หนุ่มโรงงานวอนช่วยภรรยาพิการเดินไม่ได้

แสดงความคิดเห็น

นายอุดม หลี่วงศ์ (สามี)อุ่มนางพรลภัส หลี่วงศ์ (ภรรยา)ที่พิการขาทั้งสองข้าง

เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ที่ จ.นครสวรรค์ ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีหนุ่มโรงงานสู้ชีวิตรายหนึ่งภายในหมู่บ้านสระงาม ต.บ้านมะเกลือ อ.เมืองนครสวรรค์ กำลังประสบกับความปัญหาทุกข์ยาก และต้องการขอความช่วยเหลือจากผู้มีจิตเมตตา เนื่องจากชายคนดังกล่าวต้องหาเลี้ยงคนภายในครอบครัว ถึง 8 ชีวิต โดยเฉพาะ 2 คนในนั้น เป็นภรรยาและป้าผู้พิการเดินไม่ได้ จึงทำให้ต้องอยู่กันอย่างยากลำบาก อีกทั้ง รายได้ที่มีอยู่ในแต่ละเดือนไม่เพียงพอที่จะจุนเจือครอบครัวด้วย

จากการตรวจสอบข้อมูล ทราบว่า ครอบครัวที่ประสบกับปัญหาเดือดร้อนและต้องการให้ช่วยเหลือนั้น มีบ้านพักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 99 หมู่ 3 จึงได้ทางไปสำรวจ พบว่า บ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 150 ตารางเมตร มีบ้านพักชั้นเดียว 2 หลัง และมีโรงครัวอีก 1 หลัง พบนางพรลภัส หลี่วงศ์ อายุ 34 ปี สาวผู้พิการทางขา ภรรยาของหนุ่มโรงงานสู้ชีวิต กำลังนั่งทำขนมกล้วยฉาบอยู่บนเก้าอี้ที่ข้างกระทะทอดใบใหญ่ โดยมีแม่และน้าของสามีอีก 2 คน คอยช่วยนำขนมดังกล่าวบรรจุแพ็คใส่ถุงพลาสติก และแปะป้ายชื่อสินค้า “กล้วยฉาบแม่น้องหมวย” เตรียมนำออกขายตามร้านค้าพื้นที่ใกล้เคียงในวันต่อไป ขณะที่บริเวณใกล้กัน พบหญิงสูงอายุผู้พิการเดินไม่ได้อีก 1 ราย นั่งอยู่บนเตียงนอนในเพิงไม้หลังเก่า สภาพไม่มีฝาผนัง ต้องใช้ผ้ามุ้งคลุมเป็นผนังแทน ซึ่งทราบว่า พักอาศัย กิน-นอนอยู่ในเพลิงไม้หลังนี้มานานกว่า 5 ปีแล้ว

ครอบครัวของนายอุดม หลี่วงศ์ อายุ 38 ปี อย่างไรก็ตามในส่วนของหนุ่มสู้ชีวิต ได้เดินทางกลับจากทำงานโรงงานมาถึงบ้านในภายหลัง ทราบชื่อ คือ นายอุดม หลี่วงศ์ อายุ 38 ปี เป็นพนักงานโรงงานพลาสติกแห่งหนึ่งในเขตอำเภอเมืองฯ ผู้สื่อข่าวจึงได้ขอให้นายอุดมอุ้มนางพรลภัส ออกมานั่งพูดคุย เพื่อสอบถามถึงความเดือดร้อนที่กำลังประสบอยู่ โดยนายอุดม เปิดเผยว่า แต่งงานอยู่กินกับภรรยามานานกว่า 15 ปี จนมีลูกด้วยกัน 2 คน ซึ่งเมื่อก่อนก็มีชีวิตความเป็นอยู่ตามปกติ ตนและภรรยาช่วยกันทำมาหากิน ตนทำงานโรงงาน ส่วนนางพรลภัส ทำขนมกล้วยฉาบส่งขายตามท้องตลาด หาเลี้ยงลูก พ่อ-แม่ ป้าและน้า กระทั่งเมื่อ 3 ปีก่อน ภรรยาประสบอุบัติเหตุขับขี่รถจักรยายนต์เสียหลัก พุ่งชนต้นไม้ข้างทางถึง 4 ต้น ขณะนำกล้วยฉาบออกไปขาย ส่งผลให้ต้องกลายเป็นหญิงพิการครึ่งท่อนเดินไม่ได้อย่างที่เห็น โดยตั้งแต่เอวลงมาจนถึงขา จะไม่มีความรู้สึก และปัสสาวะขับถ่ายไม่รู้ตัว

