แนะหลัก 2P ดูแลชาวนา กรมสุขภาพจิตเผยซึมเศร้า 6 ราย!
เมื่อ วันที่ 24 ก.พ.57 นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต พร้อมคณะผู้บริหารกรมสุขภาพจิต ลงพื้นที่เยี่ยมพี่น้องชาวนาและผู้ปฏิบัติงาน ณ กระทรวงพาณิชย์ เผยยึดหลัก เตรียมพร้อม ป้องกัน (2P) ล่าสุดพบผู้ชุมนุมเครียด ซึมเศร้า รวม 12 ราย โดยเครียดมากและมากที่สุด 4 ราย ซึมเศร้า 6 ราย และนอนไม่หลับ 2 ราย โดย นพ.เจษฎา กล่าวว่า กรมสุขภาพจิตได้จัดส่งทีมวิกฤติสุขภาพจิต (MCATT) จาก รพ.ศรีธัญญา สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา สถาบันราชานุกูล สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่น และ รพ.ยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ สับเปลี่ยนหมุนเวียนให้บริการประเมินภาวะสุขภาพจิต ให้คำปรึกษา ให้ยาคลายเครียด ตลอดจนจัดกิจกรรมสันทนาการต่างๆ ให้กับพี่น้องชาวนาที่มาชุมนุมอยู่ที่กระทรวงพาณิชย์ นับตั้งแต่วันที่ 13 ก.พ. เป็นต้นมา ทั้งนี้ได้ให้การรักษาและให้ความรู้ในการดูแลจิตใจตนเองในเบื้องต้นแล้ว ขณะที่ผู้ได้รับยากลับไปได้แนะนำให้พบจิตแพทย์และทีมสุขภาพจิตอีกในครั้งต่อไป
อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า กรมสุขภาพจิตได้ใช้แนวทางในการดูแลชาวนาผู้ชุมนุม ด้วยหลัก 2P คือ 1. Preparedness-การเตรียมพร้อม เตรียมค้นหากลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาสุขภาพจิต โดยการส่งทีมวิกฤติสุขภาพจิต (MCATT) จาก รพ. สังกัดกรมสุขภาพจิตในส่วนกลาง ลงพื้นที่ประเมินชาวนาผู้ชุมนุม เช่นเดียวกับทีมวิกฤติสุขภาพจิต (MCATT) ส่วนภูมิภาค ได้ร่วมมือกับ อสม. และศูนย์สุขภาพจิต ประเมินชาวนาในพื้นที่ที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าว โดยใช้แบบประเมินความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิต ซึ่งหากพบว่าผู้ชุมนุมหรือชาวนาคนใดมีความเสี่ยงก็จะให้การเยียวยาจิตใจ และแนะนำวิธีดูแลตนเองในเบื้องต้น และจะทำการประเมินความเครียดและภาวะซึมเศร้า ฆ่าตัวตายร่วมด้วย ซึ่งหากพบว่ามีความเสี่ยง ก็จะให้คำปรึกษาแนะนำ และส่งต่อแพทย์ และ 2. Prevention-การป้องกัน โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้เกิดการฆ่าตัวตาย ซึ่งเมื่อพบกลุ่มเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายแล้ว ก็จะมีระบบส่งต่อกลุ่มเสี่ยงเหล่านั้นเข้าสู่กระบวนการรักษาและเฝ้าระวัง โดยมีทีม MCATT ในพื้นที่และศูนย์สุขภาพจิตเป็นหน่วยงานเชิงรุกเข้าไปดูแลส่งต่อกลุ่มเสี่ยง ให้ได้รับการวินิจฉัยและรักษาทางจิตเวชร่วมกับ สสจ. ตลอดจนติดตามอย่างต่อเนื่องจนกว่าอาการจะดีขึ้น ด้วยระบบนี้จะทำให้พี่น้องชาวนาที่เสี่ยงต่อโรคซึมเศร้าและฆ่าตัวตายเข้าสู่ การรักษาได้เร็วยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากรู้สึกเครียดหรือเกิดภาวะวิกฤติด้านจิตใจ สามารถขอรับบริการปรึกษาได้ที่สายด่วนสุขภาพจิต 1323 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง.
