รันทด! แม่ป่วยอัมพาตนาน 10 ปี ฐานะยากจน แต่โชคดีมีลูกกตัญญูยอมทิ้งการเรียนมาดูแล
มหาสารคาม - รันทด! แม่เป็นอัมพาตเดินไม่ได้นานนับ 10 ปี มีลูกกตัญญูคอยดูแล ขณะที่สามีหนีไปแต่งงานสร้างครอบครัวใหม่ ล่าสุดลูกคนกลางเพิ่งจบ ม.6 ตัดสินใจทิ้งฝันเรียนต่อเพื่ออนาคตมาทุ่มเวลาดูแลวอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 11 ม.7 บ้านหนองแหน ต.นาโพธิ์ อ.กุดรัง จ.มหาสารคาม พบนางคำพันธ์ แทนกลาง อายุ 46 ปี ฐานะยากจน ซ้ำร้ายยังป่วยด้วยโรคเส้นเลือดไขสันหลังแตกเป็นอัมพาต สภาพร่างกายผอม แขนและขาลีบ ยืนและนั่งลำบาก ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องแยกทางกับสามี ทิ้งลูกทั้ง 3 คนให้เลี้ยงดู โชคดีที่ได้ “น้องแฟรงก์” ลูกกตัญญูเฝ้าดูแลใกล้ชิดมานานกว่า 11 ปี ปากกัดตีนถีบหาเงินช่วยจุนเจือครอบครัวล่าสุดทิ้งฝันเรียนต่อเพื่ออนาคตมาทุ่มเวลาเพื่อดูแลแม่
นางคำพันธ์เล่าว่า มีบุตร 3 คน ชื่อนายปิยพันธ์ ชาดง อายุ 23 ปี เรียนจบ ม.6 ขณะนี้ไปทำงานที่กรุงเทพฯ เพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว นายปฏิภาณ ชาดง หรือน้องแฟรงก์ อายุ 19 ปี เรียนชั้นมัธยมปีที่ 6 และ ด.ญ.นครินทร์ ชาดง อายุ 11 ขวบ โดยตนป่วยเป็นโรคเส้นเลือดฝอยไขสันหลังแตกขณะที่ตั้งท้องลูกสาวคนสุดท้อง หมอก็ได้ผ่าเอาเด็กออก
แต่ผลข้างเคียงทำให้ตนพิการเป็นอัมพาตเดินไม่ได้ ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ต่อมาสามีได้ขอแยกทาง และไปแต่งงานใหม่ ทำให้ตนต้องพาลูกทั้ง 3 คนกลับมาอยู่บ้านแม่ อาศัยกั้นห้องเล็กๆ ใต้ถุนบ้านแม่ พอได้อยู่อาศัยอยู่กับลูกทั้ง 3 คน ที่ผ่านมาทำงานหาเลี้ยงตนเองและลูกไม่ได้ ส่วนรายได้จะได้รับเงินเบี้ยคนพิการจาก อบต.เดือนละ800บาทรวมกับเบี้ยผู้สูงอายุของแม่อีกประมาณ500บาท
แต่ก็ไม่เพียงพอจนต้องนำลูกสาวคนเล็กไปฝากให้พี่สาวเลี้ยง ส่วนลูกคนโตและน้องแฟรงก์หรือนายปฏิภาณอยู่กับตนและคอยดูแลแม่ที่สูงอายุ ต่อมาลูกชายคนโตต้องไปเป็นทหารเกณฑ์ เพิ่งปลดประจำการและกำลังออกตระเวนทำงานที่กรุงเทพฯเพื่อจะได้เงินส่งมาจุนเจือครอบครัว
ส่วนน้องแฟรงก์ซึ่งเป็นกำลังหลัก และดูแลตนมาตั้งแต่อยู่ ป.3 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลารวมเกือบ 11 ปี ยอมทิ้งการเรียนไม่ไปศึกษาต่อยังมหาวิทยาลัยที่ใฝ่ฝันไว้เพื่ออยู่ดูแลตน ซึ่งตนดีใจที่ลูกที่รักไม่ทอดทิ้งแม่และดูแลแม่ได้เป็นอย่างดี แต่ก็รู้สึกเสียใจที่ลูกต้องหยุดความฝันที่จะเรียนต่อเพราะขาดทุนทรัพย์และตั้งใจจะมาดูแลตนเองจึงอยากขอให้มีผู้เมตตาโปรดเห็นใจ
นายปฏิภาณ หรือน้องแฟรงก์ เล่าว่า ตนเพิ่งเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนในตัวอำเภอ ที่ผ่านมาครอบครัวมีฐานะยากจน ใช้ชีวิตด้วยความลำบาก ประกอบกับแม่ที่เป็นอัมพาต จึงพยายามทำหน้าที่ลูกที่ดี ดูแลแม่ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เช่น ทำกับข้าว เช็ดตัว ทำงานบ้านทุกอย่าง ป้อนข้าว ป้อนน้ำแม่ หลายครั้งไม่มีข้าวกิน
