ภัยยาเถื่อน
วันก่อนมีเรื่องน่าเศร้าใจเกิดขึ้น เมื่อมีหนุ่มใหญ่วัย 41 ปีไปพบจักษุแพทย์ หรือหมอตา เนื่องจากตาซ้ายมัว แพทย์ตรวจพบว่าตาซ้ายของเขาบอดสนิทไปเสียแล้ว
รายละเอียดเรื่องนี้ ดร.นพ.ปฐม สวรรค์ปัญญาเลิศ รองเลขาฯอย.เปิดเผยว่า ผู้ป่วยรายนี้เป็นโรคเบาหวานและประสบอุบัติเหตุทางตา
ทำให้ตาซ้ายมองเห็นไม่ชัดมาหลายปีแต่ไม่มีอาการเจ็บปวดจึงปล่อยเอาไว้อย่างนั้น
ไม่ได้ไปหาหมอ
อยู่ๆเมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา เพื่อนหวังดีซื้อยาหยอดตาสมุนไพรมาให้
ผู้ป่วยหยอดตาได้ 3–4 วันแล้วมีอาการปวดตาซ้าย ตาแดงและมัวลง
ไปหาหมอพบว่าตาบอดสนิท มีแผลติดเชื้อรุนแรงที่กระจกตา หมอต้องผ่าตัดควักตาออก
นำยาหยอดตามาเพาะเชื้อพบเชื้อซูโดโมแนส ออรูจิโนซา เมื่อเพาะเชื้อจากตาผู้ป่วยก็พบเชื้อชนิดเดียวกัน
หมอลงความเห็นว่าผู้ป่วยรายนี้ต้องเสียดวงตาเพราะยาหยอดตา
ข้อมูล เบื้องต้นของยาหยอดตานี้ชื่อ “ตราหมอยอม ท่าใหญ่” ระบุ ว่ารักษาตาแดง ตามัว ตาต้อ ริดสีดวงตา ไม่พบเลขทะเบียนยา ไม่ทราบชื่อเอกสารสำคัญ
ตอนนี้ทาง อย.กำลังเร่งติดตามผู้ผลิตและแหล่งผลิตยาสมุนไพรรายนี้เนื่องจากเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
จึง ขอเตือนประชาชนว่า ตาเป็นอวัยวะสำคัญ การใช้ยาหยอดตาต้องปราศจากเชื้อที่ก่อให้เกิดโรค ดังนั้นต้องไม่ใช้ยาหยอดตาที่ไม่มีเลขทะเบียนตำรับยา
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา มีผู้ได้รับทุกขเวทนาจากการกินอาหารเสริมลดความอ้วน
ผู้ป่วยรายนี้เป็นหญิงสาวชาวสกลนคร ต้องเข้ารักษาตัวที่ รพ.สกลนคร
เธอซื้ออาหารเสริมที่ระบุว่าเป็น “ผงบุกแคปซูล” กินเพื่อลดความอ้วน โดยซื้อมาจากตลาดนัด
พอกินเข้าไปแล้วเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงจนผิวหนังหลุดลอกคล้ายถูกไฟไหม้ไปเกือบทั่วทั้งตัว
เจ็บปวดทรมานมาก
อาการเช่นนี้รักษายากและทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนต่างๆได้ด้วย
บางรายอาจถึงขั้นเสียชีวิตภายใน 30 นาที หรือบางรายส่งโรงพยาบาลไม่ทันอาจทำให้สมองตาย
ผู้ป่วยทั้ง 2 ราย เป็นตัวอย่างของภัยอันตรายจากยาและอาหารเสริมที่ไม่ได้คุณภาพ
นอกจาก อย.จะต้องทำงานให้หนักแล้วชาวบ้านก็ต้องรู้เท่าทันป้องกันตัวเอง
เนื่องจากยาเหล่านี้มีอยู่มากมายทั้งในตลาดนัด เคเบิลทีวี หรืออินเตอร์เน็ต…โดย“เพลิงมรกต”
pluengmorakot@thairath.co.th
ขอบคุณ... http://www.thairath.co.th/column/region/no1vipha/404604 (ขนาดไฟล์: 167)
(ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 19 ก.พ.57 )
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
