ห่วงเด็กเล็กเป็น 'โคลด์ สเตรส' หลังภัยหนาวคร่าชีวิตไปแล้ว 2 ราย

แสดงความคิดเห็น

ชาวบ้านต่างจังหวัดนั่งล้อมวงผิงไฟ บรรเทาความหนาวเย็น

กระทรวงสาธารณสุข เตือนภัยหนาว ห่วงเด็กเล็กเป็น "โคลด์ สเตรส" หรือ "ภาวะตัวเย็นเกิน" หลังอวัยวะสำคัญอาจขาดเลือดไปเลี้ยง เสี่ยงอันตรายถึงชีวิตได้ แนะวิธีสังเกตสัญญาณเตือน...

นายแพทย์ ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ ประเทศไทยหนาวเย็นกว่าปีที่ผ่านมา ในเดือนมกราคมนี้ มีรายงานเด็กอ่อนอายุต่ำกว่า 1 เดือน เสียชีวิตจากอากาศหนาวเย็นแล้ว 2 ราย ที่ จ.สระแก้วและชลบุรี ซี่งกลุ่มเด็กอ่อนแรกเกิดจนถึง 1 เดือนนั้น อวัยวะภายในและศูนย์ควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย ยังทำงานได้เพียง 1 ใน 3 เมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ รวมทั้งมีไขมันใต้ผิวหนังที่ช่วยสร้างพลังงานให้ความร้อนแก่ร่างกายน้อยกว่า ผู้ใหญ่ ทำให้อุณหภูมิร่างกายเด็กเปลี่ยนแปลงตามสภาพอากาศได้ง่าย ยิ่งหากเป็นเด็กที่คลอดก่อนกำหนด จะยิ่งมีความเสี่ยงสูงขึ้นไปอีก โดยหากเด็กสัมผัสกับความหนาวเย็น เช่นอยู่ในอากาศหนาวเป็นเวลานาน จะทำให้อุณหภูมิร่างกายลดต่ำลง เกิดปัญหาที่เรียกว่า โคลด์ สเตรส (Cold Stress) หรือภาวะตัวเย็นเกิน จะทำให้เส้นเลือดหดตัว หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย สมองหรืออวัยวะอื่นๆ อาจขาดเลือดไปเลี้ยง เป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้

นาย แพทย์ณรงค์ กล่าวต่อว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ออกติดตามเยี่ยมบ้านมารดาหลังคลอด ซึ่งต่อวันจะมีเด็กเกิดใหม่ประมาณ 2,000 คน เพื่อให้ความรู้ในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวติดต่อกัน 6 เดือน ซึ่งน้ำนมแม่ นอกจากจะมีสารอาหารและภูมิต้านทานโรค ช่วยให้ลูกแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่ายแล้ว การอุ้มกอดลูกขณะให้นมจะช่วยเพิ่มความอบอุ่นแก่เด็กโดยตรง และแม่ได้สังเกตอาการของลูกอย่างใกล้ชิดวันละ 6-8 ครั้ง ช่วยให้ลูกปลอดภัยจากอากาศหนาว โดยเฉพาะในพื้นที่อากาศหนาวเย็นได้ขอให้เจ้าหน้าที่และ อสม. ให้ความสำคัญกับการแนะนำเรื่องการดูแลความอบอุ่นของเด็กเป็นพิเศษ

ทาง ด้าน ดร.นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ในการสังเกตสัญญาณเตือนว่า เด็กมีอุณหภูมิร่างกายต่ำจากความหนาวเย็น คือเด็กจะร้องและดิ้น ซึ่งเป็นกลไกการปรับตัวเพื่อเพิ่มอัตราการเผาผลาญ ให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น โดยเมื่อสัมผัสที่ผิวเด็กจะพบว่า ตัวเย็น มือเท้าเย็น สีผิวมีลักษณะเป็นจ้ำ แดง ลายทั่วตัว นิ้วมือนิ้วเท้าซีด เขียว ขอให้รีบเพิ่มความอบอุ่นเด็กโดยเร็ว โดยใส่ถุงมือ ถุงเท้า ใส่เสื้อผ้าหลายชั้น เด็กจะค่อยๆ ดีขึ้น และใช้วัดปรอทวัดไข้วัดอุณหภูมิร่างกายเด็ก อุณหภูมิจะต้องไม่ต่ำกว่า 35 องศาเซลเซียส แต่หากยังไม่ดีขึ้นและเด็กมีอาการซึมลงให้รีบพาไปพบแพทย์ทันที