นายอุดม เล่าต่อว่า ภายหลังภรรยาประสบอุบัติเหตุ ชีวิตความเป็นอยู่จึงลำบากขึ้น ตนคนเดียวต้องเป็นเสาหลักใหญ่ในการหาเลี้ยงครอบครัว ถึงแม้ตอนนี้ ภรรยาจะกลับมาทำขนมกล้วยฉาบขายได้แล้ว แต่ก็ทำได้เพียงแค่เดือนละครั้งๆ ละ 400 ถุง เนื่องจากสภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวย อีกทั้ง ในส่วนของตนมีรายได้ประจำจากการทำงานโรงงานต่อเดือนเพียง 9,000 บาทเท่านั้น จึงทำให้มีรายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเลี้ยงดูบุตร ค่าอาหาร รวมถึงค่าดูแลและรักษาภรรยาและป้า โดยเฉพาะค่าแพมเพิส ที่นางพรลภัส ต้องใช้ถึงวันละ 8 ชิ้น

เมื่อถามถึงการดูแลภรรยา นายอุดม กล่าวว่า ตนต้องตื่นนอนตอนตี 4 ทุกวัน เพื่อลุกขึ้นมาความสะอาดร่างกายให้ภรรยา พร้อมกับเปลี่ยนแพมเพิสให้ จากนั้น จะเข้าครัวทำอาหารและรับประทานร่วมกันก่อนที่ตนจะเดินทางไปทำงานในเวลา 07.00 น. กระทั่งช่วงพักเที่ยง ก็ต้องรีบกลับมาบ้าน เพื่อมาเปลี่ยนแพมเพิสให้ภรรยาอีกครั้ง แล้วจึงกลับไปทำงานต่อ ซึ่งในช่วงของหลังเลิกงาน นอกจากจะคอยดูแลภรรยาและบุตรไปพร้อมกันแล้ว ยังต้องคอยเปลี่ยนแพมเพิสให้นางพรลภัส ทุกๆ 3 ชั่วโมงด้วย เนื่องจากต้องให้อยู่ในสภาพสะอาดเสมอ หากไม่เปลี่ยนหรือเปลี่ยนช้าไป จะทำให้เกิดความชื้นจนติดเชื้อ และอาจลุกลามทำให้เกิดอาการช็อคจนเสียชีวิตได้

“ทุกวันนี้ ผมต้องหารายได้เสริม ด้วยการทำงานรับจ้างทั่วไปในช่วงวันหยุด ไม่เช่นนั้น รายได้จะไม่พอเลี้ยงครอบครัวอย่างแน่นอน ซึ่งก็เคยรู้สึกท้อบ้าง แต่เพื่อภรรยาที่รัก รวมถึงลูก และครอบครัว ผมต้องบากบั่นทำงานอย่างหนัก เพื่อให้ครอบครัวเดินหน้าต่อไป และหวังว่าจะมีบุญได้เห็นภรรยากลับมาเดินได้อีกครั้ง แต่ก็อยากจะวิงวอนขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือผู้มีจิตศรัทธา โปรดให้ความช่วยเหลือครอบครัวผมด้วย โดยเฉพาะแพมเพิส และรถเข็นผู้พิการ” นายอุดม กล่าวอย่างไม่สิ้นหวัง

นางพรลภัส หลี่วงศ์ นั่งอยู่ที่เก้าอี้กำลังทำกล้วยแขก ด้านนางพรลภัส กล่าวถึงสามีทั้งน้ำตานองหน้าด้วยความตื้นตันว่า อยากขอบคุณที่สามีเป็นคนดี คอยดูแลตนเสมอมา ไม่เคยขาดตกบกพร่อง อีกทั้ง ยังไม่เคยที่จะทอดทิ้ง ทั้งที่ตนมีสภาพร่างกายพิการแบบนี้ จึงทำให้มีแรงใจที่จะสู้ชีวิตต่อไปด้วยกัน เพราะตนยังมีสองมือที่เหลือ และยังสามารถทำงานได้ แม้จะไม่คล่องตัวเหมือนเดิม แต่ก็จะไม่ย่อท้ออย่างเด็ดขาด ทั้งนี้หากผู้มีจิตศรัทธาท่านใด ต้องการบริจาคทรัพย์ หรือสิ่งของช่วยเหลือให้กับครอบครัวดังกล่าว สามารถติดต่อบริจาคได้กับนายอุดม เบอร์โทรศัพท์ 081-7157016

ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/thailand/200824 (ขนาดไฟล์: 167)

