ปิด รร.ชายแดนกว่า 40 แห่ง หวั่นภัยสู้รบ
กรณีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลก นัดอ่านคำพิพากษาตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ วันที่ 11 พ.ย.2556 ซึ่งหลายฝ่ายต่างก็รอลุ้นผลการตัดสิน และเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น
เมื่อวันที่ 10 พ.ย.2556 นายสมศักดิ์ ชอบทำดี ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ลงพื้นที่มาประชุมร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่อ.บ้านกรวด เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 56 เสนอให้ทางเขตการศึกษา พิจารณาสั่งปิดโรงเรียนตามชายแดนทั้งกว่า 40 แห่ง เพื่อความปลอดภัยของเด็กนักเรียน โดยหากเกิดเหตุการณ์สู้รบขึ้น นักเรียนจะได้อยู่กับผู้ปกครองและสามารถอพยพได้อย่างทันท่วงที ส่วนในวันหยุดเรียนทางโรงเรียนจัดการเรียนสอนชดเชยให้ในภายหลัง
"มีออกหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้บริหารสถานศึกษาที่อยู่ในความดูแลกว่า 40 แห่ง ที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอบ้านกรวด ซึ่งอยู่ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ให้ปิดเรียนเป็นกรณีพิเศษเป็นเวลา 2 วัน คือ วันที่ 11 - 12 พ.ย.2556 ซึ่งเป็นช่วงที่ศาลโลกจะตัดสินคดีพื้นที่ทับซ้อนปราสาทพระวิหาร เตรียมพร้อมรับสถานการณ์และผลกระทบ หากเกิดภัยสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชา แต่ครู และผู้บริหารโรงเรียนทั้งกว่า 40 แห่ง มาประจำโรงเรียนตามปกติ พร้อมให้มีการจัดเวรยามเฝ้าดูแลโรงเรียนตลอด 24 ชั่วโมงด้วย หากมีเหตุการณ์ผิดปกติก็ให้รายงานทางสำนักงานพื้นที่การศึกษา ทราบทันที พร้อมกันนี้ยังกำชับให้ประสานกับทางอำเภอ ติดตามความเคลื่อนไหวเหตุการณ์ตามแนวชายแดนเพื่อประเมินสถานการณ์อย่างต่อ เนื่อง"นายสมศักดิ์ กล่าว
ด้าน น.ส.ดวงรัตน์ เฮียะประโคน นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนบ้านโคกกะชาย บอกว่า ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์สู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา เหมือนที่ผ่านมา ที่มีระเบิดตกใส่ในหมู่บ้าน และโรงเรียนได้รับความเสียหาย จนต้องมีการอพยพไปคนละทิศละทางและเหตุการณ์ครั้งนั้นยังสร้างความหวาดผวาให้ กับตนและครอบครัวจึงภาวนาไม่อยากให้เกิดขึ้นซ้ำอีก
ขอบคุณ http://breakingnews.nationchannel.com/home/read.php?newsid=701495&lang=T&cat=
(เนชั่นแชลแนลออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย ๑๑ พ.ย.๕๖)