สาวพิการเมืองโอ่งอยากกลับไปเรียน! วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือรักษาตัวหลังประสบอุบัติเหตุรถคว่ำจนต้องหยุดเรียน
ราชบุรี - สาวพิการเมืองโอ่ง อดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือเรื่องการรักษาให้ต่อเนื่อง เพราะอยากกลับไปเรียนต่อเพื่ออนาคต หลังประสบอุบัติเหตุรถคว่ำทำให้ได้รับบาดเจ็บต้องใส่เหล็กเสริมที่กระดูกสันหลังถึง 4 เส้น และขาทั้งสองไม่มีความรู้สึก จนต้องหยุดเรียน
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (4 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีสาวพิการที่ต้องการความช่วยเหลือด้วยการรักษาพยาบาลต่อเนื่อง และอยากจะกลับไปเรียนต่อ แต่เนื่องจากฐานะยากจน จนมีผู้นำไปโพสต์เฟซบุ๊กขอความช่วยเหลือ ซึ่งหญิงสาวรายนี้ คือ น.ส.มัลลิกา หรือน้องนิว กิจพิทักษ์ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51 หมู่ 4 ต.เจดีย์หัก อ.เมือง จ.ราชบุรี จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบ นางกัลยรัตน์ เพิ่มยินดี อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นน้าสาวของ น.ส.มัลลิกา และเป็นผู้ที่ดูแล น.ส.มัลลิกา อยู่ได้เข้าไปพา น.ส.มัลลิกา ออกมาโดยให้นั่งรถเข็นคนพิการออกมา โดยพบ น.ส.มัลลิกา นั้นพิการช่วงล่างตั้งแต่เอวลงไปถึงปลายขา และขานั้นจะเกร็งบิดเป็นเกลียว แต่ขาทั้งสองนั้นยังมีความรู้สึกอยู่เพียงแต่ไม่สามารถบังคับให้ยืดออกหรือหดขาได้
น.ส.มัลลิกา กล่าวว่า พ่อแม่ของตนเสียชีวิตตั้งแต่ตนยังเด็กอยู่ และอยู่กับตา ยาย และน้าสาวมาตลอด และเข้าเรียนในระดับปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม โดยอยู่ปี 1 แต่เมื่อปี 2557 ได้ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำทำให้ได้รับบาดเจ็บต้องใส่เหล็กเสริมที่กระดูกสันหลังถึง 4 เส้น และขาทั้งสองก็ไม่มีความรู้สึก ตอนนั้นพอรู้ว่าต้องพิการก็ทำใจไม่ได้ แต่มีน้าสาวที่ดูแลอยู่ และตากับยายที่คอยช่วยเป็นกำลังใจให้ และพาไปรักษาอาการโดยการทำกายภาพบำบัดและช่วยบีบนวดจนทำให้ตอนนี้ขาทั้งสองกลับมามีความรู้สึกแล้ว
แต่เนื่องจากน้าสาวมีฐานะยากจนทำให้ขาดการรักษาอย่างต่อเนื่อง จึงอยากให้มีผู้ใจบุญเข้ามาช่วยเหลือเรื่องของค่ารักษาพยาบาล ซึ่งจะเป็นการรักษาที่ต่อเนื่อง ตนนั้นเชื่อว่าจะสามารถทำให้ตนกลับมาเดินได้อีกครั้ง และตนอยากจะกลับไปเรียนให้จบเพื่อจะได้หางานทำ และมาเลี้ยงดูน้าสาว กับตายายให้มีความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้ซึ่งตนนั้นยังไม่หมดกำลังใจและจะสู้ต่อไป