ตนต้องไปขอข้าววัดโดยเดินตามหลังพระเพื่อไปบิณฑบาต พระท่านเมตตามักให้กับข้าวมารับประทาน เวลาว่างต้องออกไปรับจ้างทำทุกอย่างที่พอจะได้เงินกลับมาซื้อข้าว และเจียดไปซื้อยา รวมทั้งของใช้ที่จำเป็นให้แม่ ทำเช่นนี้มาเกือบ 11 ปีแล้ว ตอนนี้ตนอยากเรียนต่อให้สูงขึ้นเพื่ออนาคต และใช้สมัครงานให้ได้งานที่ดีมีรายได้ที่สูงขึ้น แต่ติดขัดตรงที่ไม่มีคนดูแลแม่และขาดทุนทรัพย์ในการเรียนจึงต้องหยุดการเรียนและดูแลแม่ให้ดีที่สุด
ด้านนางเฉลียว อินนันท์ เพื่อนบ้านเล่าว่า ตนเห็นความลำบากของครอบครัวนี้แล้ว รู้สึกเศร้าและรันทดในโชคชะตา โดยเฉพาะน้องแฟรงก์เป็นเด็กกตัญญู ไม่เกเร ไม่เที่ยวเตร่ เฝ้าดูแลแม่ดีมาก ก่อนไปเรียนต้องเปลี่ยนผ้าปูเตียง พาแม่ออกกำลังกายบนเตียงเพื่อให้กล้ามเนื้อได้ทำงาน และป้องกันแผลกดทับเพราะแม่ถือเป็นผู้ป่วยติดเตียงไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้พร้อมทั้งเตรียมอาหารให้แม่และยายพร้อมของใช้ที่จำเป็นก่อนไปโรงเรีย ส่วนกลางวันต้องรีบกลับมาดูแลและป้อนข้าวแม่ทุกวัน ส่วนเวลาว่างจะไปรับจ้างดายหญ้า รับซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าในหมู่บ้านเพื่อที่จะได้เงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัวทำอย่างนี้ต่อเนื่องมากว่า10ปี
นางหนูจันทร์ แทนกลาง ผู้เป็นป้า กล่าวว่า น้องสาวตนเอง คือ นางคำพันธ์ และสามีได้แยกทางตั้งแต่น้องแฟรงก์เรียนอยู่ ป.3 ตนสงสารจึงได้นำลูกสาวคนเล็กนางคำพันธ์ไปช่วยดูแลอุปการะ ที่ผ่านมาเห็นน้องแฟรงก์เป็นเด็กกตัญญู ดูแลแม่เป็นอย่างดี ทำทุกอย่างในบ้านเพื่อแม่ ชนิดที่ไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนทำแบบนี้ได้ทุ่มเวลาทุกอย่างให้กับการดูแลแม่เป็นหลัก
ตอนเรียนก็ตั้งใจเรียน แม้จะต้องไปเรียนสายเพราะต้องดูแลแม่ตอนเช้าเป็นประจำ และไม่ค่อยได้ร่วมกิจกรรมกับทางโรงเรียน เนื่องจากต้องรีบมาดูแลแม่ที่ป่วย หากหมอนัดที่จังหวัดขอนแก่นก็เหมารถเพื่อที่จะไปพบหมอตามนัด เสียค่ารถครั้งละ 600 บาท โดยมีญาติพี่น้องช่วยกันออกค่ารถบางครั้ง ซึ่งตนเองสรรเสริญพี่น้องที่ช่วยกันดูแลแม่ที่เป็นอัมพาตซึ่งนับว่าเป็นตัวอย่างที่ดี น่ายกย่องเด็กกตัญญู จึงขอวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือเพราะน้องแฟรงก์เป็นเด็กดีหายากในยุคปัจจุบันต้องปากกัดตีนถีบแต่เล็กดูแลแม่อันเป็นที่รักสุดหัวใจ
ทั้งนี้ ผู้มีจิตศรัทธาต้องการช่วยเหลือติดต่อได้ที่โทร. 09-3543-5701 หรือประสงค์จะโอนเงินเพื่อช่วยเหลือครอบครัว โอนได้ที่บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบ้านไผ่ ชื่อบัญชี นายปฏิภาณ ชาดง เลขที่บัญชี 749-2-30400-4
ขอบคุณ... http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000100034 (ขนาดไฟล์: 166)
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
