วอนช่วยหนุ่มสมองพิการ ถูกแบงก์ทวงหนี้มั่ว ๗ แสน

แสดงความคิดเห็น

วอนช่วยหนุ่มนครพนม พิการทางสติปัญญา ความจำสั้นมาแต่กำเนิด ถูกสำนักงานกฎหมายทวงหนี้ค้างชำระตามบัญชีสินเชื่อของธนาคารแห่งหนึ่ง เกือบ ๗ แสนบาท เบื้องต้นคาดเป็นฝีมือของแก๊งมิจฉาชีพ...

เมื่อวันที่ ๑๗ ก.ย. ๒๕๕๕ นายอาคม ลำลอง รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลน้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม นายสมคิด เมตุลา อายุ ๕๓ ปี ผู้พิการทางสติปัญญา ความจำสั้นมาแต่กำเนิด อยู่บ้านเลขที่ ๕๐ หมู่ที่ ๑๘ ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พร้อมเอกสารหลักฐานการทวงหนี้ของสำนักงานกฎหมาย เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมผ่านสื่อไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้อง หลังจากเมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๕ ได้มีเอกสารระบุจากสำนักงานกฎหมายชุมพร จำกัด อ.เมือง จ.นนทบุรี ได้แจ้งมายัง นายสมคิด เมตุลา อายุ ๕๓ ปี ผู้พิการความจำสั้นมาแต่กำเนิด ว่าเป็นหนี้ค้างชำระตามบัญชีสินเชื่อที่เป็นสมาชิกของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หมายเลขลูกค้าที่ ๐๐๐๐๒๓๖๒๗๘ มียอดค้างชำระ ณ วันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๓ จำนวน ๖๙๖,๒๒๖.๘๘ บาท โดยให้ติดต่อกลับสำนักงานกฎหมาย เพื่อรับสิทธิพิเศษเกี่ยวกับส่วนลด เพื่อรักษาประวัติข้อมูลเครดิต ทั้งที่เจ้าตัวไม่เคยทำธุรกรรมทางการเงินจากธนาคารมาก่อน เนื่องจากเป็นผู้พิการทางสติปัญญามาแต่กำเนิด ที่มีการขึ้นทะเบียนผู้พิการไว้ ที่สำนักงานทะเบียนกลางจังหวัดนครพนม โดยต้องการให้หน่วยงานเกี่ยวข้องออกมาตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือ

นายอาคม ลำลอง รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลน้ำก่ำ กล่าวว่า สำหรับ นายสมคิด เมตุลา อายุ ๕๓ ปี เป็นผู้พิการความจำสั้นมาแต่กำเนิด ซึ่งทางเทศบาลตำบลน้ำก่ำ ได้ดูแลช่วยเหลือมาตลอด เนื่องจากไม่สามารถที่จะประกอบอาชีพ และมีรายได้เลย อาศัยอยู่เพียงลำพัง ไม่มีญาติ บางวันก็อาศัยข้าวจากวัด และชาวบ้านใกล้เคียงกินประทังชีวิต แต่ล่าสุดกับพบหนังสือ แจ้งจากสำนักงานกฎหมายว่า เป็นหนี้ค้างกับทางธนาคารกสิกรไทย แต่สอบถามแล้วยังไม่ทราบถึงที่มา หรือเป็นหนี้จากสาเหตุอะไร จึงเชื่อว่าอาจจะมีความผิดพลาด หรือความเข้าใจผิดในเอกสาร แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้น เจ้าตัวไม่เคยไปติดต่อ หรือทำธุรกรรมการเงินมาก่อน เพราะเป็นผู้พิการ แม้แต่พูดคุยกันยังไม่รู้เรื่อง ซึ่งจะได้ประสานงานไปยังส่วนเกี่ยวข้องหาทางช่วยเหลือ และขอร้องทุกข์ผ่านสื่อ ให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบข้อเท็จจริงหาทางช่วยเหลือ เพราะปล่อยไว้จะเป็นปัญหาในเรื่องของกฎหมาย อาจจะถูกฟ้องร้องดำเนินคดี หรืออาจจะเป็นฝีมือของแก๊งมิจฉาชีพต้มตุ๋นหลอกลวงก็เป็นได้

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย ๑๗ ก.ย.๕๕
วันที่โพสต์: 5/10/2555 เวลา 14:18:03

ชอบเรื่องนี้ไหม?

