แม่ชราอายุ 82 ปี เลี้ยงลูกสาวฝาแฝดพิการตลอด 36 ปีลำพัง อาศัยข้าวก้นบาตรประทังชีวิต
ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรี รายงานเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ว่า มีแม่เฒ่าชราวัย 82 ปี ดูแลลูกสาวฝาแฝด 2 คนที่พิการมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันอายุได้ 41 ปี คนแรกต้องนอนนิ่งที่เตียงได้อย่างเดียว อีกคนยืนได้อย่างเดียวไม่สามารถนั่งได้ โดยที่ไม่สามารถประกอบอาชีพอื่นได้ อาศัยยังชีพเลี้ยงครอบครัวโดย ขอข้าวก้นบาตรจากพระสงฆ์เจ้าอาวาสวัดแก้วสามัคคี(วัดสะเดาโด่) ที่เมตตาให้เลี้ยงชีพ จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ เมื่อไปถึง แยกจากถนนสายปราจีนตคาม เยื้องฝั่งตรงข้ามก่อนถึงที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล ดงพระราม (อบต.) เลยเข้ามาเกือบ 200 เมตรเศษ พบบ้านเดี่ยวปูนชั้นเดียวปลูกติดพื้น ทราบว่า เจ้าอาวาสวัดแก้วสามัคคี(สะเดาโด่ )ได้เมตตาสร้างให้ พบนางจ้อย จิตพินิจ อายุ 82 ปี กำลังนั่งพูดคุยกับลูกสาวฝาแฝดพิการ อยู่บริเวณชานหน้าบ้านที่เปิดโล่งอากาศถ่ายเท
นางจ้อย เปิดเผยว่า มีลูกทั้งหมด 7 คนเป็นชาย 3 คน หญิง 4 คน โดยลูกสาวพิการทั้งคู่ ซึ่งเป็นคนเล็กสุดท้อง ตนเป็นคอยดูแลเลี้ยงลูกฝาแฝดพิการทั้ง 2 ตามลำพัง ส่วนสามีเสียชีวิต ตั้งแต่ลูกแฝดทั้งคู่อยู่ในท้องได้ประมาณ 3 เดือน ทั้งนี้ ลูกสาวฝาแฝดพิการขณะเมื่ออายุได้ 6 ปี โดยเริ่มจาก น.ส.กัลยา มีอาการหลังแข็ง หลับเป็นเจ้าหญิงนิทรานาน 11 วัน ได้พาเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร หลังฟื้นขึ้นมาแขนขาไม่มีแรง เริ่มลีบเล็กในที่สุด ต้องยืนอย่างเดียวนั่งไม่ได้ ไล่ๆใกล้เคียงกัน น.ส.ธิดา ได้ป่วยตามมาอีก โดยที่ด้านหลังเกิดมีกระดูกโค้งงอออกมาลุกเดินหรือนั่งไม่ได้ต้องนอนอย่างเดียวได้เท่านั้น จนถึงขณะนี้ที่ทั้งคู่อายุได้ 41 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้ เคยไปรักษาอาการ ทำกายภาพบำบัดแต่ไม่ได้ผล จึงต้องนำกลับมารักษาเป็นภาระเลี้ยงดูถึงปัจจุบัน รวมเวลาได้กว่า 36 ปีแล้ว นางจ้อย เผยว่า ทุก ๆวัน ต้องคอยป้อนข้าว ป้อนน้ำ อาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย เก็บอุจจาระ ปัสสาวะพาเข้าที่นอน ให้ลูกพิการทั้ง 2 ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองใดๆ ได้เลย
“ทุกวันนี้ อาศัยความเมตตารอรับเศษอาหารข้าวก้นบาตรจากพระสงฆ์วัดแก้วสามัคคี (วัดสะเดาโด่) หมู่ที่ 7 ต.ดงพระราม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี เลี้ยงชีวิตลูกๆ ทั้งหมดเติบโตขึ้นมาได้พร้อมๆ ลูกฝาแฝดพิการนี้จนบัดนี้ ได้ช่วยดูแลตอบแทนพระคุณโดยการทำความสะอาดบาตร ปิ่นโต หุงหาอาหาร ความสะอาดศาลาการเปรียญ เก็บข้าวของจัดการดูแลให้เรียบร้อย โดยก่อนเวลา 08.00 น.หลังจากที่ป้อนข้าว อาบน้ำลูกแฝดแล้วจะไปวัดช่วยพระ หลังเพลจะรีบกลับมาป้อนข้าว อาบน้ำดูแลลูกอีก หมุนเวียนตลอด” นางจ้อยกล่าวและว่า ลูกคน อื่นๆ แยกย้ายไปมีครอบครัว ก็ล้วนยากจนต้องดิ้นรนไปทำงานที่อื่นไม่สามารถช่วยเหลือเกื้อกูลใดๆ ได้จึงอาศัยข้าวก้นบาตรจากพระ และเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุพอเลี้ยงปากท้องได้บ้าง รวมถึงเบี้ยสวัสดิการผู้พิการทุพลภาพของลูกสาวฝาแฝด
มติชนออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 12 ส.ค.56
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
