ปภ.ประกาศ13จว. ภัยแล้งลุกลามหนัก ราชบุรีเร่งดับไฟป่า
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เผยว่าขณะนี้หลายพื้นที่ของประเทศได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง มีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง16จังหวัด 78อำเภอ 389 ตำบล3,462 หมู่บ้าน มีจังหวัดประกาศยุติการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทั้งจังหวัด 3 จังหวัด ได้แก่ พิจิตร สุรินทร์ และพิษณุโลกและมีจังหวัดประกาศยุติการให้ความช่วยเหลือบางพื้นที่แล้ว3จังหวัดได้แก่ร้อยเอ็ด กาญจนบุรีและขอนแก่น
“ปัจจุบันมีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง 13จังหวัด50 อำเภอ257 ตำบล 2,407 หมู่บ้าน คิดเป็นร้อยละ 3.21 ของจำนวนหมู่บ้านทั่วประเทศ แยกเป็นภาคเหนือ 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ อุตรดิตถ์ และพะเยา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ6 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา นครพนม มหาสารคาม ขอนแก่น ร้อยเอ็ด และบุรีรัมย์ ภาคกลาง 2จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี และเพชรบุรี ภาคตะวันออก 1จังหวัดได้แก่ สระแก้ว”
ทั้งนี้ ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งโดยสูบน้ำจากแหล่งน้ำดิบส่งเข้าพื้นที่การเกษตรรวม 1,602,572 ลูกบาศก์เมตร สูบน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อส่งน้ำเข้าแหล่งน้ำดิบ สนับสนุนการผลิตน้ำประปา 4,920,365,000 ลิตร แจกจ่ายน้ำในการอุปโภคบริโภค 107,860,000 ลิตรและผลิตน้ำดื่มสะอาดแจกจ่ายแก่ประชาชน 1,104,000ลิตร
ในส่วนของ จ.นครราชสีมา ภัยแล้งยังทวีขยายวงกว้างโดยที่มีปัญหาภัยแล้งหนักสุดคือ อ.โนนไทย อ.พระทองคำ อ.ด่านขุนทด และ อ.คง มีชาวบ้านกว่า 270 หมู่บ้าน ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ทางจังหวัดและหน่วยงานราชการ ต้องเร่งระดมนำรถบรรทุกน้ำกว่า 130 คันไปแจกจ่ายบรรเทาความเดือดร้อน ขณะที่ปริมาณน้ำ เขื่อนลำตะคอง เหลือน้ำใช้ได้เพียง 90 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ30 ของความจุ คาดว่าจะมีน้ำใช้ได้ถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้เท่านั้น
จ.ชัยภูมิ ประสบปัญหาภัยแล้ง แหล่งน้ำตามชุมชนมีาสภาพแห้งขอด โค-กระบือ หลายพันตัวเริ่มขาดแคลนแหล่งน้ำกิน ชาวบ้านต้องพาฝูงโคกระบือ ออกหาแหล่งน้ำตามคูคลองในตำบลใกล้เคียงแต่บางรายทนแล้งไม่ไหวขนไปขายหารายได้
ส่วน จ.พิจิตร ภัยแล้ง ทวีความรุนแรง อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร ส้มโอ พันธุ์ท่าข่อย บนเนื้อที่กว่า 7,000 ไร่ พืชเศรษฐกิจสร้างรายได้ ต้องเหี่ยวเฉาแห้งตาย หลังขาดแคลนน้ำ ขณะที่ เกษตรกรบางราย ยังมีความหวังยื้อต้นพันธุ์ส้มโอไม่ให้ล้มตาย ไปหาซื้อฟางข้าวจากชาวนานำมาคลุมโคนของลำต้น ลดความร้อนและป้องกันไม่ให้ความชื้นระเหยออกไปอย่างรวดเร็ว
ที่ จ.ราชบุรี อ่างเก็บน้ำไทยประจัน ในพื้นที่ ต.ยากหัก อ.ปากท่อ และ อ.บ้านคา ประสบกับปัญหาภัยแล้งอย่างหนัก มีสภาพตื้นเขิน แห้งขอด ทำให้ชาวบ้านรวม 8 หมู่บ้าน ต้องขาดน้ำใช้อุปโภค บริโภค พืชผลทางการเกษตร เนื่องจากน้ำในเขื่อนลดน้อยลงแทบจะติดก้นอ่าง ไม่สามารถปล่อยสู่ลำห้วยให้ประชาชน และเกษตรกรในพื้นที่ ที่อยู่ใต้อ่างเก็บน้ำใช้ได้ จะต้องเก็บไว้เลี้ยงก้นอ่างเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอ่างร้าวหรืออ่างชำรุดได้
ในวันเดียวกัน ได้เกิดไฟป่าที่ลุกไหม้รอบ อ่างเก็บน้ำไทยประจันซึ่งเป็นพื้นที่ป่าร้อนชื้น ประกอบกับภายในอ่างเก็บน้ำมีปริมาณน้ำน้อยแทบจะติดก้นอ่าง ทางหน่วยปฏิบัติการพื้นที่อุทยานแห่งชาติไทยประจัน ต.ยางหัก อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ได้นำกำลังออกดับไฟป่า และมีรายงานเกิดไฟลุกไหม้ในหลายจุดในบริเวณป่าลึก และ เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า
