สุดดีใจ!! กลุ่มผู้พิการและถือบัตรคนจนกลุ่มแรก รับเงิน 10,000 วันแรก คึกคัก
สระแก้ว – กลุ่มผู้พิการและถือบัตรคนจนกลุ่มแรก รับเงิน 10,000 วันแรก คึกคัก เตรียมเอาเงินไปใช้หนี้ ซื้อข้าวไว้กิน ซ่อมรถ และลงทุนทำมากิน สุดดีใจได้เงินจริง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนได้ส่วนหนึ่ง
เมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 25 ก.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานที่ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว บรรยากาศการเดินทางไปกดรับเงิน 10,000 บาทวันแรก ว่าที่บริเวณด้านหน้าธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร มีชาวบ้านที่่ได้รับสิทธิ์กดเงินสด จากเดิมที่เป็นเงินดิจิตอลวอร์เล็ตตั้งแต่ในสมัยรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน และเปลี่ยนเป็นการแจกเป็นเงินสดในสมัย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ดังกล่าว ซึ่งบรรยากาศวันแรก มีชาวบ้านเดินทางมาเพื่อกดเงิน 10,000 กันอย่างคึกคัก
ทั้งนี้ เบื้องต้นรัฐบาลจัดลำดับคิวการโอนเงิน 10,000 บาท ให้กับกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ 4 วัน ดังนี้ โดยวันที่ 25 ก.ย.67 สำหรับผู้พิการ 2.1 ล้านคน และผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่บัตรประชาชนลงท้ายด้วยเลข 0 , วันที่ 26 ก.ย.67 สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่บัตรประชาชนลงท้ายด้วยเลข 1, 2 และ 3 , วันที่ 27 ก.ย.67 สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่บัตรประชาชนลงท้ายด้วยเลข 4, 5, 6 และ 7 และ วันที่ 30 ก.ย.67 สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่บัตรประชาชนลงท้ายด้วยเลข 8 และ 9
นางสมหมาย คำสว่าง อายุ 63 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ ต.ทุ่งมหาเจริญ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว เดินทางด้วยรถซาเล้งตั้งแต่ช่วงเช้ามืดระยะทางกว่า 30 กม. เพื่อมายังธนาคารออมสิน ตลาดวังน้ำเย็น เพื่อกดเงิน โดยนำสมุดบัญชีอัพเดท พบว่า มีเงินเข้ามา 10,000 บาท จึงกดเงินทั้งหมดออกมา ซึ่ง นางสมหมาย บอกว่า จะนำเงินไปใช้หนี้ จากการทำการเกษตร ดีใจที่ได้เงินก้อนนี้จริง ๆ ตอนแรกก็มั่นใจว่าได้ กระทั่ง ดูข่าวว่าเป็นกลุ่มแรกที่ได้เงิน จึงเดินทางพร้อมสามีจากบ้านคลองใหญ่ บ้านทุ่งมหาเจริญ เพื่อมากดเงิน ซึ่งมาแล้วมีเงินจริงก็ดีใจ
ส่วนบรรยากาศที่่หน้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาวังน้ำเย็น พบมีชาวบ้านผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกลุ่มผู้พิการจำนวนมาก เดินทางมาต่อคิวเพื่ออัพเดทสมุดบัญชีและกดเงินสด โดยนายวุฒิภัทร วงศ์วิชา ผู้พิการทางสมอง ยิ้มด้วยความดีใจ บอกว่า มาตั้งแต่ 07.00 น.กว่า จากเดิมในบัญชีไม่มีเงินเลย เมื่อมากดก็พบว่า มีเงินอยู่ 10,000 บาทจริง โดยโชว์ยอดเงินในบัญชี 10,000 บาทให้ดูด้วย จึงกดออกมาได้ ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะเอาเงินก้อนนี้ไปทำอะไร แต่จะเก็บไว้ใช้ส่วนตัว เบื้องต้นจะเอาไปซื้อของเข้าบ้านเป็นอันดับแรก
ส่วน นายตากล้อง เกิดนอก อายุ 63 ปี ที่อยู่ 96/7 ม.10 ต.ทุ่งมหาเจริย อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน พร้อมด้วย ภรรยา และหลานชาย ด.ช.นิธิศ เกิดนอก อายุ 12 ปี ผู้พิการประเภท 2,3 ,5,6 แขนขาอ่อนแรงตั้งแต่เกิด ซึ่งได้รับเงินสด คนละ 10,000 บาท รวม 3 คน จำนวน 30,000 บาท กล่าวว่า พากันเดินทางด้วยรถซาเล้งพ่วงมาแต่เช้า ระยะทางกว่า 36 กิโลเมตร เพื่อมารอเบิกเงินซึ่งมียอดเข้าวันนี้ แต่ไม่มีบัตรเอทีเอ็ม ก็เลยต้องรอเบิกเงินในช่วงธนาคารเปิดให้บริการ ซึ่งเงินก้อนนี้ ตนและครอบครัวจะเอาไปซื้อข้าวสาร รู้สึกดีใจที่รัฐบาลให้เงินหมื่นจริง ๆ ซึ่งยอดเงินนี้ จะเอาไปต่อทุนปลูกผัก มีรายได้วันละ 100-200 บาท เหลือแค่ซื้อกับข้าวกินในครอบครัว เมื่อได้เงินก้อนนี้มา ก็จะเอาไปลงทุน เอาไปซ่อมรถซาเล้งที่เสีย 3,000 กว่าบาทด้วย เพราะวันนี้ก็ยืมรถป้าเขามา ซึ่งเงินที่ได้มาส่วนหนึ่งจะเอาไปใช้หนี้ 5,000 บาท ด้วย พอไม่พอก็ยังดี
“อยากบอกรัฐบาลว่า ขอบคุณรัฐบาล ที่ช่วยคนจน ๆ อย่างพวกเรา ให้พอลืมตาอ้าปากได้ก็ยังดี ขอบคุณมาก ทุกวันนี้อยู่บ้านก็มีสวนลำไย ที่เขาให้ไปเก็บลำไยร่วงมาขาย พอได้ 200-300 บาทก็พอได้ค่ากับข้าว ชีวิตไม่ใช่แค่ลำบาก แทบหายใจไม่ทัน แต่ก็ดีใจที่ได้เงินก้อนนี้ ” นายตากล้องกล่าว
ขณะเดียวกัน นายประสิทธิ์ พวงไธสง อายุ 62 ปี ผู้พิการประเภท 3 ทางการเคลื่อนไหว ขาพิการมากว่า 20 ปี ที่อยู่ 49/1 ม.3 ต.วังน้ำเย็น อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว กล่าวว่า จะนำเงินไปใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น ที่เหลือก็จะเก็บไว้ใช้จ่ายที่จะมีต่อ ๆ ไป ส่วนใหญ่ก็จะเอาไปใช้หนี้สินที่มีไม่มาก ประมาณ 5-6 พันบาท ซึ่งพอได้เงินนี้มาจริง ๆ ก็ดีใจมาก ตอนแรกก็คิดว่า จะไม่ได้เหมือนกัน แต่ตอนนี้ได้มาจริง ๆ ก็ดีใจมาก โดยได้เป็นกลุ่มแรกคือ ผู้พิการทั้งประเทศ ซึ่งตนพิการทางขามานานกว่า 20 ปีแล้ว ตอนนี้เบิกเงินมาเรียบร้อยแล้วจำนวน 10,000 บาท พร้อมกับยกเงินสดจำนวน 10,000 บาทมาให้ดูแล้วพูดว่า ผมได้แล้วครับ เบิกมาหมด 10,000 บาท