ภาระหนัก! พ่อวอนช่วยลูกชายพิการ ไร้ที่อยู่อาศัย

แสดงความคิดเห็น

นายประสิทธิ์ คำมะณี อายุ 52 ปี กำลังดูแลลูกชายพิการอย่างใกล้ชิด

พ่อค้าลาบก้อยเร่ขายตามตลาดนัด วัย 52 วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือลูกชายพิการจากอุบัติเหตุ ที่อยู่ด้วยกันเพียงสองคน ต้องหาเช้ากินค่ำ เอาเงินมาดูแลลูกที่ป่วย ขณะบ้านที่เช่าอาศัย เจ้าของบ้านเตรียมขอให้หาที่อยู่ใหม่...

เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 58 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่งใน ต.สุวรรณคูหา อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู พบกับ นายประสิทธิ์ คำมะณี อายุ 52 ปี พ่อค้าลาบก้อยตามตลาดนัด กำลังอยู่ดูแล นายสุรไกร คำมะณี อายุ 28 ปี ลูกชายซึ่งเป็นคนพิการที่นอนอยู่บนเตียงในห้องโถงของบ้าน

โดยนายสุรไกร อยู่ในสภาพร่างกายซูบผอม นอนหลับ สามารถตื่นลืมตา อ้าปาก แต่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ จมูกมีท่อสำหรับต่อสายออกซิเจน ลำคอมีช่องสำหรับดูดเสมหะ และมีท่อสำหรับปัสสาวะ ซึ่งนายประสิทธิ์ บอกว่านอนรักษาตัวมานานนับปีแล้ว โดยลูกชายคนนี้เป็นลูกคนที่สองในสามคน ขณะไปทำงานก่อสร้างที่ อ.เมืองหนองคาย เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2556 ลูกได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปซื้อของแล้วมีรถปิกอัพพุ่งชนอย่างแรง ลูกกระเด็นตกรถแล้วถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ต้องผ่าตัดสมองสองรอบ ขาขวาหัก ส่วนรถคู่กรณีหลบหนีไป

นายประสิทธิ์ เล่าต่อไปว่า หลังเกิดเหตุก็ได้ติดตามความคืบหน้าของคดี แต่ก็ไร้วี่แววที่เจ้าหน้าที่จะตามหารถคู่กรณีได้ จึงได้ไปทำเรื่องเพื่อขอความช่วยเหลือจากกรมการประกันภัย เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากรถ แต่ส่งเรื่องไปเป็นปีก็เงียบหาย ไปขอกู้เงินจากพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อนำเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลลูกยื่นเรื่องไปนานแล้วก็ยังไม่มีวี่แวว

แต่ก็มีหน่วยงานเข้ามาดูแล เป็นเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เอาเงินมาช่วย 2,000 บาท อบต.นาสี อ.สุวรรณคูหา ซึ่งเป็นภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้าน อีก 2,000 บาท และพระเอกบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ เดินทางมาหาและมอบเงินให้อีก 20,000 บาท ซึ่งก็นำไปใช้จ่ายในการซื้อยาให้ลูกจนหมดแล้ว และขณะนี้ก็ไปขึ้นทะเบียนเพื่อขอรับเงินสงเคราะห์ผู้พิการ ซึ่งทาง อบต.นาสี แจ้งว่าเริ่มรับเงินในเดือนตุลาคม 2558

นายประสิทธิ์ เล่าอีกว่า ตนอยู่กับลูกเพียงสองคน แม่ของลูกก็ไปมีครอบครัวใหม่ เคยขอให้มาดูแลบ้าง แต่มาเห็นลูกแล้วได้แต่ร้องไห้ บอกไม่มีเงินมาช่วยดูแล ขณะที่พี่และน้องอีกสองคนก็ไปมีครอบครัวใหม่อยู่ต่างจังหวัด นานๆ ก็จะส่งเงินมาให้ช่วยดูแล ส่วนตนเองก็ต้องขี่ซาเล้งออกไปขายลาบก้อยตามตลาดนัด ตระเวนไปทุกวันขายได้บ้างไม่ได้บ้าง บางวันขายได้ไม่ถึงร้อยบาท บางวันขายหมดก็จะมีกำไร 300-400 บาท ก็จะกันเงินส่วนหนึ่งเก็บไว้เป็นค่าเช่าบ้านเดือนละ 1,500 บาท เป็นค่าอาหาร ค่านม ให้กับลูก ถ้าไม่ได้ออกไปขายทั้งตนและลูกก็ต้องอด ซึ่งเจ้าของบ้านเช่า ก็ขอให้เตรียมย้ายออก เนื่องจากจะมีญาติมาอยู่แทน ตนกลับบ้านมามองหน้าลูกอย่างน้ำตาซึม ไม่รู้จะหาบ้านเช่าที่ไหนอยู่

สำหรับผู้ใจบุญที่อยากช่วยเหลือครอบครัวนี้สามารถส่งเงินช่วยเหลือเข้าบัญชี นายประสิทธิ์ คำมะณี บัญชีเงินฝากเผื่อเรียก ธนาคารออมสิน สาขาสุวรรณคูหา เลขที่บัญชี 020141726198.