นายประยงค์ จันทเต็ง นายอำเภอปากท่อ พร้อม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลยางหัก และหน่วยทหารจากกองพลพัฒนาที่ 1 ค่ายศรีสุริยวงศ์ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบในเขตพื้นที่ต่างๆในเขตต.ยางหัก อ.ปากท่อและแนวเทือกเขาตะนาวศรีเขต อ.บ้านคา จากปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นทำให้ทำให้เกิดไฟป่าได้ง่าย จากการเข้าไปสำรวจของชุดดับไฟป่า พบบางจุดเกิดจากการลักลอบเผาป่าเพื่อเป็นการล่าสัตว์ และยังพบการเกิดไฟลุกไหม้เอง บางส่วน เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อน เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันออกทำแนวกันไฟ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการลุกลามของไฟป่า
ดังนั้น จึงได้ให้ทุกหน่วยในพื้นที่ทั้งอำเภอ โดยการทำบูรณาการร่วมกันในการที่จะป้องกันปัญหาและเร่งดับไฟป่า โดยให้เจ้าหน้าที่ประเมินและติดตามสถานการณ์ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากไม่สามารถดำเนินการได้ ให้รีบแจ้งโดยทันที เพื่อขอสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร เพื่อนำเครื่องยุทโธปกรณ์ เข้าควบคุมสถานการณ์การดับไฟป่า อีกทั้งจะเร่งประสานไปยังหน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วฝนหลวง เพื่อสมทบการนำน้ำเข้าดับทางอากาศ หากเกิดสถานการณ์ที่รุนแรง
จากสภาพอากาศบริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมบริเวณประเทศไทย มีกำลังอ่อนลงทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นอีก 2-4 องศาเซลเซียส ส่งผลตอนบนของภาคเหนือและอีสานยังมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไป มีหมอกตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยภาคเหนือที่ จ.พะเยา เช้าวัดได้อยู่ที่ 10 องศา ท้องฟ้าปิด มีหมอกบางปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ผู้คนออกมานั่งตากแดดเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น ภาคอีสาน ที่ จ.ขอนแก่น ช่วงเช้าวัดได้ 14องศาเซลเซียสและเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจกันมากขึ้น ทั้งมีหมอกในช่วงเช้า ทัศนวิสัยการมองเห็นเหลือเพียง 50 เมตร ผู้ที่ใช้ถนนเลี่ยงเมืองขอนแก่นต้องเพิ่มความระมัดระวัง
ภาคกลาง จ.ราชบุรี หมอกหนาในหลายพื้นที่ อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด15-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด30-31 องศาเซลเซียส สลับกับมีลมแรงและมีเมฆบางส่วน ส่วนยอดเขา และที่บริเวณแนวเทือกเขา ที่อุทยานหินเขางู ต.เกาะพลับพา อ.เมือง มีหมอกปกคลุมไปทั่วทำให้เทือกเขามีความสวยงามจนมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปบันทึกภาพจำนวนมาก
จ.กาญจนบุรี หลายพื้นที่อากาศหนาวเย็น อุณหภูมิลดลงเหลือ11องศาเซลเซียลโดยเฉพาะ 4 อำเภอ ที่อากาศเย็นจัดคือ อ.ศรีสวัสดิ์ อ.ไทรโยค อ.ทองผาภูมิ และ อ.สังขละบุรี อุณหภูมิลดลงเหลือ 4 องศา เซลเซียส ประชาชนต้องก่อกองไฟเพื่อเพิ่มความอบอุ่น
สถานการณ์ในภาคใต้ ฝั่งอ่าวไทย ยังคงมีคลื่นลมแรงต่อเนื่อง เป็นวันที่ 4 มีคลื่นสูงกว่า2เมตร เรือประมงขนาดกลาง และเล็ก งดออกทะเล หลายรายเก็บอวนทำความสะอาดและตรวจความพร้อมเรือเพื่อให้ออกทำประมงได้ทันทีเมื่อคลื่นลมสงบเพราะขาดรายได้มาหลายวัน เดือดร้อนหนักโดยชาวประมงยังไม่มั่นใจว่าจะออกเรือได้อีกครั้งเมื่อไร
ขณะที่ ชาวบ้าน ต.ตำมะลัง อ.เมือง จ.สตูล ยังให้บริการรับส่งผู้โดยสารนั่งเรือข้ามฟากจากบ้านตำมะลังเหนือ มายังพื้นที่ตำมะลังใต้ กันตามปกติด้วยความระมัดระวัง แม้จะมีลมแรงแต่คลื่นลมไม่เป็นอุปสรรค สภาพอากาศยังคงปกติ ขณะที่นอกฝั่งยังคงมีประกาศเตือนเรือเล็กให้เพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ ยังมีคลื่นสูง 2-3เมตร
ขอบคุณ... http://www.naewna.com/local/201769