เขยโปลิโอใจเพชรกัดฟันสู้ หาเลี้ยง'เมียพิการ-แม่ยาย'
เปิดชีวิตยอดนักสู้! ชายพิการวัย 50 ปี สู้อดทนฝ่าลำบาก รับจ้างตัดอ้อยหาเลี้ยงเมียพิการ-ดูแลแม่ยายวัยชรา เขาทำได้อย่างไรไปดูหัวใจผู้ชายคนนี้กัน!
ในวันที่ท้อแท้เมื่อหนทางเดินชีวิตมันมืดดำไปหมด ใครที่เคยผ่านจุดนั้นมาได้ จะรู้ดีว่า... “มันเหมือนชีวิตถูกดึงลงสู่เหวลึกที่สุด” ซึ่งหากเป็นสมัยก่อนก็คงไม่มีใครรับรู้เรื่องราวชีวิตของคนๆ หนึ่งได้ ถ้าไม่มีโลกออนไลน์เช่นทุกวันนี้เพราะบางครั้งชีวิตของพวกเขา ก็เป็นแรงใจส่งคืนกลับมาให้เราได้ หรือบางเรื่องที่สุดแสนเวทนาและน่าสงสาร จะสะท้อนให้เห็นภาพอีกมุมหนึ่งของสังคมไทย เช่นเดียวกับความหดหู่ใจ ซึ่งถูกแชร์บนโลกออนไลน์ มีหนุ่มพลเมืองดีได้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า “Poramet Misomphop” เผยให้เห็นความเป็นอยู่ของครอบครัวหนึ่ง แง่มุมที่สังคมภายนอกไม่เคยรับรู้ โดยทั้ง 3 ชีวิตอาศัยเพียงแสงตะเกียงดวงเล็กๆ เพื่อใช้ส่องสว่างในยามค่ำคืนอย่างเวทนา
ในพื้นที่ อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี ห่างจากถนนใหญ่เกือบ 20 กิโลเมตร ลึกเข้าไปมอง 2 ข้างถนนมีแต่ป่ารกทึบ ในเวลากลางคืนชาวบ้านละแวกนี้ แทบจะมองไม่เห็นทาง เพราะไม่มีแม้แต่แสงไฟที่จะนำไปสู่บ้านหลังนี้ เพราะสุดปลายทางกลับมีบ้านไม้ชั้นเดียวสภาพเก่าหลังคาพุพังอยู่หลังหนึ่ง
เมื่อเดินเข้าไปภายในบ้านพบหญิงชราทราบชื่อ “คุณยายบุญเรือง” อายุ 87 ปี พร้อมด้วยลูกสาว “จำเรียง” อายุ 48 ปี และลูกเขย “ดอน” อายุ 50 ปี ร่างกายของ “คุณยายบุญเรือง” แก่มากแล้ว เดินขึ้นบ้านก็ต้องคลาน 4 ขา เรี่ยวแรงก็แทบไม่มีที่จะก้าวเท้าเดิน โดยบางทีต้องคลานกับพื้น หูก็ไม่ค่อยได้ยิน พูดน้อยคำแต่พอจับใจความได้ ส่วนดวงตาก็เกือบจะไร้แสงสว่าง เพราะมองไม่ค่อยเห็นมานานแล้ว จะหยิบจับอะไรก็ต้องใช้มือควานหา แต่ก็ยังมีคนดูแล เพราะอยู่ด้วยกันอีก 2 คน คือ “ลูกสาว” ร่างกายพิการเดินก็ไม่ค่อยได้ และ “ลูกเขย” ป่วยเป็น “โปลิโอ” มือและเท้าหงิกงอ บ้างวันมีก็กิน ไม่มีก็ไม่ต้องกิน ก็ต้องอดทนกันไป!!
