ซูฮกยกนิ้วให้ ‘หนุ่มพิการ’ ที่ใครหาว่าบ้า แต่เขาบ้ารักแม่เหลือเกิน?

แสดงความคิดเห็น

คุณธีรยุทธ และเลิศผล วัย 38 ปี หรือ “แก่”  หนุ่มพิการ กำลังดูแลนวดขาให้แม่

ท่ามกลางแสงสีเสียงเคียงเมืองศิวิไลซ์ ใครจะรู้ได้ว่า “ย่านทองหล่อ” ยังมีเสียงร้องขอความช่วยเหลือแว่วอยู่เนืองๆ และเสียงเรียกดังเดื่องหนึ่งในนั้น คือ เสียงของ “แม่แก่ๆ” คนหนึ่งในชุมชนที่ดูเสมือนสลัมกำลังตกระกำลำบากยากจนข้มแค้นแสนสาหัสในอาการป่วยโรคกระดูกเสื่อม-เดินไม่ได้ ซ้ำภายหน้าต้องไร้ที่อยู่ ไม่รู้จะระเห็จระเหเร่ร่อนไปอยู่ที่ไหน

แต่…ความโชคร้ายในชะตามักแฝงความโชคดีไว้เสมอ เมื่อรักของแท้ของแม่ที่ไม่เคยทอดทิ้งพร้อมต่อสู้เลี้ยงลูกทั้ง 4 คนจนเติบใหญ่ โดย 2 คนโต ได้มีงานการทำมีรายได้และมีครอบครัวจนแยกตัวออกไป เหลืออีก 2 รายชาย/หญิง กลับพิการทางสมองและป่วยหลายโรคซ้ำซ้อน

ลองทายไหม?…ลูก 4 คน (ใคร) คือ คนหาเลี้ยงดู-ตอบแทนค่าน้ำนมแม่ชราป่วยหนักคนนี้ และ…นี่คือเรื่องราวรับ “วันแม่” สุดดราม่าตราตรึงใจ ที่สร้างความฮือฮาและแฝงความประทับใจต่อสายสาธารณชน ซึ่งคนย่านทองหล่อต่างรู้จัก“ลูกกตัญญู” คนนี้เป็นอย่างดี

คุณธีรยุทธ และเลิศผล วัย 38 ปี หรือ “แก่” ชื่อนี้ถูกเรียกขานและเป็นที่รู้จักกันดีของกลุ่มวินจักรยานยนต์และเหล่าพ่อค้าแม่ค้าย่านทองหล่อ เพราะทุกวันของเขา คือ การเดินตระเวนขอข้าวขอน้ำจากพระภิกษุตามวัดใกล้เคียง หรือพ่อค้าแม่ค้าตามตลาดย่านทองหล่อ เพื่อนำอาหารเหล่านี้ไปประทังชีพครอบครัว ซึ่งมีแม่ที่นอนป่วยหนักและพี่สาวพิการทางสมองและแขนขา

ในทุกวันของแสงแดดที่แผดเผา เขาผู้นี้ในสภาพเสื้อผ้าเก่าเคล้ากลิ่นตัวไม่หอมหวน ย่ำเดินสวนผู้คนล้วนดูดีมีราศี ต่างเสียดสีด้วยสายตาและวาจา บ้างหาว่า “บ้า” -“ปัญญาอ่อน” บ้างขับไล่ผลักไสไปให้ไกล เพียงเพราะต้องการขอแบ่งเศษทานไปช่วยเหลือครอบครัวที่อดอยาก

คุณธีรยุทธ และเลิศผล วัย 38 ปี หรือ “แก่”  หนุ่มพิการ กำลังดูแลแม่

หากถามถึงการสื่อสาร พี่แก่พูดกับใครแทบไม่รู้เรื่อง ยากที่ใครจะเดาความได้ นอกจากวลีฮิตติดประโยคด้วยคำว่า “แม่ ไปหาแม่ ช่วยแม่ ขอให้แม่ และ รักแม่” แต่ด้วยน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน ย่านที่ดินแสนร่ำรวยไม่ใช่รวยเพียงเงินทอง แต่ยังมีคนรวยน้ำใจ นั่น คือชาวบ้านละแวกดังกล่าว ที่รู้จักมักจี่พี่แก่เป็นอย่างดี ส่วนใหญ่แบ่งปันข้าวปลาอาหารให้พร้อมเงินเล็กน้อย ขณะที่พี่วินจยย.ใจดีมีน้ำใจไม่ว่าเจอพี่แก่ที่ไหน ก็จะพาไปส่งฟรีแทบทุกที่ เพราะพวกเขาต่างรู้ดีว่าหนุ่มคนนี้ทำเพื่อใคร

