พบเด็กสองเพศสมองพิการ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ วอนคนใจบุญช่วย

แสดงความคิดเห็น

นายอำเภอวานรนิวาส จ.สกลนคร และเหล่ากาชาดจังหวัดสกลนคร เข้าช่วยเหลือมอบของใช้ให้ครอบครัว พรมพินิจ

เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2556 ผู้สื่อข่าว จ.สกลนคร ร่วมกับ นายสุรสันต์ เพชรสุวรรณรังสี นายอำเภอวานรนิวาส จ.สกลนคร เหล่ากาชาดจังหวัดสกลนคร ตลอดจน จนท.อบต.ศรีวิชัย เดินทางไปตรวจเยี่ยม ครอบครัวของ นางสาวจิรดา พรมพินิจ อายุ 35 ปี อาชีพทำนา อยู่บ้านเลขที่ 66 ม.6 ต.ศรีวิชัย พบว่าอาศัยอยู่ในบ้านใต้ถุนสูง สภาพเก่าทรุดโทรม โดยมีลูกทั้งหมด 3 คน ลูก 2 คนแรก มีร่างกายปกติ คนโตอายุ 16 ปี ด้วยความยากจน จึงต้องออกจากโรงเรียนมาทำงานตั้งแต่อายุ 13 ปี คนรองอายุ 12 ปี เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 แต่ลูกคนสุดท้อง ชื่อ ด.ช.พัทรพล พรมพินิจ หรือน้องหนึ่ง อายุ 5 ขวบ เกิดมามีร่างกายผิดปกติคือมี 2 เพศ คือมีทั้งอวัยวะเพศชายและหญิงอยู่ที่เดียวกัน และยังพิการทางสมอง ไม่สามารถพูดได้ ร่างกายอ่อนแรง ลุกนั่งไม่ได้ แขนและขาขยับได้เพียงเล็กน้อย สมองไม่สามารถสั่งการให้ปากเคี้ยวและกลืนอาหารได้

แพทย์โรงพยาบาล รามาธิบดี กรุงเทพมหานคร ต้องเจาะช่องท้องเพื่อต่อสายยางให้อาหาร เป็นที่น่าเวทนาแก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก นางสาวจิรดา พรมพินิจ กล่าวว่า ตนมีอาชีพทำนา มีลูก 3 คน น้องหนึ่งเกิดมาพิการทางสมอง ตนและสามีได้ตัดสินใจนำเงินเก็บก้อนสุดท้าย พาน้องหนึ่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลรามาธิบดี กรุงเทพ มหานคร แพทย์ได้วินิจฉัยให้น้องหนึ่งเป็นเพศชาย ในเรื่องการรักษาต้องค่อยๆ ดูอาการ ทางแพทย์แจ้งว่าต้องรอให้เด็กโตกว่านี้จึงทำการรักษา และต้องนัดตรวจทุกๆ 6 เดือน ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งมีระยะทางไกลและต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากในการเดินทาง แต่ฐานะทางบ้านที่ยากจน ลูกชายคนโตหลังจากจบชั้น ป.6 ก็ต้องเสียโอกาสทางการศึกษา ออกจากโรงเรียนมาทำงานรับจ้างทั่วไป เพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว ส่วนน้องสาวคนรองก็กำลังจบชั้น ป.6 จะขึ้น ม.1 ซึ่งต้องใช้เงินเพิ่มมากขึ้น และในขณะที่ครอบครัวกำลังวิกฤติเช่นนี้ ผู้เป็นเสาหลักของบ้าน คือ นายสุรศักดิ์ สุวรรณศรี พ่อน้องหนึ่งซึ่งเดินทางไปทำงานที่ภาคใต้ ก็หายเงียบไปไม่สามารถติดต่อได้นานกว่า 6 เดือน โดยไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดียังไง

แม่น้องหนึ่ง กล่าวทั้งน้ำตาว่า จากปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าครอบครัว ทำให้ปัจจุบันต้องใช้ชีวิตด้วยความทุกข์ยากลำบาก ข้าวปลาอาหาร ก็มีญาติพี่น้องเพื่อนบ้างแบ่งปันให้รับประทาน เนื่องจากตนก็ไม่มีอาชีพ งานก็ไปทำไม่ได้ เพราะต้องดูแลลูกไม่ได้ห่าง สงสารลูกก็สงสาร ปัจจุบันน้องหนึ่งก็ได้เบี้ยยังชีพคนพิการ จาก อบต.ศรีวิชัย เดือนละ 500 บาท ซึ่งทุกคนก็ทราบว่ามันไม่เพียงพอต่อการใช้จ่าย ยังดีที่มี จนท.จากทาง อบต.และ จนท.จากสาธารณสุข มาคอยดูแลเป็นครั้งคราว สำหรับประชาชนที่สนใจช่วยเหลือครอบครัว น.ส.จิรดา พรมพินิจ และต้องการส่งเงินมาเป็นค่ารักษาตัวของน้องหนึ่ง สามารถโอนเงินเข้า บัญชีธนาคารออมสิน สาขาวานรนิวาส ชื่อบัญชี นางสาวจิรดา พรมพินิจ เลขที่บัญชี 0-2008-15261-03.

