่สีมะพร้าว หมักแป้ง คั้นกะทิ หยอดขนม หยอดหน้าขนม ขณะที่แม่แขกดูแลลูกและเตรียมอุปกรณ์บางอย่างให้พร้อม
หลังขนมเสร็จเรียบร้อย แม่แขกจะเข็นรถออกไปขายที่ตลาดวัดไทร (เอกชัย 23) ตั้งแต่ 6 โมงเช้า หลังตลาดวายประมาณ 9 โมง จะเข็นกลับมา จากนั้นพ่อเบิร์ดจะขี่มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างออกไปเร่ขายขนมต่อ ซึ่งจะไปไกลขึ้น เหตุที่ต้องผลัดกันขาย เพราะอีกคนต้องอยู่ดูแลลูก
สุขภาพพ่อเบิร์ดเริ่มมีปัญหาจากอาการปวดหลัง!!
“เมื่อก่อนเคยทำงานรับจ้าง ต้องแบกโต๊ะสนุกฯ อยู่หลายปี ตอนนี้ยกซึ้งนึ่งขนมหนักประมาณ 3-4 โล ต้องยกวันละหลายรอบ ถ้ายกผิดจังหวะ จะเจ็บแปล๊บขึ้นมาเลย ตอนแรกจะปวดก่อน พอ 2-3 วันจะหนักขึ้น เจ็บเป็นอาทิตย์ก็ยังไม่หาย เวลาเป็น จะหยิบจับอะไรไม่ได้เลย แม้แต่จะเดินเข้าห้องน้ำ ก็ไม่อยากเดิน มันทรมานมาก ปวด (ถาม-เคยคุยกับภรรยาไหม วันนี้ไม่ไหว อยากจะนอน?) เคย เขาก็บอก ถ้าหยุด ก็ไม่มีเงินใช้ ไม่มีเงินหมุน ช่วยสู้ไปอีกก่อน (ถาม-แล้วทำยังไง เจ็บก็เจ็บ?) เจ็บก็ต้องฝืน ก็ต้องทำ”
ไม่ใช่แค่สุขภาพที่บั่นทอนการทำมาหากิน แต่ห้องเช่าที่พักอาศัยก็คับแคบทรุดโทรม และประสบปัญหาน้ำท่วมแทบทุกปี
“คือหน้าฝนนี่อยู่ไม่ได้นะ นอนก็นอนไม่หลับ น้ำเข้าห้อง เวลาฝนตกแรงๆ ก็มานั่งเฝ้า เดี๋ยวน้ำเข้าห้องหรือเปล่า... (ถาม-มีเครียด เหนื่อย ท้อไหม?) ท้อไปมันก็ไม่ได้ชีวิต ต้องสู้ สู้อย่างเดียว เพื่อจะหาเงินมาจุนเจือครอบครัว”
ขณะที่เพื่อนบ้าน อดชื่นชมแม่แขกและพ่อเบิร์ดไมได้ว่า แม้ชีวิตจะลำบากเพราะต้องดูแลลูกพิการ แต่ทั้งสองเป็นคนดีมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ผู้อื่นเสมอ
“เขาใจดีนะ เวลาขายของ จะมีพวกขอทาน บางทีมา 3 คน ขอคนละกล่องๆ เขาก็ให้ ให้ 3 คนเลย บางทีคนเดินร้องเพลงตาบอดมา เขาก็ให้ เขาเป็นคนช่วยเหลือคน แฟนผู้ชายก็จิตใจดี มีอะไรก็เรียกช่วยได้ ช่วยยกของช่วยอะไร เขาสู้ชีวิตดี เขาคิดถึงแต่ลูก กลัวลูกไม่มีจะกิน”
ขณะที่พ่อเบิร์ดยอมรับว่า ไม่ว่าจะอย่างไร ลูกต้องมาก่อน“พ่อแม่นี่อดได้ แต่ลูก ผมไม่ให้อด เคยถึงขั้นไปหยิบยืมเขาไปซื้อนม เพื่อจะมาให้ลูกกิน คือต้องให้ลูกมาก่อน”
หากถามว่า มองอนาคตของลูกทั้งสองอย่างไร? แม่แขก บอกว่า“อยากส่งลูกคนโตให้เรียนสูงที่สุด ส่วนคนเล็กจะดูแลเขาให้ดีที่สุด”
แม้หมอเคยบอกว่า น้องอาจอายุไม่ยืน โดยอาจอยู่ได้ไม่เกิน 20 ปี แต่พ่อเบิร์ดยืนยันว่า"อนาคตข้างหน้าผมไม่รู้ว่าน้องจะเป็นยังไง แต่ ณ ปัจจุบัน พวกผมจะเลี้ยงเขาให้ดีที่สุด ให้อยู่กับพวกผมไปนานๆ"
แม่แขก ยังพูดถึงพ่อเบิร์ด สามีด้วยว่า“ดีใจที่เขาสู้มาด้วยกัน เวลาอดก็อดด้วยกัน เขาช่วยได้ทุกอย่าง เราอยู่ด้วยกันเหมือนคนเดียวกัน เราสามารถดูแลลูกได้เหมือนกัน”
ขณะที่พ่อเบิร์ด ยืนยันว่า ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหน พร้อมสู้เพื่อลูก แม้ลูกพิการ ก็ไม่เคยคิดจะทอดทิ้ง“ผมไม่เคยคิด เพราะเขาเกิดมาแล้ว เขาจะปกติหรือไม่ปกติ เราต้องเลี้ยงเขา ถึงจะไม่มีกินก็ช่าง เราต้องดูแล เพราะว่าเขาเป็นลูกเรา เราจะทิ้งได้ยังไง มาอย่างนี้แล้ว”
“ทุกวันนี้ เวลาไปขายของกลับมา แค่ได้เห็นเขายิ้ม ก็มีความสุขแล้ว ถ้าเขาไม่เจ็บไม่ป่วย ก็มีความสุขแล้ว วันไหนเห็นเขาป่วยเป็นไข้หนักๆ พ่อแม่นี่จะทุกข์เลย”
หากท่านใดต้องการให้กำลังใจหรือช่วยเหลือ สามารถโอนไปได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี น.ส.ประไพ หอมหวล เลขบัญชี 049-353-3738 หากต้องการติดต่อ โทรไปได้ที่ 091-068-6317 หากต้องการมอบสิ่งของจำเป็นสำหรับลูกพิการ เช่น แพมเพิส (ไซส์ XL แบบกางเกง) ส่งไปได้ที่ 112/1 ซอยเอกชัย 15 แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพฯ 10150
คลิกชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “ขนมถ้วย...สู้เพื่อลูก” https://www.youtube.com/watch?v=QOYYV71j5wU&t=61s (ขนาดไฟล์: 912899)