ขณะเดียวกันในวันที่ทีมข่าวได้ลงพื้นที่เพื่อสัมภาษณ์ กลับเกิดเหตุไม่คาดฝัน เมื่อ คุณทองศรี และเลิศผล หรือ ป้าทอง วัย 74 ปี แม่ของพี่แก่ที่ป่วยหนักได้เข้าโรงพยาบาลกะทันหันและนอนพักฟื้นอยู่หลายวัน ช่วงหนึ่งของการรอคอยป้าทองออกจากโรงพยาบาล ทีมข่าวได้สัมผัสกับชีวิตพี่แก่ พบว่าทุกลมหายใจเข้าออก เขามีแต่ความเป็นห่วงใยแม่ พร้อมกับพูดประโยคเดิมๆซ้ำๆว่า “ห่วงแม่” และ “ไปหาแม่” ทุกๆวันของเขาที่ต้องคอยตระเวณไปขอข้าวน้ำต้องเปลี่ยนไป เพราะต้องนำเวลาที่เหลือมาคอยเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาลและต้องรีบกลับเพื่อหาอาหารให้พี่สาวพิการที่อยู่บ้าน

หากวันใดพี่แก่กลับบ้านช้ากว่าปกติ ก็ยังได้เพื่อนบ้านใจดีอย่างครอบครัว คุณอารีดาห์ เดจิเลาะ ที่แม้ต่างศาสนาแต่ก็ช่วยหุงหาข้าวปลาและคอยช่วยเหลือในทุกด้าน ทั้งที่ครอบครัวตนเองก็ลำบากไม่น้อยไปกว่ากัน แต่ที่มีใจช่วยเหลือเพราะสงสารและเอ็นดูในความกตัญญูของหนุ่มพิการคนนี้

“ยกให้เป็นตัวอย่างเลย แก่นี่เก่งมากรักแม่มาก แม้ใครจะหาว่าเขาบ้าไม่เต็ม แต่เขาเต็มไปด้วยความรักแม่ เขาไม่เคยว่าหรือด่าแม่ เถียงแม่ หรือทำร้ายแม่ ทั้งๆที่เขาไม่ปกติและบางวันเขาก็เหนื่อยจากการขออาหาร เขาได้เงินมาเขาก็ให้แม่ทันที ได้ข้าวของมา ไม่เคยกินก่อน ต้องรอให้แม่กินก่อนเสมอ หากวันไหนแม่ไม่กินเขาก็ยอมอดด้วย เห็นภาพนี้ในทุกวันมันผสมความรันทดและรอยยิ้ม” คุณอารีดาห์ กล่าว

ความหดหู่สู่ความกตัญญู ได้อุ้มชูชื่อเสียง “พี่แก่” ให้ดังกึกก้องไปทั่วย่านคนรวย เสียงสะท้อนนำพาให้ผู้คนต่างช่วยเหลือแบ่งปันน้ำใจไร้ข้อรังเกียจเดียดฉันท์ ซึ่งน้ำใจส่วนใหญ่จะได้จากคนหน้าเดิมที่คอยให้เงินและแบ่งปันอาหาร “เห็นแก่มาตั้งแต่แม่เขายังค้าขายอยู่เลย เขาก็ออกมาช่วยแม่ประจำ พอแม่ป่วยเขาก็ออกมาขอข้าวชาวบ้าน ส่วนใหญ่ก็รู้นะว่าเขาเอาไปให้แม่เขา พวกเขาลำบาก คนก็ช่วย ที่สำคัญเขาชอบทำบุญด้วย โดยจะแบ่งอาหารมาใส่บาตรพระทุกเช้าเลย ขอชมในความกตัญญูเลย นี่ขนาดไม่ปกตินะ ยังรักและทำเพื่อแม่ได้ขนาดนี้ ลองเทียบกับคนทั่วไปสิ มีแต่จะทิ้งพ่อแม่หรือไม่ก็ไม่เคยเลี้ยงดูแลใดเลย” คุณจันทร์ ร้านก๋วยเตี๋ยวทองหล่อ กล่าว