นางกัลยรัตน์ น้าสาวของน้องนิว บอกว่า ที่ผ่านมาได้พยายามที่จะนำหลานสาวไปรักษาให้ต่อเนื่องเพราะหวังว่าหลานสาวจะเดินได้อีกครั้ง แต่ติดปัญหาเรื่องที่ตนไม่มีเงิน เพราะสามีซึ่งมีอายุ 60 ปีแล้ว ต้องทำงานคนเดียว โดยรับจ้างขับรถ 10 ล้อ ได้เที่ยวละ 700-800 บาท แต่ไม่ได้ทุกวันแล้วแต่ว่าเจ้าของรถจะมีงานให้หรือไม่ บางครั้ง 3-4 วัน จะได้ขับรถสักเที่ยวหนึ่ง และตนยังมีลูกอีก 2 คน กำลังเรียนระดับปริญญาตรี กับชั้น ม.2 ซึ่งรายได้ที่มีก็พอบ้างไม่พอบ้าง จึงทำให้ไม่มีเงินที่จะจ้างรถพาน้องนิว ไปหาหมอได้อย่างต่อเนื่อง และตนก็ป่วยเป็นโรคหอบหืด และโรคความดัน ทำงานหนักไม่ไหว จึงได้แต่ทำงานบ้าน และดูแลหลานไปด้วย โดยอาศัยแค่การบีบนวดให้บ้างแต่ถ้าได้รับการรักษาจากสถานพยาบาลอย่างต่อเนื่องเชื่อว่าน้องนิวนั้นจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้
“ที่ผ่านมา ไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาช่วยเหลือ ตนต้องวิ่งเต้นขอบัตรคนพิการ แต่กว่าจะได้นั้นแสนลำบากเพราะหน่วยงานที่มาดูบอกว่าไม่รู้พิการจริงไหม จึงอยากให้หน่วยงานไหนก็ได้เข้ามาช่วยเหลือพาหลานสาวไปรักษาและทำกายภาพบำบัดให้ต่อเนื่องด้วยเพื่อที่จะได้กลับไปเรียนต่อและจะมีอนาคตที่ดีต่อไป”
ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ใจบุญ และจะร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือเป็นค่ารักษาพยาบาลให้แก่ น.ส.มัลลิกา กิจพิทักษ์ สามารถบริจาคได้ที่ธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี 447-2166-617 หรือติดต่อไปได้ที่โทร. 06-2579-3850
ขอบคุณ... http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9590000099970 (ขนาดไฟล์: 166)
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
ราชบุรี - สาวพิการเมืองโอ่ง อดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือเรื่องการรักษาให้ต่อเนื่อง เพราะอยากกลับไปเรียนต่อเพื่ออนาคต หลังประสบอุบัติเหตุรถคว่ำทำให้ได้รับบาดเจ็บต้องใส่เหล็กเสริมที่กระดูกสันหลังถึง 4 เส้น และขาทั้งสองไม่มีความรู้สึก จนต้องหยุดเรียน น.ส.มัลลิกา หรือน้องนิว กิจพิทักษ์ อายุ 24 ปีพิการนั่งรถเข็นจากประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (4 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีสาวพิการที่ต้องการความช่วยเหลือด้วยการรักษาพยาบาลต่อเนื่อง และอยากจะกลับไปเรียนต่อ แต่เนื่องจากฐานะยากจน จนมีผู้นำไปโพสต์เฟซบุ๊กขอความช่วยเหลือ ซึ่งหญิงสาวรายนี้ คือ น.ส.มัลลิกา หรือน้องนิว กิจพิทักษ์ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51 หมู่ 4 ต.เจดีย์หัก อ.เมือง จ.ราชบุรี จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบ นางกัลยรัตน์ เพิ่มยินดี อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นน้าสาวของ น.ส.มัลลิกา และเป็นผู้ที่ดูแล น.ส.มัลลิกา อยู่ได้เข้าไปพา น.ส.มัลลิกา ออกมาโดยให้นั่งรถเข็นคนพิการออกมา โดยพบ น.ส.มัลลิกา นั้นพิการช่วงล่างตั้งแต่เอวลงไปถึงปลายขา และขานั้นจะเกร็งบิดเป็นเกลียว แต่ขาทั้งสองนั้นยังมีความรู้สึกอยู่เพียงแต่ไม่สามารถบังคับให้ยืดออกหรือหดขาได้ น.ส.