ขอบคุณ... http://www.thairath.co.th/content/505918 (ขนาดไฟล์: 167)

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 18 มิ.ย.58
วันที่โพสต์: 19/06/2558 เวลา 10:55:51 ดูภาพสไลด์โชว์ ภาระหนัก! พ่อวอนช่วยลูกชายพิการ ไร้ที่อยู่อาศัย

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

นายประสิทธิ์ คำมะณี อายุ 52 ปี กำลังดูแลลูกชายพิการอย่างใกล้ชิด พ่อค้าลาบก้อยเร่ขายตามตลาดนัด วัย 52 วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือลูกชายพิการจากอุบัติเหตุ ที่อยู่ด้วยกันเพียงสองคน ต้องหาเช้ากินค่ำ เอาเงินมาดูแลลูกที่ป่วย ขณะบ้านที่เช่าอาศัย เจ้าของบ้านเตรียมขอให้หาที่อยู่ใหม่... เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 58 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่งใน ต.สุวรรณคูหา อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู พบกับ นายประสิทธิ์ คำมะณี อายุ 52 ปี พ่อค้าลาบก้อยตามตลาดนัด กำลังอยู่ดูแล นายสุรไกร คำมะณี อายุ 28 ปี ลูกชายซึ่งเป็นคนพิการที่นอนอยู่บนเตียงในห้องโถงของบ้าน โดยนายสุรไกร อยู่ในสภาพร่างกายซูบผอม นอนหลับ สามารถตื่นลืมตา อ้าปาก แต่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ จมูกมีท่อสำหรับต่อสายออกซิเจน ลำคอมีช่องสำหรับดูดเสมหะ และมีท่อสำหรับปัสสาวะ ซึ่งนายประสิทธิ์ บอกว่านอนรักษาตัวมานานนับปีแล้ว โดยลูกชายคนนี้เป็นลูกคนที่สองในสามคน ขณะไปทำงานก่อสร้างที่ อ.เมืองหนองคาย เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2556 ลูกได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปซื้อของแล้วมีรถปิกอัพพุ่งชนอย่างแรง ลูกกระเด็นตกรถแล้วถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ต้องผ่าตัดสมองสองรอบ ขาขวาหัก ส่วนรถคู่กรณีหลบหนีไป นายประสิทธิ์ เล่าต่อไปว่า หลังเกิดเหตุก็ได้ติดตามความคืบหน้าของคดี แต่ก็ไร้วี่แววที่เจ้าหน้าที่จะตามหารถคู่กรณีได้ จึงได้ไปทำเรื่องเพื่อขอความช่วยเหลือจากกรมการประกันภัย เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากรถ แต่ส่งเรื่องไปเป็นปีก็เงียบหาย ไปขอกู้เงินจากพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อนำเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลลูกยื่นเรื่องไปนานแล้วก็ยังไม่มีวี่แวว แต่ก็มีหน่วยงานเข้ามาดูแล เป็นเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เอาเงินมาช่วย 2,000 บาท อบต.นาสี อ.สุวรรณคูหา ซึ่งเป็นภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้าน อีก 2,000 บาท และพระเอกบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ เดินทางมาหาและมอบเงินให้อีก 20,000 บาท ซึ่งก็นำไปใช้จ่ายในการซื้อยาให้ลูกจนหมดแล้ว และขณะนี้ก็ไปขึ้นทะเบียนเพื่อขอรับเงินสงเคราะห์ผู้พิการ ซึ่งทาง อบต.นาสี แจ้งว่าเริ่มรับเงินในเดือนตุลาคม 2558 นายประสิทธิ์ เล่าอีกว่า ตนอยู่กับลูกเพียงสองคน แม่ของลูกก็ไปมีครอบครัวใหม่ เคยขอให้มาดูแลบ้าง แต่มาเห็นลูกแล้วได้แต่ร้องไห้ บอกไม่มีเงินมาช่วยดูแล ขณะที่พี่และน้องอีกสองคนก็ไปมีครอบครัวใหม่อยู่ต่างจังหวัด นานๆ ก็จะส่งเงินมาให้ช่วยดูแล ส่วนตนเองก็ต้องขี่ซาเล้งออกไปขายลาบก้อยตามตลาดนัด ตระเวนไปทุกวันขายได้บ้างไม่ได้บ้าง บางวันขายได้ไม่ถึงร้อยบาท บางวันขายหมดก็จะมีกำไร 300-400 บาท ก็จะกันเงินส่วนหนึ่งเก็บไว้เป็นค่าเช่าบ้านเดือนละ 1,500 บาท เป็นค่าอาหาร ค่านม ให้กับลูก ถ้าไม่ได้ออกไปขายทั้งตนและลูกก็ต้องอด ซึ่งเจ้าของบ้านเช่า ก็ขอให้เตรียมย้ายออก เนื่องจากจะมีญาติมาอยู่แทน ตนกลับบ้านมามองหน้าลูกอย่างน้ำตาซึม ไม่รู้จะหาบ้านเช่าที่ไหนอยู่ สำหรับผู้ใจบุญที่อยากช่วยเหลือครอบครัวนี้สามารถส่งเงินช่วยเหลือเข้าบัญชี นายประสิทธิ์ คำมะณี บัญชีเงินฝากเผื่อเรียก ธนาคารออมสิน สาขาสุวรรณคูหา เลขที่บัญชี 020141726198. ขอบคุณ... http://www.thairath.co.th/content/505918

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...