“กรณีแก่ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีที่ลูกๆควรดูไว้ คือ เรื่องความรักของแม่ที่ไม่ว่าลูกเป็นอย่างไรก็เลี้ยงดูลูกได้ทุกคนไม่เคยทอดทิ้ง แต่ทำไมลูกๆกลับทิ้งหรือไม่เลี้ยงดูพ่อแม่ และ เรื่องความกตัญญูที่ลูกควรมีต่อบุพพการี แม้แก่จะไม่ปกติ แต่เขากลับรักแม่ไม่ทิ้งแม่และหาวิธีที่จะเลี้ยงดูแม่ แม้วิธีขอข้าวน้ำอาจไม่ถูกต้อง แต่สำหรับคนเช่นนี้ เเค่เขาคิดว่าจะช่วยแม่อยางไรให้มีกินมีใช้ได้ เท่านี้ก็ดีแล้ว และยิ่งเป็นบุญกุศลสำหรับคนที่ให้ทานแก่ไป เพราะเท่ากับได้บุญหนักหนา” พระมหางามพล จิตติโสภโณ กล่าว

จากความกตัญญูของลูกสู่ความรักของแม่ ป้าทองเล่าทั้งน้ำตาว่า เดิมตนเองมีลูกทั้งหมด 8 คน ได้เสียชีวิตไป 4 คน จึงเหลือลูกเพียง 4 คน ซึ่งปกติ 2 คน และอีก 2 คน พิการทางสมองโดยกำเนิด ทั้งคู่ยังมีโรคประจำตัวความดันและเบาหวาน ซึ่งพี่สาวพี่แก่มีอาการหนักกว่าตรงที่มือเท้าหงิกงอ จึงไม่สามารถทำงานใดได้มาก ก็มีแต่พี่แก่ที่แม้จะพูดจาไม่รู้เรื่อง แต่มีความรักแม่รักพี่สาว และคอยออกไปหาอาหารมาให้ครอบครัวเสมอ

“สงสารลูก เวลาเขากลับมาเหนื่อยๆและบอกว่าได้ของมาน้อย หลายครั้งเขาพยายามบอกว่า มีคนด่าตลอด ไล่เขา รังเกียจเขา เราเป็นแม่ น้ำตาไหลเลย ก่อนหน้านี้ก็มีคนที่ไม่เข้าใจ ก็ทำร้ายเขา เราก็คอยสอนว่า หากจะไปขอให้ขอข้าววัดดีกว่า หรือเฉพาะคนที่เขาอยากให้เท่านั้น ไม่ต้องไปไล่ขอไปทั่ว มันไม่คุ้ม เพราะสร้างความรำคาญและอาจเจ็บตัวเปล่า”

ด้วยหัวใจของผู้เป็นแม่ แม้ว่ารู้ว่าลูกทั้งหมดจะ “ปกติหรือผิดปกติ” อย่างไร ก็ไม่เคยตัดพ้อหรือทอดทิ้ง แม้สามีต้องมาเสียชีวิตจากไป ก็พร้อมจะกัดฟันสู้ชุบเลี้ยงลูกโดยลำพังจนพวกเขาจนเติบใหญ่ แต่ไฉนพี่ใหญ่ 2 คนจำต้องแยกออกไป เหตุเพราะมีครอบครัว เหลือเพียงแต่แม่แก่ๆกับน้องพิการทั้งสองในห้องเก่าสุดทรุดโทรมในชุมชนแออัด และเขาทั้งสองแทบไม่เคยแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนกันอีกเลย

เมื่อแม่ชราทนอาการโรคกระดูกเสื่อมไม่ไหวเกิดล้มป่วยจนเดินไม่ได้ การค้าขายรายได้พอเลี้ยงชีพต้องหยุดชะงัก จำนอนซมอยู่ในห้อง นอนรอความช่วยเหลือจากคนใจดี หนีไม่พ้นภาระหน้าที่สุดยิ่งใหญ่ตกเป็นของ “ลูกพิการ” ที่ใครๆดูแคลนบ้าหนักหนา ต้องออกหาข้าวปลาเลี้ยงดูแม่และพี่สาว ถึงคราวกลับบ้านก็ยังช่วยบีบนวดคลายเส้นหวังให้แม่กลับมาปกติ