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 29 เม.ย.56
วันที่โพสต์: 30/04/2556 เวลา 03:20:31 ดูภาพสไลด์โชว์ หนุ่มโรงงานวอนช่วยภรรยาพิการเดินไม่ได้

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

นายอุดม หลี่วงศ์ (สามี)อุ่มนางพรลภัส หลี่วงศ์ (ภรรยา)ที่พิการขาทั้งสองข้าง เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ที่ จ.นครสวรรค์ ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีหนุ่มโรงงานสู้ชีวิตรายหนึ่งภายในหมู่บ้านสระงาม ต.บ้านมะเกลือ อ.เมืองนครสวรรค์ กำลังประสบกับความปัญหาทุกข์ยาก และต้องการขอความช่วยเหลือจากผู้มีจิตเมตตา เนื่องจากชายคนดังกล่าวต้องหาเลี้ยงคนภายในครอบครัว ถึง 8 ชีวิต โดยเฉพาะ 2 คนในนั้น เป็นภรรยาและป้าผู้พิการเดินไม่ได้ จึงทำให้ต้องอยู่กันอย่างยากลำบาก อีกทั้ง รายได้ที่มีอยู่ในแต่ละเดือนไม่เพียงพอที่จะจุนเจือครอบครัวด้วย จากการตรวจสอบข้อมูล ทราบว่า ครอบครัวที่ประสบกับปัญหาเดือดร้อนและต้องการให้ช่วยเหลือนั้น มีบ้านพักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 99 หมู่ 3 จึงได้ทางไปสำรวจ พบว่า บ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 150 ตารางเมตร มีบ้านพักชั้นเดียว 2 หลัง และมีโรงครัวอีก 1 หลัง พบนางพรลภัส หลี่วงศ์ อายุ 34 ปี สาวผู้พิการทางขา ภรรยาของหนุ่มโรงงานสู้ชีวิต กำลังนั่งทำขนมกล้วยฉาบอยู่บนเก้าอี้ที่ข้างกระทะทอดใบใหญ่ โดยมีแม่และน้าของสามีอีก 2 คน คอยช่วยนำขนมดังกล่าวบรรจุแพ็คใส่ถุงพลาสติก และแปะป้ายชื่อสินค้า “กล้วยฉาบแม่น้องหมวย” เตรียมนำออกขายตามร้านค้าพื้นที่ใกล้เคียงในวันต่อไป ขณะที่บริเวณใกล้กัน พบหญิงสูงอายุผู้พิการเดินไม่ได้อีก 1 ราย นั่งอยู่บนเตียงนอนในเพิงไม้หลังเก่า สภาพไม่มีฝาผนัง ต้องใช้ผ้ามุ้งคลุมเป็นผนังแทน ซึ่งทราบว่า พักอาศัย กิน-นอนอยู่ในเพลิงไม้หลังนี้มานานกว่า 5 ปีแล้ว ครอบครัวของนายอุดม หลี่วงศ์ อายุ 38 ปี อย่างไรก็ตามในส่วนของหนุ่มสู้ชีวิต ได้เดินทางกลับจากทำงานโรงงานมาถึงบ้านในภายหลัง ทราบชื่อ คือ นายอุดม หลี่วงศ์ อายุ 38 ปี เป็นพนักงานโรงงานพลาสติกแห่งหนึ่งในเขตอำเภอเมืองฯ ผู้สื่อข่าวจึงได้ขอให้นายอุดมอุ้มนางพรลภัส ออกมานั่งพูดคุย เพื่อสอบถามถึงความเดือดร้อนที่กำลังประสบอยู่ โดยนายอุดม เปิดเผยว่า แต่งงานอยู่กินกับภรรยามานานกว่า 15 ปี จนมีลูกด้วยกัน 2 คน ซึ่งเมื่อก่อนก็มีชีวิตความเป็นอยู่ตามปกติ ตนและภรรยาช่วยกันทำมาหากิน ตนทำงานโรงงาน ส่วนนางพรลภัส ทำขนมกล้วยฉาบส่งขายตามท้องตลาด หาเลี้ยงลูก พ่อ-แม่ ป้าและน้า กระทั่งเมื่อ 3 ปีก่อน ภรรยาประสบอุบัติเหตุขับขี่รถจักรยายนต์เสียหลัก พุ่งชนต้นไม้ข้างทางถึง 4 ต้น ขณะนำกล้วยฉาบออกไปขาย ส่งผลให้ต้องกลายเป็นหญิงพิการครึ่งท่อนเดินไม่ได้อย่างที่เห็น