ขอบคุณ http://www.thairath.co.th/content/edu/405739 (ขนาดไฟล์: 167)
( ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 24 ก.พ.57 )
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
ภาพ ผู้ชุมนุมชาวนา เมื่อ วันที่ 24 ก.พ.57 นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต พร้อมคณะผู้บริหารกรมสุขภาพจิต ลงพื้นที่เยี่ยมพี่น้องชาวนาและผู้ปฏิบัติงาน ณ กระทรวงพาณิชย์ เผยยึดหลัก เตรียมพร้อม ป้องกัน (2P) ล่าสุดพบผู้ชุมนุมเครียด ซึมเศร้า รวม 12 ราย โดยเครียดมากและมากที่สุด 4 ราย ซึมเศร้า 6 ราย และนอนไม่หลับ 2 ราย โดย นพ.เจษฎา กล่าวว่า กรมสุขภาพจิตได้จัดส่งทีมวิกฤติสุขภาพจิต (MCATT) จาก รพ.ศรีธัญญา สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา สถาบันราชานุกูล สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่น และ รพ.ยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ สับเปลี่ยนหมุนเวียนให้บริการประเมินภาวะสุขภาพจิต ให้คำปรึกษา ให้ยาคลายเครียด ตลอดจนจัดกิจกรรมสันทนาการต่างๆ ให้กับพี่น้องชาวนาที่มาชุมนุมอยู่ที่กระทรวงพาณิชย์ นับตั้งแต่วันที่ 13 ก.พ. เป็นต้นมา ทั้งนี้ได้ให้การรักษาและให้ความรู้ในการดูแลจิตใจตนเองในเบื้องต้นแล้ว ขณะที่ผู้ได้รับยากลับไปได้แนะนำให้พบจิตแพทย์และทีมสุขภาพจิตอีกในครั้งต่อไป อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า กรมสุขภาพจิตได้ใช้แนวทางในการดูแลชาวนาผู้ชุมนุม ด้วยหลัก 2P คือ 1. Preparedness-การเตรียมพร้อม เตรียมค้นหากลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาสุขภาพจิต โดยการส่งทีมวิกฤติสุขภาพจิต (MCATT) จาก รพ. สังกัดกรมสุขภาพจิตในส่วนกลาง ลงพื้นที่ประเมินชาวนาผู้ชุมนุม เช่นเดียวกับทีมวิกฤติสุขภาพจิต (MCATT) ส่วนภูมิภาค ได้ร่วมมือกับ อสม. และศูนย์สุขภาพจิต ประเมินชาวนาในพื้นที่ที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าว โดยใช้แบบประเมินความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิต ซึ่งหากพบว่าผู้ชุมนุมหรือชาวนาคนใดมีความเสี่ยงก็จะให้การเยียวยาจิตใจ และแนะนำวิธีดูแลตนเองในเบื้องต้น และจะทำการประเมินความเครียดและภาวะซึมเศร้า ฆ่าตัวตายร่วมด้วย ซึ่งหากพบว่ามีความเสี่ยง ก็จะให้คำปรึกษาแนะนำ และส่งต่อแพทย์ และ 2. Prevention-การป้องกัน โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้เกิดการฆ่าตัวตาย ซึ่งเมื่อพบกลุ่มเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายแล้ว ก็จะมีระบบส่งต่อกลุ่มเสี่ยงเหล่านั้นเข้าสู่กระบวนการรักษาและเฝ้าระวัง โดยมีทีม MCATT ในพื้นที่และศูนย์สุขภาพจิตเป็นหน่วยงานเชิงรุกเข้าไปดูแลส่งต่อกลุ่มเสี่ยง ให้ได้รับการวินิจฉัยและรักษาทางจิตเวชร่วมกับ สสจ. ตลอดจนติดตามอย่างต่อเนื่องจนกว่าอาการจะดีขึ้น ด้วยระบบนี้จะทำให้พี่น้องชาวนาที่เสี่ยงต่อโรคซึมเศร้าและฆ่าตัวตายเข้าสู่ การรักษาได้เร็วยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม หากรู้สึกเครียดหรือเกิดภาวะวิกฤติด้านจิตใจ สามารถขอรับบริการปรึกษาได้ที่สายด่วนสุขภาพจิต 1323 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง. ขอบคุณ http://www.thairath.co.th/content/edu/405739 ( ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 24 ก.พ.57 )
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)