ชาวบ้านน้ำใจงามมอบเงินเล็กๆน้อยให้แด่ “แก่”  หนุ่มพิการ

“ก็ได้เขานี่แหละ ลูกพิการ ลูกที่ใครว่าบ้า แต่รักฉันเหลือเกิน ยอมทำทุกอย่างเพื่อฉัน ฉันเคยคิดหวังสักวันล้มป่วยยามแก่เฒ่าหวังพึ่งลูกปกติมีงานทำ แต่เวรกรรมทำให้ฉันต้องเสียใจ ฟ้ายังมีตาส่งลูกบ้ามาช่วยฉันดูแลฉัน รักนะฉันรักลูกทุกคน ใครเป็นไงไม่สำคัญ แต่มันอยู่ที่ว่าพวกเขาคิดถึงฉันกันไหม”

น้ำเสียงป้าทองเสมือนโหยหาลูกทั้งสองที่หายไป แต่หัวใจพันผูกลูกพิการ รักของแม่ห่วงหาอาทรลูกเสมอ แม้ไม่ได้พบประสบเจอ แต่ความห่วงใยมิเคยเสื่อมคลาย เป็นไปได้ไหมว่าลูกที่หายไป จะรู้ไหมตอนนี้แม่และพี่น้องสุดลำบากกันเหลือเกิน หากพูดถึงความอดอยาก ป้าทองบอกว่าเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว เพราะบางครั้งหากลูกขอข้าวมาไม่ได้ หรือ ไม่ได้ออกไป ก็ต้องทานของบูดเน่าแทน หลายครั้งเพื่อนบ้านอดสงสารไม่ได้ก็ช่วยหาอาหารมาให้ ซึ่งส่วนใหญ่บอกว่าสาเหตุความช่วยเหลือมากจากความดีและความกตัญญูของพี่แก่ที่มีต่อแม่มาก

ส่วนความเป็นอยู่ของครอบครัวนั้น ถือว่าลำบากมาก แต่ยังดีที่ป้าทองและพี่แก่ได้เบี้ยคนชรา+คนพิการ รวม 1,400 บาท ส่วนลูกสาวไม่ได้ในส่วนนี้เพราะไม่ได้ยื่นเรื่องพิการไว้ ซึ่งรายได้ดังกล่าวนั้นพอดีกับรายจ่ายค่าน้ำค่าไฟในบ้านราว 1,300 บาท ซึ่งแต่ละเดือนครอบครัวจะเหลือเงินเพียง 100 กว่าบาทในการประทังชีวิต หากถามถึงค่าบ้านนั้น ยังโชคดีที่ไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะอาศัยในชุมชนลุกล้ำแม่น้ำ ส่วนข่าวร้ายคือภายหน้าชุมชนนี้จะต้องถูกรื้อถอนและให้หลายร้อยครัวเรือนย้ายออกไปตามคำสั่งจัดระเบียบของกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้ผ่อนผันมาปีกว่าแล้ว และนี่เป็นอีกเคราะห์กรรมที่ครอบครัวป้าทองไม่รู้จะทำอย่างไรต่อในชีวิต

“หลายครอบครัวย้ายออกไปเยอะแล้ว ก็มีแต่ป้านี่แหละไม่รู้จะไปอยู่ไหน เงินก็ไม่มีลูกก็ปัญญาอ่อน ภาครัฐก็ยอมมาตลอด แต่เราไม่มีหนทางจริงๆ ซ้ำป้ายังมาป่วยหนักเคลื่อนไหวไปไหนก็ยากลำบาก กลัววันใดเขามาไล่อีก บอกตรงๆป้าหมดหนทางแล้วจริงๆ” เคราะห์ซ้ำกรรมซัดยังไม่หมดเพียงเท่านี้ วิบากกรรมป้าทองยังประสบปัญหาเรื่องสุขภาพ หลังล้มป่วยโรคกระดูกเสื่อมช่วงต้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา นอนพักฟื้นไปหลายวันแต่ต้องจำใจออกจากโรงพยาบาล เพราะไร้เงินค่าผ่าตัดรักษาเปลี่ยนกระดูกร่วมแสนบาท สวัสดิการคนธรรมดาที่มีไม่สามารถใช้ร่วมส่วนนี้ได้ ป้าทองถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ร้องออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่าไม่เหลือหนทางไหนให้สู้อีกแล้ว ขอนอนรอความตายไปพร้อมกับลูกพิการแสนกตัญญูในห้องน้อยหลังนี้