โดยตั้งแต่เอวลงมาจนถึงขา จะไม่มีความรู้สึก และปัสสาวะขับถ่ายไม่รู้ตัว นายอุดม เล่าต่อว่า ภายหลังภรรยาประสบอุบัติเหตุ ชีวิตความเป็นอยู่จึงลำบากขึ้น ตนคนเดียวต้องเป็นเสาหลักใหญ่ในการหาเลี้ยงครอบครัว ถึงแม้ตอนนี้ ภรรยาจะกลับมาทำขนมกล้วยฉาบขายได้แล้ว แต่ก็ทำได้เพียงแค่เดือนละครั้งๆ ละ 400 ถุง เนื่องจากสภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวย อีกทั้ง ในส่วนของตนมีรายได้ประจำจากการทำงานโรงงานต่อเดือนเพียง 9,000 บาทเท่านั้น จึงทำให้มีรายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเลี้ยงดูบุตร ค่าอาหาร รวมถึงค่าดูแลและรักษาภรรยาและป้า โดยเฉพาะค่าแพมเพิส ที่นางพรลภัส ต้องใช้ถึงวันละ 8 ชิ้น เมื่อถามถึงการดูแลภรรยา นายอุดม กล่าวว่า ตนต้องตื่นนอนตอนตี 4 ทุกวัน เพื่อลุกขึ้นมาความสะอาดร่างกายให้ภรรยา พร้อมกับเปลี่ยนแพมเพิสให้ จากนั้น จะเข้าครัวทำอาหารและรับประทานร่วมกันก่อนที่ตนจะเดินทางไปทำงานในเวลา 07.00 น. กระทั่งช่วงพักเที่ยง ก็ต้องรีบกลับมาบ้าน เพื่อมาเปลี่ยนแพมเพิสให้ภรรยาอีกครั้ง แล้วจึงกลับไปทำงานต่อ ซึ่งในช่วงของหลังเลิกงาน นอกจากจะคอยดูแลภรรยาและบุตรไปพร้อมกันแล้ว ยังต้องคอยเปลี่ยนแพมเพิสให้นางพรลภัส ทุกๆ 3 ชั่วโมงด้วย เนื่องจากต้องให้อยู่ในสภาพสะอาดเสมอ หากไม่เปลี่ยนหรือเปลี่ยนช้าไป จะทำให้เกิดความชื้นจนติดเชื้อ และอาจลุกลามทำให้เกิดอาการช็อคจนเสียชีวิตได้ “ทุกวันนี้ ผมต้องหารายได้เสริม ด้วยการทำงานรับจ้างทั่วไปในช่วงวันหยุด ไม่เช่นนั้น รายได้จะไม่พอเลี้ยงครอบครัวอย่างแน่นอน ซึ่งก็เคยรู้สึกท้อบ้าง แต่เพื่อภรรยาที่รัก รวมถึงลูก และครอบครัว ผมต้องบากบั่นทำงานอย่างหนัก เพื่อให้ครอบครัวเดินหน้าต่อไป และหวังว่าจะมีบุญได้เห็นภรรยากลับมาเดินได้อีกครั้ง แต่ก็อยากจะวิงวอนขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือผู้มีจิตศรัทธา โปรดให้ความช่วยเหลือครอบครัวผมด้วย โดยเฉพาะแพมเพิส และรถเข็นผู้พิการ” นายอุดม กล่าวอย่างไม่สิ้นหวัง นางพรลภัส หลี่วงศ์ นั่งอยู่ที่เก้าอี้กำลังทำกล้วยแขก ด้านนางพรลภัส กล่าวถึงสามีทั้งน้ำตานองหน้าด้วยความตื้นตันว่า อยากขอบคุณที่สามีเป็นคนดี คอยดูแลตนเสมอมา ไม่เคยขาดตกบกพร่อง อีกทั้ง ยังไม่เคยที่จะทอดทิ้ง ทั้งที่ตนมีสภาพร่างกายพิการแบบนี้ จึงทำให้มีแรงใจที่จะสู้ชีวิตต่อไปด้วยกัน เพราะตนยังมีสองมือที่เหลือ และยังสามารถทำงานได้ แม้จะไม่คล่องตัวเหมือนเดิม แต่ก็จะไม่ย่อท้ออย่างเด็ดขาด ทั้งนี้หากผู้มีจิตศรัทธาท่านใด ต้องการบริจาคทรัพย์ หรือสิ่งของช่วยเหลือให้กับครอบครัวดังกล่าว สามารถติดต่อบริจาคได้กับนายอุดม เบอร์โทรศัพท์ 081-7157016 ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/thailand/200824

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...