มัลลิกา กล่าวว่า พ่อแม่ของตนเสียชีวิตตั้งแต่ตนยังเด็กอยู่ และอยู่กับตา ยาย และน้าสาวมาตลอด และเข้าเรียนในระดับปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม โดยอยู่ปี 1 แต่เมื่อปี 2557 ได้ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำทำให้ได้รับบาดเจ็บต้องใส่เหล็กเสริมที่กระดูกสันหลังถึง 4 เส้น และขาทั้งสองก็ไม่มีความรู้สึก ตอนนั้นพอรู้ว่าต้องพิการก็ทำใจไม่ได้ แต่มีน้าสาวที่ดูแลอยู่ และตากับยายที่คอยช่วยเป็นกำลังใจให้ และพาไปรักษาอาการโดยการทำกายภาพบำบัดและช่วยบีบนวดจนทำให้ตอนนี้ขาทั้งสองกลับมามีความรู้สึกแล้ว แต่เนื่องจากน้าสาวมีฐานะยากจนทำให้ขาดการรักษาอย่างต่อเนื่อง จึงอยากให้มีผู้ใจบุญเข้ามาช่วยเหลือเรื่องของค่ารักษาพยาบาล ซึ่งจะเป็นการรักษาที่ต่อเนื่อง ตนนั้นเชื่อว่าจะสามารถทำให้ตนกลับมาเดินได้อีกครั้ง และตนอยากจะกลับไปเรียนให้จบเพื่อจะได้หางานทำ และมาเลี้ยงดูน้าสาว กับตายายให้มีความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้ซึ่งตนนั้นยังไม่หมดกำลังใจและจะสู้ต่อไป นางกัลยรัตน์ เพิ่มยินดี อายุ 40 ปี กำลังดูแลน.ส.มัลลิกา หรือน้องนิว กิจพิทักษ์ อายุ 24 ปีพิการนั่งรถเข็นจากประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ นางกัลยรัตน์ น้าสาวของน้องนิว บอกว่า ที่ผ่านมาได้พยายามที่จะนำหลานสาวไปรักษาให้ต่อเนื่องเพราะหวังว่าหลานสาวจะเดินได้อีกครั้ง แต่ติดปัญหาเรื่องที่ตนไม่มีเงิน เพราะสามีซึ่งมีอายุ 60 ปีแล้ว ต้องทำงานคนเดียว โดยรับจ้างขับรถ 10 ล้อ ได้เที่ยวละ 700-800 บาท แต่ไม่ได้ทุกวันแล้วแต่ว่าเจ้าของรถจะมีงานให้หรือไม่ บางครั้ง 3-4 วัน จะได้ขับรถสักเที่ยวหนึ่ง และตนยังมีลูกอีก 2 คน กำลังเรียนระดับปริญญาตรี กับชั้น ม.2 ซึ่งรายได้ที่มีก็พอบ้างไม่พอบ้าง จึงทำให้ไม่มีเงินที่จะจ้างรถพาน้องนิว ไปหาหมอได้อย่างต่อเนื่อง และตนก็ป่วยเป็นโรคหอบหืด และโรคความดัน ทำงานหนักไม่ไหว จึงได้แต่ทำงานบ้าน และดูแลหลานไปด้วย โดยอาศัยแค่การบีบนวดให้บ้างแต่ถ้าได้รับการรักษาจากสถานพยาบาลอย่างต่อเนื่องเชื่อว่าน้องนิวนั้นจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ “ที่ผ่านมา ไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาช่วยเหลือ ตนต้องวิ่งเต้นขอบัตรคนพิการ แต่กว่าจะได้นั้นแสนลำบากเพราะหน่วยงานที่มาดูบอกว่าไม่รู้พิการจริงไหม จึงอยากให้หน่วยงานไหนก็ได้เข้ามาช่วยเหลือพาหลานสาวไปรักษาและทำกายภาพบำบัดให้ต่อเนื่องด้วยเพื่อที่จะได้กลับไปเรียนต่อและจะมีอนาคตที่ดีต่อไป” ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ใจบุญ และจะร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือเป็นค่ารักษาพยาบาลให้แก่ น.ส.มัลลิกา กิจพิทักษ์ สามารถบริจาคได้ที่ธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี 447-2166-617 หรือติดต่อไปได้ที่โทร. 06-2579-3850 ขอบคุณ... http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9590000099970
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)