ตายสังเวยภัยหนาวแล้ว 63 ราย
เมื่อวันที่ 23 ม.ค. นายประวิทย์ เเจ่มปัญญา ผอ.สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า สภาพอากาศที่หนาวเย็นทางภาคเหนือ ภาคอีสาน รวมถึงกรุงเทพฯ เเละปริมณฑลของประเทศไทยในช่วงนี้เพราะยังคงได้รับผลกระทบจากอิทธิพลความกด อากาศสูงจากประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สภาพอากาศยังคงหนาวถึงหนาวจัดตลอดช่วงเดือนม.ค.นี้ โดยในวันนี้อุณหภูมิต่ำสุดทางภาคเหนือที่วัดได้ช่วงเช้าเเค่ 5 องศาเซลเซียส ที่ อ.เมือง จ.เชียงราย ส่วนภาคอีสานก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันหนาวสุดอยู่ที่ อ.เมือง จ.เลย 5 องศา ทั้งนี้ อาจจะมีจุดอื่นๆ ที่มีอากาศหนาวเย็นเเละอุณหภูมิต่ำกว่านี้ อาทิ บนยอดดอย ที่ไม่ได้ตั้งจุดตรวจวัดไว้ ส่วนภาคกลางเเละกรุงเทพฯ อากาศยังคงจะหนาวต่อไปเช่นกัน อุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 16-17 องศา สูงสุดที่ 28-29 องศา ซึ่งหลังจากวันที่ 23 ม.ค.ไปเเล้วอากาศของกรุงเทพฯ เเละปริมณฑลจะเริ่มคลายตัวของอากาศทำให้มีอุณหภูมิที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ยาวไปจนถึงวันที่ 27-28 ม.ค. จากนั้นอากาศจะค่อยๆ อุ่นขึ้น ขณะที่ทางภาคเหนือเเละภาคอีสานอากาศจะยังคงหนาวเย็นอย่างต่อเนื่องออกไปอีก
นาย ฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ระยะนี้หลายพื้นที่มีสภาพอากาศหนาวเย็น โดยตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค.2556-22 ม.ค.2557 มีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยหนาว) 45 จังหวัด
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากสภาพอากาศที่หนาวเย็นกว่าปกติได้เฝ้าระวังการเจ็บป่วยรวมทั้งการเสีย ชีวิตจากภัยหนาวทุกจังหวัด และให้เจ้าหน้าที่ออกเยี่ยมดูแลประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่อาจได้รับผลกระทบจาก ภัยหนาว 3 กลุ่ม ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคเรื้อรัง โรคประจำตัว รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชน ลดพฤติกรรมเสี่ยงการเสียชีวิต ขอให้สวมเครื่องนุ่งห่มให้เพียงพอ ไม่นอนในที่โล่งแจ้ง และไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดทุกชนิด ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอสัปดาห์ละอย่างน้อย 3 วัน วันละไม่ต่ำกว่า 30 นาที ผู้มีโรคประจำตัวขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ กินยาสม่ำเสมอ แนะนำให้ดื่มน้ำอุ่นบ่อยๆ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อให้ผิวหนังชุ่มชื้น ไม่แห้งแตกง่าย
นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผลการเฝ้าระวังรายงานผู้เสียชีวิตเนื่องจากภาวะอากาศหนาวของสำนักระบาดวิทยา ระหว่างวันที่ 22 ต.ค. 2556-19 ม.ค. 2557 ได้รับแจ้งผู้เสียชีวิตที่คาดว่าอาจเกี่ยวเนื่องจากภาวะอากาศหนาวรวมทั้ง สิ้น 63 ราย จาก 27 จังหวัด ร้อยละ 90 เป็นเพศชาย อายุต่ำสุด 1 เดือน และสูงสุดคือ 83 ปี เจ้าหน้าที่สอบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิตแล้ว 49 ราย ยังอยู่ระหว่างสอบสวนอีก 14 ราย ผลการสอบพบว่ามีเพียง 2 รายซึ่งอาศัยอยู่ใน จ.เลย และอุบลราชธานี มีผลวินิจฉัยว่าเสียชีวิตจากอากาศหนาวเย็นโดยไม่มีปัจจัยเสี่ยงอย่างอื่น ส่วนอีก 47 รายเสียชีวิตจากการมีโรคประจำตัวหรือโรคแทรกซ้อนร่วมด้วย
"จังหวัด ที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดคือเชียงใหม่ 6 ราย รองลงมา สระแก้ว นครราชสีมา จังหวัดละ 5 ราย เลย แพร่ จังหวัดละ 4 ราย ผู้เสียชีวิตร้อยละ 51 เสียชีวิตในบ้านเรือน ที่เหลือเสียชีวิตในที่สาธารณะ หน้าบ้าน ข้างกองไฟ โดยมีปัจจัยเสี่ยงเสริมที่เกี่ยวข้อง 3 ปัจจัย คือการดื่มสุรา สวมเครื่องนุ่งห่มไม่เพียงพอ และโรคประจำตัว ที่พบมากคือโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ลมชัก" นพ.โสภณกล่าว
(khaosodออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 24 ม.ค.57 )
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