มหาสารคาม - รันทด! แม่เป็นอัมพาตเดินไม่ได้นานนับ 10 ปี มีลูกกตัญญูคอยดูแล ขณะที่สามีหนีไปแต่งงานสร้างครอบครัวใหม่ ล่าสุดลูกคนกลางเพิ่งจบ ม.6 ตัดสินใจทิ้งฝันเรียนต่อเพื่ออนาคตมาทุ่มเวลาดูแลวอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ น้องแฟรงก์ กำลังดูแลแม่ป่วยอัมพาต อย่างใกล้ชิด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 11 ม.7 บ้านหนองแหน ต.นาโพธิ์ อ.กุดรัง จ.มหาสารคาม พบนางคำพันธ์ แทนกลาง อายุ 46 ปี ฐานะยากจน ซ้ำร้ายยังป่วยด้วยโรคเส้นเลือดไขสันหลังแตกเป็นอัมพาต สภาพร่างกายผอม แขนและขาลีบ ยืนและนั่งลำบาก ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องแยกทางกับสามี ทิ้งลูกทั้ง 3 คนให้เลี้ยงดู โชคดีที่ได้ “น้องแฟรงก์” ลูกกตัญญูเฝ้าดูแลใกล้ชิดมานานกว่า 11 ปี ปากกัดตีนถีบหาเงินช่วยจุนเจือครอบครัวล่าสุดทิ้งฝันเรียนต่อเพื่ออนาคตมาทุ่มเวลาเพื่อดูแลแม่ นางคำพันธ์เล่าว่า มีบุตร 3 คน ชื่อนายปิยพันธ์ ชาดง อายุ 23 ปี เรียนจบ ม.6 ขณะนี้ไปทำงานที่กรุงเทพฯ เพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว นายปฏิภาณ ชาดง หรือน้องแฟรงก์ อายุ 19 ปี เรียนชั้นมัธยมปีที่ 6 และ ด.ญ.นครินทร์ ชาดง อายุ 11 ขวบ โดยตนป่วยเป็นโรคเส้นเลือดฝอยไขสันหลังแตกขณะที่ตั้งท้องลูกสาวคนสุดท้อง หมอก็ได้ผ่าเอาเด็กออก แต่ผลข้างเคียงทำให้ตนพิการเป็นอัมพาตเดินไม่ได้ ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ต่อมาสามีได้ขอแยกทาง และไปแต่งงานใหม่ ทำให้ตนต้องพาลูกทั้ง 3 คนกลับมาอยู่บ้านแม่ อาศัยกั้นห้องเล็กๆ ใต้ถุนบ้านแม่ พอได้อยู่อาศัยอยู่กับลูกทั้ง 3 คน ที่ผ่านมาทำงานหาเลี้ยงตนเองและลูกไม่ได้ ส่วนรายได้จะได้รับเงินเบี้ยคนพิการจาก อบต.เดือนละ800บาทรวมกับเบี้ยผู้สูงอายุของแม่อีกประมาณ500บาท แต่ก็ไม่เพียงพอจนต้องนำลูกสาวคนเล็กไปฝากให้พี่สาวเลี้ยง ส่วนลูกคนโตและน้องแฟรงก์หรือนายปฏิภาณอยู่กับตนและคอยดูแลแม่ที่สูงอายุ ต่อมาลูกชายคนโตต้องไปเป็นทหารเกณฑ์ เพิ่งปลดประจำการและกำลังออกตระเวนทำงานที่กรุงเทพฯเพื่อจะได้เงินส่งมาจุนเจือครอบครัว ส่วนน้องแฟรงก์ซึ่งเป็นกำลังหลัก และดูแลตนมาตั้งแต่อยู่ ป.3 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลารวมเกือบ 11 ปี ยอมทิ้งการเรียนไม่ไปศึกษาต่อยังมหาวิทยาลัยที่ใฝ่ฝันไว้เพื่ออยู่ดูแลตน ซึ่งตนดีใจที่ลูกที่รักไม่ทอดทิ้งแม่และดูแลแม่ได้เป็นอย่างดี แต่ก็รู้สึกเสียใจที่ลูกต้องหยุดความฝันที่จะเรียนต่อเพราะขาดทุนทรัพย์และตั้งใจจะมาดูแลตนเองจึงอยากขอให้มีผู้เมตตาโปรดเห็นใจ นายปฏิภาณ หรือน้องแฟรงก์ เล่าว่า ตนเพิ่งเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนในตัวอำเภอ ที่ผ่านมาครอบครัวมีฐานะยากจน ใช้ชีวิตด้วยความลำบาก ประกอบกับแม่ที่เป็นอัมพาต จึงพยายามทำหน้าที่ลูกที่ดี ดูแลแม่ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เช่น ทำกับข้าว เช็ดตัว ทำงานบ้านทุกอย่าง ป้อนข้าว ป้อนน้ำแม่ หลายครั้งไม่มีข้าวกิน