ขอบคุณ http://m.thairath.co.th/content/region/351498

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 16 มิ.ย.56
วันที่โพสต์: 16/06/2556 เวลา 03:02:19 ดูภาพสไลด์โชว์ พบเด็กสองเพศสมองพิการ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ วอนคนใจบุญช่วย

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

นายอำเภอวานรนิวาส จ.สกลนคร และเหล่ากาชาดจังหวัดสกลนคร เข้าช่วยเหลือมอบของใช้ให้ครอบครัว พรมพินิจ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2556 ผู้สื่อข่าว จ.สกลนคร ร่วมกับ นายสุรสันต์ เพชรสุวรรณรังสี นายอำเภอวานรนิวาส จ.สกลนคร เหล่ากาชาดจังหวัดสกลนคร ตลอดจน จนท.อบต.ศรีวิชัย เดินทางไปตรวจเยี่ยม ครอบครัวของ นางสาวจิรดา พรมพินิจ อายุ 35 ปี อาชีพทำนา อยู่บ้านเลขที่ 66 ม.6 ต.ศรีวิชัย พบว่าอาศัยอยู่ในบ้านใต้ถุนสูง สภาพเก่าทรุดโทรม โดยมีลูกทั้งหมด 3 คน ลูก 2 คนแรก มีร่างกายปกติ คนโตอายุ 16 ปี ด้วยความยากจน จึงต้องออกจากโรงเรียนมาทำงานตั้งแต่อายุ 13 ปี คนรองอายุ 12 ปี เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 แต่ลูกคนสุดท้อง ชื่อ ด.ช.พัทรพล พรมพินิจ หรือน้องหนึ่ง อายุ 5 ขวบ เกิดมามีร่างกายผิดปกติคือมี 2 เพศ คือมีทั้งอวัยวะเพศชายและหญิงอยู่ที่เดียวกัน และยังพิการทางสมอง ไม่สามารถพูดได้ ร่างกายอ่อนแรง ลุกนั่งไม่ได้ แขนและขาขยับได้เพียงเล็กน้อย สมองไม่สามารถสั่งการให้ปากเคี้ยวและกลืนอาหารได้ แพทย์โรงพยาบาล รามาธิบดี กรุงเทพมหานคร ต้องเจาะช่องท้องเพื่อต่อสายยางให้อาหาร เป็นที่น่าเวทนาแก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก นางสาวจิรดา พรมพินิจ กล่าวว่า ตนมีอาชีพทำนา มีลูก 3 คน น้องหนึ่งเกิดมาพิการทางสมอง ตนและสามีได้ตัดสินใจนำเงินเก็บก้อนสุดท้าย พาน้องหนึ่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลรามาธิบดี กรุงเทพ มหานคร แพทย์ได้วินิจฉัยให้น้องหนึ่งเป็นเพศชาย ในเรื่องการรักษาต้องค่อยๆ ดูอาการ ทางแพทย์แจ้งว่าต้องรอให้เด็กโตกว่านี้จึงทำการรักษา และต้องนัดตรวจทุกๆ 6 เดือน ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งมีระยะทางไกลและต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากในการเดินทาง แต่ฐานะทางบ้านที่ยากจน ลูกชายคนโตหลังจากจบชั้น ป.6 ก็ต้องเสียโอกาสทางการศึกษา ออกจากโรงเรียนมาทำงานรับจ้างทั่วไป เพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว ส่วนน้องสาวคนรองก็กำลังจบชั้น ป.6 จะขึ้น ม.1 ซึ่งต้องใช้เงินเพิ่มมากขึ้น และในขณะที่ครอบครัวกำลังวิกฤติเช่นนี้ ผู้เป็นเสาหลักของบ้าน คือ นายสุรศักดิ์ สุวรรณศรี พ่อน้องหนึ่งซึ่งเดินทางไปทำงานที่ภาคใต้ ก็หายเงียบไปไม่สามารถติดต่อได้นานกว่า 6 เดือน โดยไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดียังไง แม่น้องหนึ่ง กล่าวทั้งน้ำตาว่า จากปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าครอบครัว ทำให้ปัจจุบันต้องใช้ชีวิตด้วยความทุกข์ยากลำบาก ข้าวปลาอาหาร ก็มีญาติพี่น้องเพื่อนบ้างแบ่งปันให้รับประทาน เนื่องจากตนก็ไม่มีอาชีพ งานก็ไปทำไม่ได้ เพราะต้องดูแลลูกไม่ได้ห่าง สงสารลูกก็สงสาร ปัจจุบันน้องหนึ่งก็ได้เบี้ยยังชีพคนพิการ จาก อบต.ศรีวิชัย เดือนละ 500 บาท ซึ่งทุกคนก็ทราบว่ามันไม่เพียงพอต่อการใช้จ่าย ยังดีที่มี จนท.จากทาง อบต.และ จนท.จากสาธารณสุข มาคอยดูแลเป็นครั้งคราว สำหรับประชาชนที่สนใจช่วยเหลือครอบครัว น.ส.จิรดา พรมพินิจ และต้องการส่งเงินมาเป็นค่ารักษาตัวของน้องหนึ่ง สามารถโอนเงินเข้า บัญชีธนาคารออมสิน สาขาวานรนิวาส ชื่อบัญชี นางสาวจิรดา พรมพินิจ เลขที่บัญชี 0-2008-15261-03. ขอบคุณ… http://m.thairath.co.th/content/region/351498

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...