“หมดแล้วจริงๆชีวิต ไม่รู้จะพึ่งใครยังไง ลูกก็พิการ บ้านก็ถูกไล่ แถมตัวเองก็ป่วยหนักไร้เงินรักษา ทำได้เพียงตอนนี้คือนอนรอความตายไปพร้อมกับลูกและอาศัยลูกพิการกิน และ รักษาไว้ซึ่งความดีและความกตัญญู (เจ้าแก่) ที่มีต่อแม่ของเค้า” ทีมข่าว ขอเป็นกำลังใจให้ครอบครัวป้าทองศรี และหากผู้ใจบุญต้องการให้ความช่วยเหลือสามารถบริจาคผ่านบัญชี ชื่อบัญชี นางทองศรี และเลิศผล เลขที่บัญชี 187 – 1 – 02075 – 1 ธนาคารกรุงไทย (สาขา ทองหล่อ) หรือ ติดต่อสอบถามได้ที่080-775-3230 (เมศ เจ้าชายน้อย) หรือ 080-9443294 ปธ.ชุมชนคลองเป้งพัฒนา

ขอบคุณ... http://news.mthai.com/hot-news/general-news/507044.html

ที่มา: news.mthai.comออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 12 ส.ค.59
วันที่โพสต์: 16/08/2559 เวลา 11:25:13 ดูภาพสไลด์โชว์ ซูฮกยกนิ้วให้ ‘หนุ่มพิการ’ ที่ใครหาว่าบ้า แต่เขาบ้ารักแม่เหลือเกิน?