ตนต้องไปขอข้าววัดโดยเดินตามหลังพระเพื่อไปบิณฑบาต พระท่านเมตตามักให้กับข้าวมารับประทาน เวลาว่างต้องออกไปรับจ้างทำทุกอย่างที่พอจะได้เงินกลับมาซื้อข้าว และเจียดไปซื้อยา รวมทั้งของใช้ที่จำเป็นให้แม่ ทำเช่นนี้มาเกือบ 11 ปีแล้ว ตอนนี้ตนอยากเรียนต่อให้สูงขึ้นเพื่ออนาคต และใช้สมัครงานให้ได้งานที่ดีมีรายได้ที่สูงขึ้น แต่ติดขัดตรงที่ไม่มีคนดูแลแม่และขาดทุนทรัพย์ในการเรียนจึงต้องหยุดการเรียนและดูแลแม่ให้ดีที่สุด ”น้องแฟรงก์”ลูกกตัญญู ยอมทิ้งฝันไม่เรียนต่อหลังจบม.6เพื่อดูแลแม่ที่เป็นอัมพาตช่วยตัวเองไม่ได้ ด้านนางเฉลียว อินนันท์ เพื่อนบ้านเล่าว่า ตนเห็นความลำบากของครอบครัวนี้แล้ว รู้สึกเศร้าและรันทดในโชคชะตา โดยเฉพาะน้องแฟรงก์เป็นเด็กกตัญญู ไม่เกเร ไม่เที่ยวเตร่ เฝ้าดูแลแม่ดีมาก ก่อนไปเรียนต้องเปลี่ยนผ้าปูเตียง พาแม่ออกกำลังกายบนเตียงเพื่อให้กล้ามเนื้อได้ทำงาน และป้องกันแผลกดทับเพราะแม่ถือเป็นผู้ป่วยติดเตียงไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้พร้อมทั้งเตรียมอาหารให้แม่และยายพร้อมของใช้ที่จำเป็นก่อนไปโรงเรีย ส่วนกลางวันต้องรีบกลับมาดูแลและป้อนข้าวแม่ทุกวัน ส่วนเวลาว่างจะไปรับจ้างดายหญ้า รับซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าในหมู่บ้านเพื่อที่จะได้เงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัวทำอย่างนี้ต่อเนื่องมากว่า10ปี นางหนูจันทร์ แทนกลาง ผู้เป็นป้า กล่าวว่า น้องสาวตนเอง คือ นางคำพันธ์ และสามีได้แยกทางตั้งแต่น้องแฟรงก์เรียนอยู่ ป.3 ตนสงสารจึงได้นำลูกสาวคนเล็กนางคำพันธ์ไปช่วยดูแลอุปการะ ที่ผ่านมาเห็นน้องแฟรงก์เป็นเด็กกตัญญู ดูแลแม่เป็นอย่างดี ทำทุกอย่างในบ้านเพื่อแม่ ชนิดที่ไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนทำแบบนี้ได้ทุ่มเวลาทุกอย่างให้กับการดูแลแม่เป็นหลัก ตอนเรียนก็ตั้งใจเรียน แม้จะต้องไปเรียนสายเพราะต้องดูแลแม่ตอนเช้าเป็นประจำ และไม่ค่อยได้ร่วมกิจกรรมกับทางโรงเรียน เนื่องจากต้องรีบมาดูแลแม่ที่ป่วย หากหมอนัดที่จังหวัดขอนแก่นก็เหมารถเพื่อที่จะไปพบหมอตามนัด เสียค่ารถครั้งละ 600 บาท โดยมีญาติพี่น้องช่วยกันออกค่ารถบางครั้ง ซึ่งตนเองสรรเสริญพี่น้องที่ช่วยกันดูแลแม่ที่เป็นอัมพาตซึ่งนับว่าเป็นตัวอย่างที่ดี น่ายกย่องเด็กกตัญญู จึงขอวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือเพราะน้องแฟรงก์เป็นเด็กดีหายากในยุคปัจจุบันต้องปากกัดตีนถีบแต่เล็กดูแลแม่อันเป็นที่รักสุดหัวใจ ทั้งนี้ ผู้มีจิตศรัทธาต้องการช่วยเหลือติดต่อได้ที่โทร. 09-3543-5701 หรือประสงค์จะโอนเงินเพื่อช่วยเหลือครอบครัว โอนได้ที่บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบ้านไผ่ ชื่อบัญชี นายปฏิภาณ ชาดง เลขที่บัญชี 749-2-30400-4 ขอบคุณ... http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000100034
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)