วันก่อนมีเรื่องน่าเศร้าใจเกิดขึ้น เมื่อมีหนุ่มใหญ่วัย 41 ปีไปพบจักษุแพทย์ หรือหมอตา เนื่องจากตาซ้ายมัว แพทย์ตรวจพบว่าตาซ้ายของเขาบอดสนิทไปเสียแล้ว รายละเอียดเรื่องนี้ ดร.นพ.ปฐม สวรรค์ปัญญาเลิศ รองเลขาฯอย.เปิดเผยว่า ผู้ป่วยรายนี้เป็นโรคเบาหวานและประสบอุบัติเหตุทางตา ทำให้ตาซ้ายมองเห็นไม่ชัดมาหลายปีแต่ไม่มีอาการเจ็บปวดจึงปล่อยเอาไว้อย่างนั้น ไม่ได้ไปหาหมอ อยู่ๆเมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา เพื่อนหวังดีซื้อยาหยอดตาสมุนไพรมาให้ ผู้ป่วยหยอดตาได้ 3–4 วันแล้วมีอาการปวดตาซ้าย ตาแดงและมัวลง ไปหาหมอพบว่าตาบอดสนิท มีแผลติดเชื้อรุนแรงที่กระจกตา หมอต้องผ่าตัดควักตาออก นำยาหยอดตามาเพาะเชื้อพบเชื้อซูโดโมแนส ออรูจิโนซา เมื่อเพาะเชื้อจากตาผู้ป่วยก็พบเชื้อชนิดเดียวกัน หมอลงความเห็นว่าผู้ป่วยรายนี้ต้องเสียดวงตาเพราะยาหยอดตา ข้อมูล เบื้องต้นของยาหยอดตานี้ชื่อ “ตราหมอยอม ท่าใหญ่” ระบุ ว่ารักษาตาแดง ตามัว ตาต้อ ริดสีดวงตา ไม่พบเลขทะเบียนยา ไม่ทราบชื่อเอกสารสำคัญ ตอนนี้ทาง อย.กำลังเร่งติดตามผู้ผลิตและแหล่งผลิตยาสมุนไพรรายนี้เนื่องจากเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค จึง ขอเตือนประชาชนว่า ตาเป็นอวัยวะสำคัญ การใช้ยาหยอดตาต้องปราศจากเชื้อที่ก่อให้เกิดโรค ดังนั้นต้องไม่ใช้ยาหยอดตาที่ไม่มีเลขทะเบียนตำรับยา ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา มีผู้ได้รับทุกขเวทนาจากการกินอาหารเสริมลดความอ้วน ผู้ป่วยรายนี้เป็นหญิงสาวชาวสกลนคร ต้องเข้ารักษาตัวที่ รพ.สกลนคร เธอซื้ออาหารเสริมที่ระบุว่าเป็น “ผงบุกแคปซูล” กินเพื่อลดความอ้วน โดยซื้อมาจากตลาดนัด พอกินเข้าไปแล้วเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงจนผิวหนังหลุดลอกคล้ายถูกไฟไหม้ไปเกือบทั่วทั้งตัว เจ็บปวดทรมานมาก อาการเช่นนี้รักษายากและทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนต่างๆได้ด้วย บางรายอาจถึงขั้นเสียชีวิตภายใน 30 นาที หรือบางรายส่งโรงพยาบาลไม่ทันอาจทำให้สมองตาย ผู้ป่วยทั้ง 2 ราย เป็นตัวอย่างของภัยอันตรายจากยาและอาหารเสริมที่ไม่ได้คุณภาพ นอกจาก อย.จะต้องทำงานให้หนักแล้วชาวบ้านก็ต้องรู้เท่าทันป้องกันตัวเอง เนื่องจากยาเหล่านี้มีอยู่มากมายทั้งในตลาดนัด เคเบิลทีวี หรืออินเตอร์เน็ต…โดย“เพลิงมรกต” pluengmorakot@thairath.co.th ขอบคุณ... http://www.thairath.co.th/column/region/no1vipha/404604 (ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 19 ก.พ.57 )
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)