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

คุณธีรยุทธ และเลิศผล วัย 38 ปี หรือ “แก่” หนุ่มพิการ กำลังดูแลนวดขาให้แม่ ท่ามกลางแสงสีเสียงเคียงเมืองศิวิไลซ์ ใครจะรู้ได้ว่า “ย่านทองหล่อ” ยังมีเสียงร้องขอความช่วยเหลือแว่วอยู่เนืองๆ และเสียงเรียกดังเดื่องหนึ่งในนั้น คือ เสียงของ “แม่แก่ๆ” คนหนึ่งในชุมชนที่ดูเสมือนสลัมกำลังตกระกำลำบากยากจนข้มแค้นแสนสาหัสในอาการป่วยโรคกระดูกเสื่อม-เดินไม่ได้ ซ้ำภายหน้าต้องไร้ที่อยู่ ไม่รู้จะระเห็จระเหเร่ร่อนไปอยู่ที่ไหน แต่…ความโชคร้ายในชะตามักแฝงความโชคดีไว้เสมอ เมื่อรักของแท้ของแม่ที่ไม่เคยทอดทิ้งพร้อมต่อสู้เลี้ยงลูกทั้ง 4 คนจนเติบใหญ่ โดย 2 คนโต ได้มีงานการทำมีรายได้และมีครอบครัวจนแยกตัวออกไป เหลืออีก 2 รายชาย/หญิง กลับพิการทางสมองและป่วยหลายโรคซ้ำซ้อน ลองทายไหม?…ลูก 4 คน (ใคร) คือ คนหาเลี้ยงดู-ตอบแทนค่าน้ำนมแม่ชราป่วยหนักคนนี้ และ…นี่คือเรื่องราวรับ “วันแม่” สุดดราม่าตราตรึงใจ ที่สร้างความฮือฮาและแฝงความประทับใจต่อสายสาธารณชน ซึ่งคนย่านทองหล่อต่างรู้จัก“ลูกกตัญญู” คนนี้เป็นอย่างดี คุณธีรยุทธ และเลิศผล วัย 38 ปี หรือ “แก่” ชื่อนี้ถูกเรียกขานและเป็นที่รู้จักกันดีของกลุ่มวินจักรยานยนต์และเหล่าพ่อค้าแม่ค้าย่านทองหล่อ เพราะทุกวันของเขา คือ การเดินตระเวนขอข้าวขอน้ำจากพระภิกษุตามวัดใกล้เคียง หรือพ่อค้าแม่ค้าตามตลาดย่านทองหล่อ เพื่อนำอาหารเหล่านี้ไปประทังชีพครอบครัว ซึ่งมีแม่ที่นอนป่วยหนักและพี่สาวพิการทางสมองและแขนขา ในทุกวันของแสงแดดที่แผดเผา เขาผู้นี้ในสภาพเสื้อผ้าเก่าเคล้ากลิ่นตัวไม่หอมหวน ย่ำเดินสวนผู้คนล้วนดูดีมีราศี ต่างเสียดสีด้วยสายตาและวาจา บ้างหาว่า “บ้า” -“ปัญญาอ่อน” บ้างขับไล่ผลักไสไปให้ไกล เพียงเพราะต้องการขอแบ่งเศษทานไปช่วยเหลือครอบครัวที่อดอยาก คุณธีรยุทธ และเลิศผล วัย 38 ปี หรือ “แก่” หนุ่มพิการ กำลังดูแลแม่ หากถามถึงการสื่อสาร พี่แก่พูดกับใครแทบไม่รู้เรื่อง ยากที่ใครจะเดาความได้ นอกจากวลีฮิตติดประโยคด้วยคำว่า “แม่ ไปหาแม่ ช่วยแม่ ขอให้แม่ และ รักแม่” แต่ด้วยน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน ย่านที่ดินแสนร่ำรวยไม่ใช่รวยเพียงเงินทอง แต่ยังมีคนรวยน้ำใจ นั่น คือชาวบ้านละแวกดังกล่าว ที่รู้จักมักจี่พี่แก่เป็นอย่างดี ส่วนใหญ่แบ่งปันข้าวปลาอาหารให้พร้อมเงินเล็กน้อย ขณะที่พี่วินจยย.ใจดีมีน้ำใจไม่ว่าเจอพี่แก่ที่ไหน ก็จะพาไปส่งฟรีแทบทุกที่ เพราะพวกเขาต่างรู้ดีว่าหนุ่มคนนี้ทำเพื่อใคร ขณะเดียวกันในวันที่ทีมข่าวได้ลงพื้นที่เพื่อสัมภาษณ์ กลับเกิดเหตุไม่คาดฝัน เมื่อ คุณทองศรี และเลิศผล หรือ ป้าทอง วัย 74 ปี แม่ของพี่แก่ที่ป่วยหนักได้เข้าโรงพยาบาลกะทันหันและนอนพักฟื้นอยู่หลายวัน ช่วงหนึ่งของการรอคอยป้าทองออกจากโรงพยาบาล ทีมข่าวได้สัมผัสกับชีวิตพี่แก่ พบว่าทุกลมหายใจเข้าออก เขามีแต่ความเป็นห่วงใยแม่ พร้อมกับพูดประโยคเดิมๆซ้ำๆว่า “ห่วงแม่” และ “ไปหาแม่” ทุกๆวันของเขาที่ต้องคอยตระเวณไปขอข้าวน้ำต้องเปลี่ยนไป เพราะต้องนำเวลาที่เหลือมาคอยเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาลและต้องรีบกลับเพื่อหาอาหารให้พี่สาวพิการที่อยู่บ้าน หากวันใดพี่แก่กลับบ้านช้ากว่าปกติ ก็ยังได้เพื่อนบ้านใจดีอย่างครอบครัว คุณอารีดาห์ เดจิเลาะ ที่แม้ต่างศาสนาแต่ก็ช่วยหุงหาข้าวปลาและคอยช่วยเหลือในทุกด้าน ทั้งที่ครอบครัวตนเองก็ลำบากไม่น้อยไปกว่ากัน แต่ที่มีใจช่วยเหลือเพราะสงสารและเอ็นดูในความกตัญญูของหนุ่มพิการคนนี้ “ยกให้เป็นตัวอย่างเลย แก่นี่เก่งมากรักแม่มาก แม้ใครจะหาว่าเขาบ้าไม่เต็ม แต่เขาเต็มไปด้วยความรักแม่ เขาไม่เคยว่าหรือด่าแม่ เถียงแม่ หรือทำร้ายแม่ ทั้งๆที่เขาไม่ปกติและบางวันเขาก็เหนื่อยจากการขออาหาร เขาได้เงินมาเขาก็ให้แม่ทันที ได้ข้าวของมา ไม่เคยกินก่อน ต้องรอให้แม่กินก่อนเสมอ หากวันไหนแม่ไม่กินเขาก็ยอมอดด้วย เห็นภาพนี้ในทุกวันมันผสมความรันทดและรอยยิ้ม” คุณอารีดาห์ กล่าว ความหดหู่สู่ความกตัญญู ได้อุ้มชูชื่อเสียง “พี่แก่” ให้ดังกึกก้องไปทั่วย่านคนรวย เสียงสะท้อนนำพาให้ผู้คนต่างช่วยเหลือแบ่งปันน้ำใจไร้ข้อรังเกียจเดียดฉันท์ ซึ่งน้ำใจส่วนใหญ่จะได้จากคนหน้าเดิมที่คอยให้เงินและแบ่งปันอาหาร “เห็นแก่มาตั้งแต่แม่เขายังค้าขายอยู่เลย เขาก็ออกมาช่วยแม่ประจำ พอแม่ป่วยเขาก็ออกมาขอข้าวชาวบ้าน ส่วนใหญ่ก็รู้นะว่าเขาเอาไปให้แม่เขา พวกเขาลำบาก คนก็ช่วย ที่สำคัญเขาชอบทำบุญด้วย โดยจะแบ่งอาหารมาใส่บาตรพระทุกเช้าเลย ขอชมในความกตัญญูเลย นี่ขนาดไม่ปกตินะ ยังรักและทำเพื่อแม่ได้ขนาดนี้ ลองเทียบกับคนทั่วไปสิ มีแต่จะทิ้งพ่อแม่หรือไม่ก็ไม่เคยเลี้ยงดูแลใดเลย” คุณจันทร์ ร้านก๋วยเตี๋ยวทองหล่อ กล่าว “กรณีแก่ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีที่ลูกๆควรดูไว้ คือ เรื่องความรักของแม่ที่ไม่ว่าลูกเป็นอย่างไรก็เลี้ยงดูลูกได้ทุกคนไม่เคยทอดทิ้ง แต่ทำไมลูกๆกลับทิ้งหรือไม่เลี้ยงดูพ่อแม่ และ เรื่องความกตัญญูที่ลูกควรมีต่อบุพพการี แม้แก่จะไม่ปกติ แต่เขากลับรักแม่ไม่ทิ้งแม่และหาวิธีที่จะเลี้ยงดูแม่ แม้วิธีขอข้าวน้ำอาจไม่ถูกต้อง แต่สำหรับคนเช่นนี้ เเค่เขาคิดว่าจะช่วยแม่อยางไรให้มีกินมีใช้ได้ เท่านี้ก็ดีแล้ว และยิ่งเป็นบุญกุศลสำหรับคนที่ให้ทานแก่ไป เพราะเท่ากับได้บุญหนักหนา” พระมหางามพล จิตติโสภโณ กล่าว จากความกตัญญูของลูกสู่ความรักของแม่ ป้าทองเล่าทั้งน้ำตาว่า เดิมตนเองมีลูกทั้งหมด 8 คน ได้เสียชีวิตไป 4 คน จึงเหลือลูกเพียง 4 คน ซึ่งปกติ 2 คน และอีก 2 คน พิการทางสมองโดยกำเนิด ทั้งคู่ยังมีโรคประจำตัวความดันและเบาหวาน ซึ่งพี่สาวพี่แก่มีอาการหนักกว่าตรงที่มือเท้าหงิกงอ จึงไม่สามารถทำงานใดได้มาก ก็มีแต่พี่แก่ที่แม้จะพูดจาไม่รู้เรื่อง แต่มีความรักแม่รักพี่สาว