นาย แพทย์พรเทพ กล่าวต่อว่า ในการป้องกันลูกจากภัยหนาว ขอให้ดูแลความอบอุ่นร่างกายให้เพียงพอ สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว และเสื้อกันหนาว สวมหมวกไหมพรม ถุงเท้า และห่มผ้าหนาๆ เวลานอน อย่าให้เด็กนอนใกล้ประตูหน้าต่างที่มีลมโกรก ควรอาบน้ำช่วงสาย วันละ 1 ครั้ง และใช้น้ำอุ่นอาบ ให้ทาโลชั่นป้องกันผิวแห้งแตก และให้ลูกดูดนมแม่บ่อยๆ จะช่วยลดอาการปากแห้งแตกได้ เพราะนมแม่มีน้ำเพียงพออยู่แล้ว และไม่ควรพาลูกอ่อนออกไปเที่ยวนอกบ้าน ไม่ว่าจะอุ้มหรือใส่ในรถเข็นเด็ก เนื่องจากยังมีการปรับตัวในเรื่องอุณหภูมิของร่างกายยังไม่ดีอาจเจ็บป่วยและ ติดเชื้อได้ง่าย

ทั้งนี้ อุณหภูมิเด็กปกติจะอยู่ที่ประมาณ 37 องศาเซลเซียส ไม่ควรจะมากกว่าหรือต่ำกว่า 0.5 องศา ในเด็กเล็กเพื่อความปลอดภัยควรใช้ปรอทวัดไข้ทางรักแร้นาน 3-5 นาที แล้วอ่านค่า ไม่ควรเอาใส่ในปากเด็ก เนื่องจากเด็กจะกัด ทำให้ปรอทแตกได้ ส่วนปรอทที่ใช้วัดทางหน้าผาก อาจอ่านค่าผิดพลาดได้

โดย: ไทยรัฐออนไลน์

ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/mobile/detail/20140126/177550.html (ขนาดไฟล์: 167)

ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 27 ม.ค.57

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 27 ม.ค.57
วันที่โพสต์: 27/01/2557 เวลา 04:30:47 ดูภาพสไลด์โชว์ ห่วงเด็กเล็กเป็น 'โคลด์ สเตรส' หลังภัยหนาวคร่าชีวิตไปแล้ว 2 ราย