เมื่อวันที่ 23 ม.ค. นายประวิทย์ เเจ่มปัญญา ผอ.สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า สภาพอากาศที่หนาวเย็นทางภาคเหนือ ภาคอีสาน รวมถึงกรุงเทพฯ เเละปริมณฑลของประเทศไทยในช่วงนี้เพราะยังคงได้รับผลกระทบจากอิทธิพลความกด อากาศสูงจากประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สภาพอากาศยังคงหนาวถึงหนาวจัดตลอดช่วงเดือนม.ค.นี้ โดยในวันนี้อุณหภูมิต่ำสุดทางภาคเหนือที่วัดได้ช่วงเช้าเเค่ 5 องศาเซลเซียส ที่ อ.เมือง จ.เชียงราย ส่วนภาคอีสานก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันหนาวสุดอยู่ที่ อ.เมือง จ.เลย 5 องศา ทั้งนี้ อาจจะมีจุดอื่นๆ ที่มีอากาศหนาวเย็นเเละอุณหภูมิต่ำกว่านี้ อาทิ บนยอดดอย ที่ไม่ได้ตั้งจุดตรวจวัดไว้ ส่วนภาคกลางเเละกรุงเทพฯ อากาศยังคงจะหนาวต่อไปเช่นกัน อุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 16-17 องศา สูงสุดที่ 28-29 องศา ซึ่งหลังจากวันที่ 23 ม.ค.ไปเเล้วอากาศของกรุงเทพฯ เเละปริมณฑลจะเริ่มคลายตัวของอากาศทำให้มีอุณหภูมิที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ยาวไปจนถึงวันที่ 27-28 ม.ค. จากนั้นอากาศจะค่อยๆ อุ่นขึ้น ขณะที่ทางภาคเหนือเเละภาคอีสานอากาศจะยังคงหนาวเย็นอย่างต่อเนื่องออกไปอีก นาย ฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ระยะนี้หลายพื้นที่มีสภาพอากาศหนาวเย็น โดยตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค.2556-22 ม.ค.2557 มีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยหนาว) 45 จังหวัด นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากสภาพอากาศที่หนาวเย็นกว่าปกติได้เฝ้าระวังการเจ็บป่วยรวมทั้งการเสีย ชีวิตจากภัยหนาวทุกจังหวัด และให้เจ้าหน้าที่ออกเยี่ยมดูแลประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่อาจได้รับผลกระทบจาก ภัยหนาว 3 กลุ่ม ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคเรื้อรัง โรคประจำตัว รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชน ลดพฤติกรรมเสี่ยงการเสียชีวิต ขอให้สวมเครื่องนุ่งห่มให้เพียงพอ ไม่นอนในที่โล่งแจ้ง และไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดทุกชนิด ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอสัปดาห์ละอย่างน้อย 3 วัน วันละไม่ต่ำกว่า 30 นาที ผู้มีโรคประจำตัวขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ กินยาสม่ำเสมอ แนะนำให้ดื่มน้ำอุ่นบ่อยๆ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อให้ผิวหนังชุ่มชื้น ไม่แห้งแตกง่าย นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผลการเฝ้าระวังรายงานผู้เสียชีวิตเนื่องจากภาวะอากาศหนาวของสำนักระบาดวิทยา ระหว่างวันที่ 22 ต.ค. 2556-19 ม.ค. 2557 ได้รับแจ้งผู้เสียชีวิตที่คาดว่าอาจเกี่ยวเนื่องจากภาวะอากาศหนาวรวมทั้ง สิ้น 63 ราย จาก 27 จังหวัด ร้อยละ 90 เป็นเพศชาย อายุต่ำสุด 1 เดือน และสูงสุดคือ 83 ปี เจ้าหน้าที่สอบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิตแล้ว 49 ราย ยังอยู่ระหว่างสอบสวนอีก 14 ราย ผลการสอบพบว่ามีเพียง 2 รายซึ่งอาศัยอยู่ใน จ.เลย และอุบลราชธานี มีผลวินิจฉัยว่าเสียชีวิตจากอากาศหนาวเย็นโดยไม่มีปัจจัยเสี่ยงอย่างอื่น ส่วนอีก 47 รายเสียชีวิตจากการมีโรคประจำตัวหรือโรคแทรกซ้อนร่วมด้วย "จังหวัด ที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดคือเชียงใหม่ 6 ราย รองลงมา สระแก้ว นครราชสีมา จังหวัดละ 5 ราย เลย แพร่ จังหวัดละ 4 ราย ผู้เสียชีวิตร้อยละ 51 เสียชีวิตในบ้านเรือน ที่เหลือเสียชีวิตในที่สาธารณะ หน้าบ้าน ข้างกองไฟ โดยมีปัจจัยเสี่ยงเสริมที่เกี่ยวข้อง 3 ปัจจัย คือการดื่มสุรา สวมเครื่องนุ่งห่มไม่เพียงพอ และโรคประจำตัว ที่พบมากคือโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ลมชัก" นพ.โสภณกล่าว ขอบคุณ… http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01EVXdNakkwTURFMU53PT0=§ionid=TURNek5RPT0=&day=TWpBeE5DMHdNUzB5TkE9PQ== (khaosodออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 24 ม.ค.57 )
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)