มีเงินล้าน...จะยืนระยะได้กี่น้ำ?

แสดงความคิดเห็น

เข็มทิศลงทุน

สัปดาห์ที่แล้ว เข็มทิศลงทุนได้ลงบทความเรื่อง “เกษียณแล้วหยุดทำงานได้ แต่ห้ามหยุดทำเงิน” แฟนประจำหลายท่านเกิดติดใจ และอยากให้ลงรายละเอียดว่าแต่ละปีจะใช้เงินอย่างไร และจะได้ผลตอบแทนอย่างไร ถึงจะทำให้ชีวิตหลังเกษียณมั่นคง และมั่นใจได้ว่าจะยืนระยะได้ยาว ๆ

วิธีการคือ ต้องจัดสรรเงินเป็น 4 ส่วน เพื่อใช้จ่ายใน 4 ช่วงชีวิต

มาดูตัวอย่างของคนที่เกษียณแล้ว ไม่มีเงินเดือน ไม่มีเงินบำนาญ แต่มีเงินออม 1,000,000 บาท ต้องแบ่งเงินเป็น 4 ส่วน

เงินส่วนที่ 1 : สำหรับใช้จ่ายประจำวันและเสริมสภาพคล่องตั้งแต่อายุ 60-65 ปี สมมุติให้มีค่าใช้จ่ายเดือนละ 10,000 บาท เป็นเวลา 5 ปี ดังนั้น ต้องแยกเงินออกมา 600,000 บาท แต่อย่าให้เงินก้อนนี้อยู่นิ่ง ๆ ต้องให้เงินทำงาน สร้างผลตอบแทนอย่างต่อเนื่อง โดยเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่อง เช่น ฝากธนาคาร ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 2%

เพียงพอสำหรับการใช้จ่ายจนถึงอายุ 65 ปี

เงินส่วนที่ 2 : สำหรับลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนตั้งแต่อายุ 60 ปี และนำมาใช้จ่ายเมื่ออายุ 65 ปีขึ้นไป หลังจากจัดสรรเงินสำหรับใช้จ่ายประจำวันไปแล้วแนะนำให้แบ่งเงิน 65% ของเงินที่เหลืออยู่ = 260,000 บาท เพื่อลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอและความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ภาคเอกชน กองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ผลตอบแทนเฉลี่ยจากการลงทุนในตราสารหนี้ประมาณ 4-5% เมื่อผู้ลงทุนอายุ 65 ปี เงินลงทุน 260,000 บาท จะทบต้นทบดอกกลายเป็นเงินประมาณ 320,000 บาท สำหรับใช้จ่ายได้จนถึงอายุ 68 ปี

เงินส่วนที่ 3 : สำหรับลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนตั้งแต่อายุ 60 ปี และนำมาใช้จ่ายเมื่ออายุ 68 ปีขึ้นไป จัดสรรเงินอีก 20% ของเงินต้นที่เหลือ = 80,000 บาท เพื่อลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น โดยเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระบุว่า ผลตอบแทนเฉลี่ยจากการลงทุนในหุ้นตั้งแต่ปี 2544-2555 อยู่ที่ 20% เมื่อผู้ลงทุนอายุ 68 ปี เงินลงทุน 80,000 บาท จะกลายเป็นเงิน 350,000 บาท และจะใช้จ่ายจนถึงอายุ 71 ปี

เงินส่วนที่ 4 : สำหรับลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนตั้งแต่อายุ 60 ปี และนำมาใช้จ่ายเมื่ออายุ 71 ปี นี่คือเงิน 15% สุดท้าย หรือ 60,000 บาท นำไปลงทุนในกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนไม่ให้กระจุกตัวอยู่ในประเทศเพียงอย่าง เดียว ซึ่งผลตอบแทนเฉลี่ยของการลงทุนต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 15% ดังนั้น ในปีที่ 70 เงินลงทุน 60,000 บาท จะกลายเป็นเงินเกือบ 280,000 บาท สำหรับใช้จนถึงอายุ 73 ปี

