ลดพุงช่วยให้อายุยืนห่างไกลโรคร้าย-เคล็ดลับสุขภาพ
ความอ้วนเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนกลัวไม่อยากอ้วน โดยเฉพาะรูปร่าง “อ้วนแบบลงพุง” ที่จะนำไปสู่โรคเบาหวานได้ในอนาคต รวมทั้งโรคร้ายอื่น ๆ ที่อาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัมพฤกษ์อัมพาต ฉะนั้นหากใครไม่อยากอ้วนลงพุงอ่านเคล็ดลับต่อไปนี้เพื่อการปฏิบัติที่ถูกต้องค่ะ
แพทย์หญิงชนันภรณ์ วิพุธศิริ อายุรแพทย์ด้านต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิซึม โรงพยาบาลกรุงเทพ ให้ความรู้ว่า คนที่อ้วนลงพุงเกิดจากการมีไขมันไปสะสมในช่องท้องปริมาณมากกว่าคนปกติ และไขมันที่สะสมนี้จะแตกตัวเป็นกรดไขมันอิสระเข้าสู่ตับ มีผลให้อินซูลินออกฤทธิ์ได้ไม่ดีเกิดเป็นภาวะอ้วนลงพุง เป็นต้นเหตุของโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น น้ำตาลในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ปวดตามข้อ ไขมันเกาะตับ ซึ่งการที่คนเรามีไขมันสะสมในช่องท้องมากจะส่งผลเสียต่อร่างกายทำให้เกิด ภาวะดื้อต่ออินซูลิน ส่งผลให้ตับมีการสร้างน้ำตาลกลูโคสเพิ่มมากขึ้น เบต้าเซลล์ของตับอ่อนถูกทำลายและระดับน้ำตาลในเลือดสูงตามมา นำไปสู่การเป็นโรคเบาหวานได้ในอนาคต และภาวะไขมันในเลือดที่สูงขึ้นจะทำให้เกิดผลึกไขมันเพิ่มขึ้น นำไปสู่การเกิดหลอดเลือดอุดตันเร็วขึ้นจึงมีภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัมพฤกษ์อัมพาตตามมา
สาเหตุของการเกิดโรคอ้วนเกิดจากหลายปัจจัย ได้แก่ กรรมพันธุ์หรือยีนบางชนิดที่ผิดปกติหรือจากพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เช่น การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง อาหารที่มีกากอาหารต่ำ ฟาสต์ฟู้ด ขนมขบเคี้ยว น้ำอัดลม และพฤติกรรมการออกกำลังกายที่น้อยลงและไทรอยด์ทำงานต่ำ การรับประทานยาสมุนไพรที่มีส่วนประกอบของสารสเตียรอยด์เป็นประจำ โดยทั่วไปพบว่าผู้หญิงจะอ้วนง่ายกว่าผู้ชาย อายุที่อ้วนมากที่สุดอยู่ระหว่าง 45-49 ปี จะอ้วนเพิ่มเป็น 2 เท่าของคนที่มีอายุ 5-14 ปี ส่วนคนอีกกลุ่มคือผู้ที่นั่งทำงานในออฟฟิศเป็นเวลานานๆไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกายมักอ้วนลงพุงง่ายมีไขมันสะสมมากกว่าคนปกติ
ดังนั้นการลดน้ำหนักเริ่มแรกควรเริ่มต้นตั้งแต่การปรับเปลี่ยนวิธีคิด 1. มีความตั้งใจและมุ่งมั่นจริง ๆ ที่จะลดน้ำหนักและรอบเอว 2. สร้างความคิดที่ดี อาจเริ่มจากการหาแรงบันดาลใจให้ตัวเอง เช่น ถ้าเราสามารถลดน้ำหนักได้รอบเอวก็จะลดไปด้วย 3. ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นไปได้ของน้ำหนักที่จะลด ไม่ควรลดมากเกินจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะการลดน้ำหนักที่ดีควรลด 5-7 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัวเมื่อเริ่มลด เช่น น้ำหนัก 70 กิโลกรัมควรลดประมาณ 3-5 กิโลกรัม 4. ควบคุมปริมาณแคลอรี ที่ได้จากอาหารโดยทั่วไปผู้หญิงวันละ 1,200 กิโลแคลอรีและผู้ชายวันละ 1,500 กิโลแคลอรี 5. พยายามรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม และใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลในการปรุงอาหาร 6. ออกกำลังกายเป็นประจำ ประมาณ 30-60 นาทีต่อวัน เช่น การเต้นแอโรบิก 5 ครั้ง ต่อสัปดาห์ การว่ายน้ำ วิ่ง ปั่นจักรยาน 2 ครั้ง ต่อสัปดาห์
เมื่อทราบแบบนี้แล้วอย่าลืมออกกำลังกายควบคู่ไปกับการควบคุมอาหาร เพราะถ้าออกกำลังกายเพียงอย่างเดียวโดยไม่ควบคุมอาหารก็จะไม่ทำให้น้ำหนักลดลงได้ ที่สำคัญเราควรคิดทุกครั้งก่อนที่จะรับประทานอาหารอะไรเข้าไป และท่องไว้เสมอว่า ’ยิ่งพุงใหญ่เท่าไหร่ ยิ่งมีภาวะแทรกซ้อนเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น“ หากปฏิบัติได้ตามคำแนะนำเราก็จะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงและมีอายุยืนค่ะ...
เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 2 ก.พ.57
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
ลดพุงช่วยให้อายุยืนห่างไกลโรคร้าย-เคล็ดลับสุขภาพ ความอ้วนเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนกลัวไม่อยากอ้วน โดยเฉพาะรูปร่าง “อ้วนแบบลงพุง” ที่จะนำไปสู่โรคเบาหวานได้ในอนาคต รวมทั้งโรคร้ายอื่น ๆ ที่อาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัมพฤกษ์อัมพาต ฉะนั้นหากใครไม่อยากอ้วนลงพุงอ่านเคล็ดลับต่อไปนี้เพื่อการปฏิบัติที่ถูกต้องค่ะ แพทย์หญิงชนันภรณ์ วิพุธศิริ อายุรแพทย์ด้านต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิซึม โรงพยาบาลกรุงเทพ ให้ความรู้ว่า คนที่อ้วนลงพุงเกิดจากการมีไขมันไปสะสมในช่องท้องปริมาณมากกว่าคนปกติ และไขมันที่สะสมนี้จะแตกตัวเป็นกรดไขมันอิสระเข้าสู่ตับ มีผลให้อินซูลินออกฤทธิ์ได้ไม่ดีเกิดเป็นภาวะอ้วนลงพุง เป็นต้นเหตุของโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น น้ำตาลในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ปวดตามข้อ ไขมันเกาะตับ ซึ่งการที่คนเรามีไขมันสะสมในช่องท้องมากจะส่งผลเสียต่อร่างกายทำให้เกิด ภาวะดื้อต่ออินซูลิน ส่งผลให้ตับมีการสร้างน้ำตาลกลูโคสเพิ่มมากขึ้น เบต้าเซลล์ของตับอ่อนถูกทำลายและระดับน้ำตาลในเลือดสูงตามมา นำไปสู่การเป็นโรคเบาหวานได้ในอนาคต และภาวะไขมันในเลือดที่สูงขึ้นจะทำให้เกิดผลึกไขมันเพิ่มขึ้น นำไปสู่การเกิดหลอดเลือดอุดตันเร็วขึ้นจึงมีภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัมพฤกษ์อัมพาตตามมา สาเหตุของการเกิดโรคอ้วนเกิดจากหลายปัจจัย ได้แก่ กรรมพันธุ์หรือยีนบางชนิดที่ผิดปกติหรือจากพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เช่น การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง อาหารที่มีกากอาหารต่ำ ฟาสต์ฟู้ด ขนมขบเคี้ยว น้ำอัดลม และพฤติกรรมการออกกำลังกายที่น้อยลงและไทรอยด์ทำงานต่ำ การรับประทานยาสมุนไพรที่มีส่วนประกอบของสารสเตียรอยด์เป็นประจำ โดยทั่วไปพบว่าผู้หญิงจะอ้วนง่ายกว่าผู้ชาย อายุที่อ้วนมากที่สุดอยู่ระหว่าง 45-49 ปี จะอ้วนเพิ่มเป็น 2 เท่าของคนที่มีอายุ 5-14 ปี ส่วนคนอีกกลุ่มคือผู้ที่นั่งทำงานในออฟฟิศเป็นเวลานานๆไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกายมักอ้วนลงพุงง่ายมีไขมันสะสมมากกว่าคนปกติ ดังนั้นการลดน้ำหนักเริ่มแรกควรเริ่มต้นตั้งแต่การปรับเปลี่ยนวิธีคิด 1. มีความตั้งใจและมุ่งมั่นจริง ๆ ที่จะลดน้ำหนักและรอบเอว 2. สร้างความคิดที่ดี อาจเริ่มจากการหาแรงบันดาลใจให้ตัวเอง เช่น ถ้าเราสามารถลดน้ำหนักได้รอบเอวก็จะลดไปด้วย 3. ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นไปได้ของน้ำหนักที่จะลด ไม่ควรลดมากเกินจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะการลดน้ำหนักที่ดีควรลด 5-7 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัวเมื่อเริ่มลด เช่น น้ำหนัก 70 กิโลกรัมควรลดประมาณ 3-5 กิโลกรัม 4. ควบคุมปริมาณแคลอรี ที่ได้จากอาหารโดยทั่วไปผู้หญิงวันละ 1,200 กิโลแคลอรีและผู้ชายวันละ 1,500 กิโลแคลอรี 5. พยายามรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม และใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลในการปรุงอาหาร 6. ออกกำลังกายเป็นประจำ ประมาณ 30-60 นาทีต่อวัน เช่น การเต้นแอโรบิก 5 ครั้ง ต่อสัปดาห์ การว่ายน้ำ วิ่ง ปั่นจักรยาน 2 ครั้ง ต่อสัปดาห์ เมื่อทราบแบบนี้แล้วอย่าลืมออกกำลังกายควบคู่ไปกับการควบคุมอาหาร เพราะถ้าออกกำลังกายเพียงอย่างเดียวโดยไม่ควบคุมอาหารก็จะไม่ทำให้น้ำหนักลดลงได้ ที่สำคัญเราควรคิดทุกครั้งก่อนที่จะรับประทานอาหารอะไรเข้าไป และท่องไว้เสมอว่า ’ยิ่งพุงใหญ่เท่าไหร่ ยิ่งมีภาวะแทรกซ้อนเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น“ หากปฏิบัติได้ตามคำแนะนำเราก็จะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงและมีอายุยืนค่ะ... ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/Content/Article/183319/%26quot%3Bข้ออักเสบไม่ทราบสาเหตุในเด็ก%26quot%3B+ตรวจพบเร็ว...รักษาได้ทันท่วงที เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 2 ก.พ.57
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)