ยังไม่มีเรตติ้ง

แสดงความคิดเห็น

รายละเอียดกระทู้

นายสมคิด เมตุลา อายุ ๕๓ ปี ผู้พิการทางสติปัญญา แสดงเอกสารการทวงหนี้ของสำนักงานกฎหมายวอนช่วยหนุ่มนครพนม พิการทางสติปัญญา ความจำสั้นมาแต่กำเนิด ถูกสำนักงานกฎหมายทวงหนี้ค้างชำระตามบัญชีสินเชื่อของธนาคารแห่งหนึ่ง เกือบ ๗ แสนบาท เบื้องต้นคาดเป็นฝีมือของแก๊งมิจฉาชีพ... เมื่อวันที่ ๑๗ ก.ย. ๒๕๕๕ นายอาคม ลำลอง รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลน้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม นายสมคิด เมตุลา อายุ ๕๓ ปี ผู้พิการทางสติปัญญา ความจำสั้นมาแต่กำเนิด อยู่บ้านเลขที่ ๕๐ หมู่ที่ ๑๘ ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พร้อมเอกสารหลักฐานการทวงหนี้ของสำนักงานกฎหมาย เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมผ่านสื่อไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้อง หลังจากเมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๕ ได้มีเอกสารระบุจากสำนักงานกฎหมายชุมพร จำกัด อ.เมือง จ.นนทบุรี ได้แจ้งมายัง นายสมคิด เมตุลา อายุ ๕๓ ปี ผู้พิการความจำสั้นมาแต่กำเนิด ว่าเป็นหนี้ค้างชำระตามบัญชีสินเชื่อที่เป็นสมาชิกของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หมายเลขลูกค้าที่ ๐๐๐๐๒๓๖๒๗๘ มียอดค้างชำระ ณ วันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๓ จำนวน ๖๙๖,๒๒๖.๘๘ บาท โดยให้ติดต่อกลับสำนักงานกฎหมาย เพื่อรับสิทธิพิเศษเกี่ยวกับส่วนลด เพื่อรักษาประวัติข้อมูลเครดิต ทั้งที่เจ้าตัวไม่เคยทำธุรกรรมทางการเงินจากธนาคารมาก่อน เนื่องจากเป็นผู้พิการทางสติปัญญามาแต่กำเนิด ที่มีการขึ้นทะเบียนผู้พิการไว้ ที่สำนักงานทะเบียนกลางจังหวัดนครพนม โดยต้องการให้หน่วยงานเกี่ยวข้องออกมาตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือ นายอาคม ลำลอง รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลน้ำก่ำ กล่าวว่า สำหรับ นายสมคิด เมตุลา อายุ ๕๓ ปี เป็นผู้พิการความจำสั้นมาแต่กำเนิด ซึ่งทางเทศบาลตำบลน้ำก่ำ ได้ดูแลช่วยเหลือมาตลอด เนื่องจากไม่สามารถที่จะประกอบอาชีพ และมีรายได้เลย อาศัยอยู่เพียงลำพัง ไม่มีญาติ บางวันก็อาศัยข้าวจากวัด และชาวบ้านใกล้เคียงกินประทังชีวิต แต่ล่าสุดกับพบหนังสือ แจ้งจากสำนักงานกฎหมายว่า เป็นหนี้ค้างกับทางธนาคารกสิกรไทย แต่สอบถามแล้วยังไม่ทราบถึงที่มา หรือเป็นหนี้จากสาเหตุอะไร จึงเชื่อว่าอาจจะมีความผิดพลาด หรือความเข้าใจผิดในเอกสาร แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้น เจ้าตัวไม่เคยไปติดต่อ หรือทำธุรกรรมการเงินมาก่อน เพราะเป็นผู้พิการ แม้แต่พูดคุยกันยังไม่รู้เรื่อง ซึ่งจะได้ประสานงานไปยังส่วนเกี่ยวข้องหาทางช่วยเหลือ และขอร้องทุกข์ผ่านสื่อ ให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบข้อเท็จจริงหาทางช่วยเหลือ เพราะปล่อยไว้จะเป็นปัญหาในเรื่องของกฎหมาย อาจจะถูกฟ้องร้องดำเนินคดี