เพราะว่า “ลูกเขยพิการ” คนนี้ หัวใจเขาแกร่งดั่งเพชรจริงๆ ถึงแม้ร่างกายจะไม่เหมือคนปกติทั่วไป แต่ก็เลี้ยงดูครอบครัวได้ นับเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ใครพูดอะไรพอฟังรู้เรื่อง แต่เวลาพูดต้องจับใจความและตั้งใจฟัง จึงเป็นเพียงความหวังเดียว โดยที่เขาจะต้องออกไปรับจ้าง ด้วยการอาศัยนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของพลเมืองดีไปตัดอ้อย ตัดหญ้า ค่าแรงก็ไม่เกิน 200 บาท
เมื่อได้เงินมา... “เขยพิการ” คนนี้ก็จะรีบกลับบ้าน หาข้าวให้คนที่บ้านกิน โดยมีตะเกียงเพียงหนึ่งดวงที่ให้แสงสว่างทั้งบ้าน แต่ถ้าวันไหนไม่มีใครจ้าง ก็ไม่มีเงินซื้อข้าวทั้ง 3 ชีวิตก็ต้องอด!! ลองคิดดูว่า...ทั้ง 3 ชีวิตจะต้องใช้ความอดทนมากขนาดไหน เพราะเพียงแค่น้ำฝนสาดเข้ามาในบ้านของเราๆ ท่านๆ ยังรู้สึกไม่ปลอดภัยเลย แต่นี่ทั้ง 3 คน เมื่อฤดูฝนมาเยือน...แน่นอนฝนตกหลังคารั่ว ต้องหลบตามมุมบ้าน หนาวและสั่น ไฟฟ้าก็ไม่มีใช้ “ลูกเขย” คนนี้ก็ต้องทำหน้าที่ปกป้องภรรยาและแม่ของเธอ จึงเกิดคำถามตามมามากมายว่า
ชีวิตจำเป็นต้องสู้กับธรรมชาติขนาดนั้นเลยเหรอ??? ภาพที่เราเห็นมันคงเป็นเรื่องราวความรักของ “คนพิการ” กับอีกหนึ่งชีวิตของ “หญิงชรา” ที่มี “ลูกเขยพิการ” คอยดูแลและเอาใจใส่อย่างดีที่สุดแล้ว!!! สภาพภายในบ้านไม่ต้องพูดถึง ไม่มีอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าใดๆ ทั้งสิ้น ที่เห็นก็มีเพียงที่นอนเก่าๆ โต๊ะไม้เก่าๆ 1 ตัว เตาถ่านเก่าๆ รอบข้างเป็นป่าที่ไร้ซึ่งแสงสว่าง แต่ที่ขาดไม่ได้ คือ ตะเกียง แต่แม้บางวันทั้ง 3 คนจะไม่มีข้าวที่กินก็ต้องอด แต่ยังมีความโชคดีเข้ามาอยู่บ้าง เพื่อนบ้านและพลเมืองดีในละแวกนั้น ค่อนข้างไกลพอสมควร จะนำกับข้าวมาให้ และบางครั้งก็นำข้าวสารอาหารแห้งมาให้ทั้ง 3 ชีวิต
รายได้อีกทางหนึ่งก็เห็นจะเป็น “เบี้ยยังชีพ” โดย “ชายพิการ” คนนี้และภรรยาของเขา ได้รับเบี้ยคนพิการ ส่วนคุณยายได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และแล้วในที่สุด...เมื่อเรื่องราวถูกแชร์ออกไป อบต.บ่อทอง ได้เข้ามามุงหลังคาให้ใหม่ และมีแผงโซล่าเซลล์มาติดตั้ง หวังว่าความเป็นอยู่ของทั้ง 3 ชีวิตจะดีขึ้น!!
นี่อาจเป็นเพียงบางเรื่องราว ที่ได้รับการเปิดเผยสู่สังคมภายนอกได้รับรู้ และช่วยเหลือกัน แต่เชื่อเหลือเกินว่า...ยังคงมีอีกหลากหลายแง่มุมชีวิตของคนในสังคม ที่พวกเขาจำเป็นต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอดในวันพรุ่งนี้
คอลัมน์ : นิยายชีวิตอาทิตย์สไตล์
โดย “ทวีลาภ บวกทอง”
ขอบคุณภาพ : @Poramet Misomphop (เมศ เจ้าชายน้อย)