และคอยออกไปหาอาหารมาให้ครอบครัวเสมอ “สงสารลูก เวลาเขากลับมาเหนื่อยๆและบอกว่าได้ของมาน้อย หลายครั้งเขาพยายามบอกว่า มีคนด่าตลอด ไล่เขา รังเกียจเขา เราเป็นแม่ น้ำตาไหลเลย ก่อนหน้านี้ก็มีคนที่ไม่เข้าใจ ก็ทำร้ายเขา เราก็คอยสอนว่า หากจะไปขอให้ขอข้าววัดดีกว่า หรือเฉพาะคนที่เขาอยากให้เท่านั้น ไม่ต้องไปไล่ขอไปทั่ว มันไม่คุ้ม เพราะสร้างความรำคาญและอาจเจ็บตัวเปล่า” ด้วยหัวใจของผู้เป็นแม่ แม้ว่ารู้ว่าลูกทั้งหมดจะ “ปกติหรือผิดปกติ” อย่างไร ก็ไม่เคยตัดพ้อหรือทอดทิ้ง แม้สามีต้องมาเสียชีวิตจากไป ก็พร้อมจะกัดฟันสู้ชุบเลี้ยงลูกโดยลำพังจนพวกเขาจนเติบใหญ่ แต่ไฉนพี่ใหญ่ 2 คนจำต้องแยกออกไป เหตุเพราะมีครอบครัว เหลือเพียงแต่แม่แก่ๆกับน้องพิการทั้งสองในห้องเก่าสุดทรุดโทรมในชุมชนแออัด และเขาทั้งสองแทบไม่เคยแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนกันอีกเลย เมื่อแม่ชราทนอาการโรคกระดูกเสื่อมไม่ไหวเกิดล้มป่วยจนเดินไม่ได้ การค้าขายรายได้พอเลี้ยงชีพต้องหยุดชะงัก จำนอนซมอยู่ในห้อง นอนรอความช่วยเหลือจากคนใจดี หนีไม่พ้นภาระหน้าที่สุดยิ่งใหญ่ตกเป็นของ “ลูกพิการ” ที่ใครๆดูแคลนบ้าหนักหนา ต้องออกหาข้าวปลาเลี้ยงดูแม่และพี่สาว ถึงคราวกลับบ้านก็ยังช่วยบีบนวดคลายเส้นหวังให้แม่กลับมาปกติ ชาวบ้านน้ำใจงามมอบเงินเล็กๆน้อยให้แด่ “แก่” หนุ่มพิการ “ก็ได้เขานี่แหละ ลูกพิการ ลูกที่ใครว่าบ้า แต่รักฉันเหลือเกิน ยอมทำทุกอย่างเพื่อฉัน ฉันเคยคิดหวังสักวันล้มป่วยยามแก่เฒ่าหวังพึ่งลูกปกติมีงานทำ แต่เวรกรรมทำให้ฉันต้องเสียใจ ฟ้ายังมีตาส่งลูกบ้ามาช่วยฉันดูแลฉัน รักนะฉันรักลูกทุกคน ใครเป็นไงไม่สำคัญ แต่มันอยู่ที่ว่าพวกเขาคิดถึงฉันกันไหม” น้ำเสียงป้าทองเสมือนโหยหาลูกทั้งสองที่หายไป แต่หัวใจพันผูกลูกพิการ รักของแม่ห่วงหาอาทรลูกเสมอ แม้ไม่ได้พบประสบเจอ แต่ความห่วงใยมิเคยเสื่อมคลาย เป็นไปได้ไหมว่าลูกที่หายไป จะรู้ไหมตอนนี้แม่และพี่น้องสุดลำบากกันเหลือเกิน หากพูดถึงความอดอยาก ป้าทองบอกว่าเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว เพราะบางครั้งหากลูกขอข้าวมาไม่ได้ หรือ ไม่ได้ออกไป ก็ต้องทานของบูดเน่าแทน หลายครั้งเพื่อนบ้านอดสงสารไม่ได้ก็ช่วยหาอาหารมาให้ ซึ่งส่วนใหญ่บอกว่าสาเหตุความช่วยเหลือมากจากความดีและความกตัญญูของพี่แก่ที่มีต่อแม่มาก ส่วนความเป็นอยู่ของครอบครัวนั้น ถือว่าลำบากมาก แต่ยังดีที่ป้าทองและพี่แก่ได้เบี้ยคนชรา+คนพิการ รวม 1,400 บาท ส่วนลูกสาวไม่ได้ในส่วนนี้เพราะไม่ได้ยื่นเรื่องพิการไว้ ซึ่งรายได้ดังกล่าวนั้นพอดีกับรายจ่ายค่าน้ำค่าไฟในบ้านราว 1,300 บาท ซึ่งแต่ละเดือนครอบครัวจะเหลือเงินเพียง 100 กว่าบาทในการประทังชีวิต หากถามถึงค่าบ้านนั้น ยังโชคดีที่ไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะอาศัยในชุมชนลุกล้ำแม่น้ำ

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...