สู้ชีวิต! ลุงพิการครึ่งท่อน นอนบนรถเข็นทำงานเลี้ยงชีพ
วันที่ 7 มี.ค. 59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมจิตร ดวงตาคำ หรือลุงเบี้ยว ชายชราพิการอายุ 62 ปี ที่อาศัยอยู่ใน จ.เชียงใหม่ ได้ออกมารดน้ำ พรวนดินแปลงผักเป็นประจำทุกวัน แม้ร่างกายจะไม่เอื้ออำนวย เนื่องจากพิการครึ่งท่อน ไม่สามารถเดินได้ ทำให้ต้องนอนคว่ำหน้าอยู่บนรถเข็นตลอดเวลา นอกจากนี้ ลุงเบี้ยว ยังสามารถทำงานฝีมือ เช่น ไม้เกาหลัง ที่คั้นหนังสือ เพ้นก้อนหินทับกระดาษ และประดิษฐ์ตุ๊กตาจากเศษวัสดุเหลือใช้ เพื่อวางขายในร้านจำหน่ายของที่ระลึกของมูลนิธิสิริวัฒนา เชสเชียร์ ในพระบรมราชินูปถัมภ์
ลุงเบี้ยว เปิดเผยว่า ประสบอุบัติเหตุรถชน เมื่อปี 2541 อาการสาหัสมาก ทั้งขาหัก ก้นยุบ ลำไส้ใหญ่แตก ซึ่งแพทย์รักษาตามอาการ กระทั่งแผลติดเชื้อ ทำให้ต้องตัดขาทั้งสองข้างเพื่อรักษาชีวิตไว้ นับแต่นั้นต้องเข้าโรงพยาบาลรักษาตัวเรื่อยมาจนสุดท้าย ต้องตัดกระดูกสะโพกออก ขณะที่ภรรยาขอแยกทาง โดยนำลูกไปด้วย
อย่างไรก็ตาม หลังเหลือตัวคนเดียว ก็ตระเวนออกหางานทำ เพราะคิดว่า ยังมีมือ มีแขน และลมหายใจอยู่ ช่วงแรกไปรับจ้างก่อสร้างเชื่อมเหล็กเสาบ้าน จากนั้นเข้าทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราวที่แปลงสาธิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะเกษตรศาสตร์ จนชำนาญเรื่องเพาะปลูก จึงย้ายมาอยู่มูลนิธิสิริวัฒนา เชสเชียร์ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เพื่อทำหน้าที่สอนชาวบ้าน
ขอบคุณ... http://www.springnews.co.th/local/northern/277713 (ขนาดไฟล์: 167)
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
ลุงสมจิตร นอนบนรถเข็นกำลังปลูกผักสวนครัว วันที่ 7 มี.ค. 59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมจิตร ดวงตาคำ หรือลุงเบี้ยว ชายชราพิการอายุ 62 ปี ที่อาศัยอยู่ใน จ.เชียงใหม่ ได้ออกมารดน้ำ พรวนดินแปลงผักเป็นประจำทุกวัน แม้ร่างกายจะไม่เอื้ออำนวย เนื่องจากพิการครึ่งท่อน ไม่สามารถเดินได้ ทำให้ต้องนอนคว่ำหน้าอยู่บนรถเข็นตลอดเวลา นอกจากนี้ ลุงเบี้ยว ยังสามารถทำงานฝีมือ เช่น ไม้เกาหลัง ที่คั้นหนังสือ เพ้นก้อนหินทับกระดาษ และประดิษฐ์ตุ๊กตาจากเศษวัสดุเหลือใช้ เพื่อวางขายในร้านจำหน่ายของที่ระลึกของมูลนิธิสิริวัฒนา เชสเชียร์ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ลุงเบี้ยว เปิดเผยว่า ประสบอุบัติเหตุรถชน เมื่อปี 2541 อาการสาหัสมาก ทั้งขาหัก ก้นยุบ ลำไส้ใหญ่แตก ซึ่งแพทย์รักษาตามอาการ กระทั่งแผลติดเชื้อ ทำให้ต้องตัดขาทั้งสองข้างเพื่อรักษาชีวิตไว้ นับแต่นั้นต้องเข้าโรงพยาบาลรักษาตัวเรื่อยมาจนสุดท้าย ต้องตัดกระดูกสะโพกออก ขณะที่ภรรยาขอแยกทาง โดยนำลูกไปด้วย อย่างไรก็ตาม หลังเหลือตัวคนเดียว ก็ตระเวนออกหางานทำ เพราะคิดว่า ยังมีมือ มีแขน และลมหายใจอยู่ ช่วงแรกไปรับจ้างก่อสร้างเชื่อมเหล็กเสาบ้าน จากนั้นเข้าทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราวที่แปลงสาธิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะเกษตรศาสตร์ จนชำนาญเรื่องเพาะปลูก จึงย้ายมาอยู่มูลนิธิสิริวัฒนา เชสเชียร์ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เพื่อทำหน้าที่สอนชาวบ้าน (ลุงสมจิตร นอนบนรถเข็นกำลังปลูกผักสวนครัว) (ลุงสมจิตร นอนบนรถเข็นกำลังทำงานฝีมือ เพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ) ขอบคุณ... http://www.springnews.co.th/local/northern/277713
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)