นี่คือตัวอย่างการจัดสัดส่วนการลงทุน เพื่อให้เงินออมที่มีนั้นสามารถจะยืนระยะในการใช้ชีวิตของเราได้ยาวนานที่สุด จะเห็นได้ว่าการมีเงินล้าน!! และใช้จ่ายอย่างประหยัดที่สุดเพียงเดือนละ 10,000 บาทนั้น ช่วยให้เรามีเงินใช้จ่ายได้อย่างไม่ขาดมือจนถึงอายุ 73 ปีเท่านั้น และหากไม่กล้านำไปลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทน เงินล้านจะหมดลงในเวลาไม่ถึง 9 ปี ดังนั้นขอย้ำอีกครั้งว่า เมื่อหยุดทำงาน แต่ต้องไม่หยุดทำเงิน เพราะเรายังไม่หยุดใช้ชีวิต และใช้จ่าย ดังนั้นหากต้องการให้เงินล้านยืนระยะสำหรับการใช้จ่าย ใช้ชีวิตให้นานที่สุด ก็ต้องเริ่มบริหารความเสี่ยงกันแล้วตั้งแต่วันนี้

มีข่าวฝาก!! สำหรับสมาชิก กบข. ที่จะเกษียณในปีนี้ หากยังไม่มีแผนการใช้เงินก้อนที่จะได้รับจาก กบข. หรือหามืออาชีพทำเงินให้ ก็แนะนำให้ “ออมต่อ รอจังหวะ กับ กบข.” มี 2 ข้อดี คือ 1. รักษาเงินต้นและผลประโยชน์ที่ควรจะได้รับหลังเกษียณอย่างเต็มที่ เพราะเศรษฐกิจการลงทุนผันผวน มูลค่าหน่วยลงทุนขึ้นลงทุกวัน หากขอรับเงินคืนช่วงเศรษฐกิจขาลงอาจได้เงินน้อย ออมต่อ รอจังหวะเศรษฐกิจขาขึ้นอีกสักหน่อย อาจจะได้เงินมากกว่า 2. ผลตอบแทนจากการลงทุนไม่เสียภาษี แตกต่างจากการฝากเงินในธนาคารที่อาจต้องเสียภาษีดอกเบี้ยร้อยละ 15%

อิจฉาสมาชิก กบข. ก็ตรงนี้แหละ ได้ทั้งเงินบำนาญรายเดือน ได้ทั้งเงินก้อนใหญ่ บางคนได้เป็นล้าน แถมผลตอบแทนก็ไม่เสียภาษี

ออมต่อ รอจังหวะ กับ กบข. แบบนี้มีเงินล้าน ก็ยืนระยะยาวได้ยาวไม่ปวดหัว ปวดใจแน่นอน.

ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/article/55/231153

เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 7 ก.ย.56

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 7 ก.ย.56
วันที่โพสต์: 10/09/2556 เวลา 04:39:03 ดูภาพสไลด์โชว์ มีเงินล้าน...จะยืนระยะได้กี่น้ำ?