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

ชาวบ้านต่างจังหวัดนั่งล้อมวงผิงไฟ บรรเทาความหนาวเย็น กระทรวงสาธารณสุข เตือนภัยหนาว ห่วงเด็กเล็กเป็น "โคลด์ สเตรส" หรือ "ภาวะตัวเย็นเกิน" หลังอวัยวะสำคัญอาจขาดเลือดไปเลี้ยง เสี่ยงอันตรายถึงชีวิตได้ แนะวิธีสังเกตสัญญาณเตือน... นายแพทย์ ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ ประเทศไทยหนาวเย็นกว่าปีที่ผ่านมา ในเดือนมกราคมนี้ มีรายงานเด็กอ่อนอายุต่ำกว่า 1 เดือน เสียชีวิตจากอากาศหนาวเย็นแล้ว 2 ราย ที่ จ.สระแก้วและชลบุรี ซี่งกลุ่มเด็กอ่อนแรกเกิดจนถึง 1 เดือนนั้น อวัยวะภายในและศูนย์ควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย ยังทำงานได้เพียง 1 ใน 3 เมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ รวมทั้งมีไขมันใต้ผิวหนังที่ช่วยสร้างพลังงานให้ความร้อนแก่ร่างกายน้อยกว่า ผู้ใหญ่ ทำให้อุณหภูมิร่างกายเด็กเปลี่ยนแปลงตามสภาพอากาศได้ง่าย ยิ่งหากเป็นเด็กที่คลอดก่อนกำหนด จะยิ่งมีความเสี่ยงสูงขึ้นไปอีก โดยหากเด็กสัมผัสกับความหนาวเย็น เช่นอยู่ในอากาศหนาวเป็นเวลานาน จะทำให้อุณหภูมิร่างกายลดต่ำลง เกิดปัญหาที่เรียกว่า โคลด์ สเตรส (Cold Stress) หรือภาวะตัวเย็นเกิน จะทำให้เส้นเลือดหดตัว หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย สมองหรืออวัยวะอื่นๆ อาจขาดเลือดไปเลี้ยง เป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้ นาย แพทย์ณรงค์ กล่าวต่อว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ออกติดตามเยี่ยมบ้านมารดาหลังคลอด ซึ่งต่อวันจะมีเด็กเกิดใหม่ประมาณ 2,000 คน เพื่อให้ความรู้ในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวติดต่อกัน 6 เดือน ซึ่งน้ำนมแม่ นอกจากจะมีสารอาหารและภูมิต้านทานโรค ช่วยให้ลูกแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่ายแล้ว การอุ้มกอดลูกขณะให้นมจะช่วยเพิ่มความอบอุ่นแก่เด็กโดยตรง และแม่ได้สังเกตอาการของลูกอย่างใกล้ชิดวันละ 6-8 ครั้ง ช่วยให้ลูกปลอดภัยจากอากาศหนาว โดยเฉพาะในพื้นที่อากาศหนาวเย็นได้ขอให้เจ้าหน้าที่และ อสม. ให้ความสำคัญกับการแนะนำเรื่องการดูแลความอบอุ่นของเด็กเป็นพิเศษ ทาง ด้าน ดร.นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ในการสังเกตสัญญาณเตือนว่า เด็กมีอุณหภูมิร่างกายต่ำจากความหนาวเย็น คือเด็กจะร้องและดิ้น ซึ่งเป็นกลไกการปรับตัวเพื่อเพิ่มอัตราการเผาผลาญ ให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น โดยเมื่อสัมผัสที่ผิวเด็กจะพบว่า ตัวเย็น มือเท้าเย็น สีผิวมีลักษณะเป็นจ้ำ แดง ลายทั่วตัว นิ้วมือนิ้วเท้าซีด เขียว ขอให้รีบเพิ่มความอบอุ่นเด็กโดยเร็ว โดยใส่ถุงมือ ถุงเท้า ใส่เสื้อผ้าหลายชั้น เด็กจะค่อยๆ ดีขึ้น และใช้วัดปรอทวัดไข้วัดอุณหภูมิร่างกายเด็ก อุณหภูมิจะต้องไม่ต่ำกว่า 35 องศาเซลเซียส แต่หากยังไม่ดีขึ้นและเด็กมีอาการซึมลงให้รีบพาไปพบแพทย์ทันที นาย แพทย์พรเทพ กล่าวต่อว่า ในการป้องกันลูกจากภัยหนาว ขอให้ดูแลความอบอุ่นร่างกายให้เพียงพอ สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว และเสื้อกันหนาว สวมหมวกไหมพรม ถุงเท้า และห่มผ้าหนาๆ เวลานอน อย่าให้เด็กนอนใกล้ประตูหน้าต่างที่มีลมโกรก ควรอาบน้ำช่วงสาย วันละ 1 ครั้ง และใช้น้ำอุ่นอาบ ให้ทาโลชั่นป้องกันผิวแห้งแตก และให้ลูกดูดนมแม่บ่อยๆ จะช่วยลดอาการปากแห้งแตกได้ เพราะนมแม่มีน้ำเพียงพออยู่แล้ว และไม่ควรพาลูกอ่อนออกไปเที่ยวนอกบ้าน ไม่ว่าจะอุ้มหรือใส่ในรถเข็นเด็ก เนื่องจากยังมีการปรับตัวในเรื่องอุณหภูมิของร่างกายยังไม่ดีอาจเจ็บป่วยและ ติดเชื้อได้ง่าย ทั้งนี้ อุณหภูมิเด็กปกติจะอยู่ที่ประมาณ 37 องศาเซลเซียส ไม่ควรจะมากกว่าหรือต่ำกว่า 0.5 องศา ในเด็กเล็กเพื่อความปลอดภัยควรใช้ปรอทวัดไข้ทางรักแร้นาน 3-5 นาที แล้วอ่านค่า ไม่ควรเอาใส่ในปากเด็ก เนื่องจากเด็กจะกัด ทำให้ปรอทแตกได้ ส่วนปรอทที่ใช้วัดทางหน้าผาก อาจอ่านค่าผิดพลาดได้ โดย: ไทยรัฐออนไลน์ ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/mobile/detail/20140126/177550.html ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 27 ม.ค.57

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...