แม่เฒ่าชราวัย 82 ปี กำลังดูแลลูกสาวฝาแฝด 2 คนที่พิการมาตั้งแต่เด็ก ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรี รายงานเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ว่า มีแม่เฒ่าชราวัย 82 ปี ดูแลลูกสาวฝาแฝด 2 คนที่พิการมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันอายุได้ 41 ปี คนแรกต้องนอนนิ่งที่เตียงได้อย่างเดียว อีกคนยืนได้อย่างเดียวไม่สามารถนั่งได้ โดยที่ไม่สามารถประกอบอาชีพอื่นได้ อาศัยยังชีพเลี้ยงครอบครัวโดย ขอข้าวก้นบาตรจากพระสงฆ์เจ้าอาวาสวัดแก้วสามัคคี(วัดสะเดาโด่) ที่เมตตาให้เลี้ยงชีพ จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ เมื่อไปถึง แยกจากถนนสายปราจีนตคาม เยื้องฝั่งตรงข้ามก่อนถึงที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล ดงพระราม (อบต.) เลยเข้ามาเกือบ 200 เมตรเศษ พบบ้านเดี่ยวปูนชั้นเดียวปลูกติดพื้น ทราบว่า เจ้าอาวาสวัดแก้วสามัคคี(สะเดาโด่ )ได้เมตตาสร้างให้ พบนางจ้อย จิตพินิจ อายุ 82 ปี กำลังนั่งพูดคุยกับลูกสาวฝาแฝดพิการ อยู่บริเวณชานหน้าบ้านที่เปิดโล่งอากาศถ่ายเท นางจ้อย เปิดเผยว่า มีลูกทั้งหมด 7 คนเป็นชาย 3 คน หญิง 4 คน โดยลูกสาวพิการทั้งคู่ ซึ่งเป็นคนเล็กสุดท้อง ตนเป็นคอยดูแลเลี้ยงลูกฝาแฝดพิการทั้ง 2 ตามลำพัง ส่วนสามีเสียชีวิต ตั้งแต่ลูกแฝดทั้งคู่อยู่ในท้องได้ประมาณ 3 เดือน ทั้งนี้ ลูกสาวฝาแฝดพิการขณะเมื่ออายุได้ 6 ปี โดยเริ่มจาก น.ส.กัลยา มีอาการหลังแข็ง หลับเป็นเจ้าหญิงนิทรานาน 11 วัน ได้พาเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร หลังฟื้นขึ้นมาแขนขาไม่มีแรง เริ่มลีบเล็กในที่สุด ต้องยืนอย่างเดียวนั่งไม่ได้ ไล่ๆใกล้เคียงกัน น.ส.ธิดา ได้ป่วยตามมาอีก โดยที่ด้านหลังเกิดมีกระดูกโค้งงอออกมาลุกเดินหรือนั่งไม่ได้ต้องนอนอย่างเดียวได้เท่านั้น จนถึงขณะนี้ที่ทั้งคู่อายุได้ 41 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้ เคยไปรักษาอาการ ทำกายภาพบำบัดแต่ไม่ได้ผล จึงต้องนำกลับมารักษาเป็นภาระเลี้ยงดูถึงปัจจุบัน รวมเวลาได้กว่า 36 ปีแล้ว นางจ้อย เผยว่า ทุก ๆวัน ต้องคอยป้อนข้าว ป้อนน้ำ อาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย เก็บอุจจาระ ปัสสาวะพาเข้าที่นอน ให้ลูกพิการทั้ง 2 ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองใดๆ ได้เลย “ทุกวันนี้ อาศัยความเมตตารอรับเศษอาหารข้าวก้นบาตรจากพระสงฆ์วัดแก้วสามัคคี (วัดสะเดาโด่) หมู่ที่ 7 ต.ดงพระราม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี เลี้ยงชีวิตลูกๆ ทั้งหมดเติบโตขึ้นมาได้พร้อมๆ ลูกฝาแฝดพิการนี้จนบัดนี้ ได้ช่วยดูแลตอบแทนพระคุณโดยการทำความสะอาดบาตร ปิ่นโต หุงหาอาหาร ความสะอาดศาลาการเปรียญ เก็บข้าวของจัดการดูแลให้เรียบร้อย โดยก่อนเวลา 08.00 น.หลังจากที่ป้อนข้าว อาบน้ำลูกแฝดแล้วจะไปวัดช่วยพระ หลังเพลจะรีบกลับมาป้อนข้าว อาบน้ำดูแลลูกอีก หมุนเวียนตลอด” นางจ้อยกล่าวและว่า ลูกคน อื่นๆ แยกย้ายไปมีครอบครัว ก็ล้วนยากจนต้องดิ้นรนไปทำงานที่อื่นไม่สามารถช่วยเหลือเกื้อกูลใดๆ ได้จึงอาศัยข้าวก้นบาตรจากพระ และเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุพอเลี้ยงปากท้องได้บ้าง รวมถึงเบี้ยสวัสดิการผู้พิการทุพลภาพของลูกสาวฝาแฝด ขอบคุณ... http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1376314772&grpid=&catid=19&subcatid=1906 มติชนออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 12 ส.ค.56
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)