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

เข็มทิศลงทุน สัปดาห์ที่แล้ว เข็มทิศลงทุนได้ลงบทความเรื่อง “เกษียณแล้วหยุดทำงานได้ แต่ห้ามหยุดทำเงิน” แฟนประจำหลายท่านเกิดติดใจ และอยากให้ลงรายละเอียดว่าแต่ละปีจะใช้เงินอย่างไร และจะได้ผลตอบแทนอย่างไร ถึงจะทำให้ชีวิตหลังเกษียณมั่นคง และมั่นใจได้ว่าจะยืนระยะได้ยาว ๆ วิธีการคือ ต้องจัดสรรเงินเป็น 4 ส่วน เพื่อใช้จ่ายใน 4 ช่วงชีวิต มาดูตัวอย่างของคนที่เกษียณแล้ว ไม่มีเงินเดือน ไม่มีเงินบำนาญ แต่มีเงินออม 1,000,000 บาท ต้องแบ่งเงินเป็น 4 ส่วน เงินส่วนที่ 1 : สำหรับใช้จ่ายประจำวันและเสริมสภาพคล่องตั้งแต่อายุ 60-65 ปี สมมุติให้มีค่าใช้จ่ายเดือนละ 10,000 บาท เป็นเวลา 5 ปี ดังนั้น ต้องแยกเงินออกมา 600,000 บาท แต่อย่าให้เงินก้อนนี้อยู่นิ่ง ๆ ต้องให้เงินทำงาน สร้างผลตอบแทนอย่างต่อเนื่อง โดยเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่อง เช่น ฝากธนาคาร ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 2% เพียงพอสำหรับการใช้จ่ายจนถึงอายุ 65 ปี เงินส่วนที่ 2 : สำหรับลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนตั้งแต่อายุ 60 ปี และนำมาใช้จ่ายเมื่ออายุ 65 ปีขึ้นไป หลังจากจัดสรรเงินสำหรับใช้จ่ายประจำวันไปแล้วแนะนำให้แบ่งเงิน 65% ของเงินที่เหลืออยู่ = 260,000 บาท เพื่อลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอและความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ภาคเอกชน กองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ผลตอบแทนเฉลี่ยจากการลงทุนในตราสารหนี้ประมาณ 4-5% เมื่อผู้ลงทุนอายุ 65 ปี เงินลงทุน 260,000 บาท จะทบต้นทบดอกกลายเป็นเงินประมาณ 320,000 บาท สำหรับใช้จ่ายได้จนถึงอายุ 68 ปี เงินส่วนที่ 3 : สำหรับลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนตั้งแต่อายุ 60 ปี และนำมาใช้จ่ายเมื่ออายุ 68 ปีขึ้นไป จัดสรรเงินอีก 20% ของเงินต้นที่เหลือ = 80,000 บาท เพื่อลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น โดยเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระบุว่า ผลตอบแทนเฉลี่ยจากการลงทุนในหุ้นตั้งแต่ปี 2544-2555 อยู่ที่ 20% เมื่อผู้ลงทุนอายุ 68 ปี เงินลงทุน 80,000 บาท จะกลายเป็นเงิน 350,000 บาท และจะใช้จ่ายจนถึงอายุ 71 ปี เงินส่วนที่ 4 : สำหรับลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนตั้งแต่อายุ 60 ปี และนำมาใช้จ่ายเมื่ออายุ 71 ปี นี่คือเงิน 15% สุดท้าย หรือ 60,000 บาท นำไปลงทุนในกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนไม่ให้กระจุกตัวอยู่ในประเทศเพียงอย่าง เดียว ซึ่งผลตอบแทนเฉลี่ยของการลงทุนต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 15% ดังนั้น ในปีที่ 70 เงินลงทุน 60,000 บาท จะกลายเป็นเงินเกือบ 280,000 บาท สำหรับใช้จนถึงอายุ 73 ปี นี่คือตัวอย่างการจัดสัดส่วนการลงทุน เพื่อให้เงินออมที่มีนั้นสามารถจะยืนระยะในการใช้ชีวิตของเราได้ยาวนานที่สุด จะเห็นได้ว่าการมีเงินล้าน!! และใช้จ่ายอย่างประหยัดที่สุดเพียงเดือนละ 10,000 บาทนั้น ช่วยให้เรามีเงินใช้จ่ายได้อย่างไม่ขาดมือจนถึงอายุ 73 ปีเท่านั้น และหากไม่กล้านำไปลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทน เงินล้านจะหมดลงในเวลาไม่ถึง 9 ปี ดังนั้นขอย้ำอีกครั้งว่า เมื่อหยุดทำงาน แต่ต้องไม่หยุดทำเงิน เพราะเรายังไม่หยุดใช้ชีวิต และใช้จ่าย ดังนั้นหากต้องการให้เงินล้านยืนระยะสำหรับการใช้จ่าย ใช้ชีวิตให้นานที่สุด ก็ต้องเริ่มบริหารความเสี่ยงกันแล้วตั้งแต่วันนี้ มีข่าวฝาก!! สำหรับสมาชิก กบข. ที่จะเกษียณในปีนี้ หากยังไม่มีแผนการใช้เงินก้อนที่จะได้รับจาก กบข. หรือหามืออาชีพทำเงินให้ ก็แนะนำให้ “ออมต่อ รอจังหวะ กับ กบข.” มี 2 ข้อดี คือ 1. รักษาเงินต้นและผลประโยชน์ที่ควรจะได้รับหลังเกษียณอย่างเต็มที่ เพราะเศรษฐกิจการลงทุนผันผวน มูลค่าหน่วยลงทุนขึ้นลงทุกวัน หากขอรับเงินคืนช่วงเศรษฐกิจขาลงอาจได้เงินน้อย ออมต่อ รอจังหวะเศรษฐกิจขาขึ้นอีกสักหน่อย อาจจะได้เงินมากกว่า 2. ผลตอบแทนจากการลงทุนไม่เสียภาษี แตกต่างจากการฝากเงินในธนาคารที่อาจต้องเสียภาษีดอกเบี้ยร้อยละ 15% อิจฉาสมาชิก กบข. ก็ตรงนี้แหละ ได้ทั้งเงินบำนาญรายเดือน ได้ทั้งเงินก้อนใหญ่ บางคนได้เป็นล้าน แถมผลตอบแทนก็ไม่เสียภาษี ออมต่อ รอจังหวะ กับ กบข. แบบนี้มีเงินล้าน ก็ยืนระยะยาวได้ยาวไม่ปวดหัว ปวดใจแน่นอน. ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/article/55/231153 เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 7 ก.ย.56

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...

ค้นหาข้อมูลในห้องสมุด