ฮือฮา! "พ่อแม่" ยุคไอที จัดยาเด็กป่วยสมาธิสั้นให้ลูกปกติกิน หวังเพิ่มประสิทธิภาพการเรียน

แสดงความคิดเห็น

เด็กชาย หญิงวัยประถม ชาวต่างชาติกำลังมุ่งอ่านหนังสือเล่มเดียวกัน

จากกรณีที่มีการเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย อย่างแพร่หลายว่ายา Methylphenidate (MPH) ซึ่งเป็นยาใช้รักษากับเด็กที่มีปัญหาสมาธิสั้นนั้น มีผู้ปกครองบางรายนำมาให้กับบุตรหลานที่เป็นเด็กปกติรับประทาน เพื่อหวังจะให้มีสมาธิเพิ่มขึ้นในการเรียนนั้น ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่าไม่เหมาะสม บางรายถึงขนาดตำหนิว่าพ่อแม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นกับลูก ในขณะที่บางคนห่วงว่าจะมีผลต่อสุขภาพหรือร่างกายของเด็กหรือไม่หากกินยาผิดประเภทเข้าไป

เกี่ยวกับเรื่องนี้ "มติชนออนไลน์" ได้สัมภาษณ์ แพทย์หญิงวิมลรัตน์ วันเพ็ญ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายการแพทย์สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ ซึ่งให้ความเห็นว่า สำหรับ Methylphenidate เป็นยารักษาโรคสมาธิสั้น ซึ่งมีหลายยี่ห้อ ทั้ง นี้ ยาตัวนี้ออกฤทธิ์ให้เด็กมีสมาธิขึ้น สำหรับเด็กที่ซน ไม่อยู่นิ่ง วู่วาม หุนหัน แต่ไม่ใช่กับเด็กที่เป็นออทิสติกคนละอย่างกัน

"ยาดังกล่าวนี้ จะไปเพิ่ม "สารสื่อประสาท" ในสมองส่วนหน้า เมื่อทานยาแล้ว เด็กก็จะมีสมาธิกลับมาดีขึ้น แต่ถ้ายาหมดฤทธิ์ ก็อาจจะกลับมาไม่อยู่นิ่งเหมือนเดิม แต่การรักษาโรคสมาธิสั้นไม่ได้หายด้วยการกินยา เพียงแต่ยาตัวนี้จะช่วยให้มีสมาธิมากขึ้น อยู่นิ่งมากขึ้น ทำให้เราผู้รักษาสามารถที่จะบอกหรือสอนสิ่งอื่นๆ เข้าไปเพิ่มในการรักษาได้ แต่ยาไม่ได้ช่วยให้หาย เพียงแต่คุมให้เด็กอยู่นิ่ง"

เมื่อถามถึงการที่มีผู้ปกครองบางรายนำมาให้เด็กปกติกินจะมีผลอะไร หรือไม่อย่างไร พญ.วิมลรัตน์ กล่าวว่า คิดว่ามันไม่ได้มีผลอะไรมาก เพราะยาที่ทานสำหรับเด็กที่ไม่ปกติ เมื่อเด็กที่ปกติทานโดยที่ระดับสมาธิก็ปกติดีอยู่แล้ว ก็คงไม่ได้มีผลอะไรมาก อาจจะมีบ้างแต่คงเล็กน้อย ส่วนเมื่อทานแล้วจะส่งผลร้ายอะไรต่อร่างกายหรือไม่นั้น คิดว่าไม่มี เพราะเป็นยาที่ทานได้ไม่มีผลข้างเคียง

"แต่คิดว่าการที่นำมาให้เด็กปกติทาน ไม่ได้แก้ปัญหาจริงของเด็กคนนั้น เพราะต้นตอของปัญหาเด็กน่าจะเป็นการที่ขาดความตั้งใจ มากกว่าที่ป่วยทางสมอง ฉะนั้น ถ้าทานยาเข้าไปก็อาจจะมีผลต่อสมองเมื่อยาหมดฤทธิ์ก็ไม่มาสมาธิ แต่ไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องความตั้งใจหรือนิสัยของเด็กคนนั้น ดังนั้น การแก้ปัญหาเด็กปกติที่ไม่มีสมาธิควรจะใช้วิธีการฝึกฝน พูดคุย ทำความเข้าใจ มากกว่าที่จะใช้ยาหรือสารเคมีช่วย ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกจุดมากกว่า"

แพทย์หญิงวิมลรัตน์ วันเพ็ญ พญ.วิมลรัตน์ กล่าวต่อว่า แต่ยาชนิดนี้ ไม่สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าปกติ ส่วนใหญ่จะต้องเป็นยาที่แพทย์สั่งเฉพาะที่โรงพยาบาลเท่านั้น เข้าใจว่าอาจจะมีผู้ปกครองของเด็กบางรายนำมาแบ่งก็ได้ ส่วนราคาไม่ได้แพงมากอะไร แล้วแต่โรงพยาบาล

ท้ายสุดคุณหมอวิมลรัตน์ แนะนำว่า "ฝากถึงผู้ปกครองทุกท่าน อย่าทำลายโอกาสบุตรหลานที่เป็นเด็กปกติเพราะเขามีโอกาสจะพัฒนาตัวเองต่อไปได้ ถ้าพ่อแม่ใส่ใจดูแลมากกว่าที่จะไปพึ่งยา เพราถ้ามัวแต่พึ่งสารเคมี โตขึ้นก็จะกลายเป็นคนที่ไม่มีความอดทน หรือไม่มีความตั้งใจทำอะไรได้ด้วยตัวเอง"

ขอบคุณ... http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1377143088&grpid=01&catid=&subcatid= (ขนาดไฟล์: 167)

มติชนออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 22 ส.ค.56

ที่มา: มติชนออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 22 ส.ค.56
วันที่โพสต์: 23/08/2556 เวลา 04:30:15 ดูภาพสไลด์โชว์ ฮือฮา! "พ่อแม่" ยุคไอที จัดยาเด็กป่วยสมาธิสั้นให้ลูกปกติกิน หวังเพิ่มประสิทธิภาพการเรียน

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

เด็กชาย หญิงวัยประถม ชาวต่างชาติกำลังมุ่งอ่านหนังสือเล่มเดียวกัน จากกรณีที่มีการเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย อย่างแพร่หลายว่ายา Methylphenidate (MPH) ซึ่งเป็นยาใช้รักษากับเด็กที่มีปัญหาสมาธิสั้นนั้น มีผู้ปกครองบางรายนำมาให้กับบุตรหลานที่เป็นเด็กปกติรับประทาน เพื่อหวังจะให้มีสมาธิเพิ่มขึ้นในการเรียนนั้น ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่าไม่เหมาะสม บางรายถึงขนาดตำหนิว่าพ่อแม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นกับลูก ในขณะที่บางคนห่วงว่าจะมีผลต่อสุขภาพหรือร่างกายของเด็กหรือไม่หากกินยาผิดประเภทเข้าไป เกี่ยวกับเรื่องนี้ "มติชนออนไลน์" ได้สัมภาษณ์ แพทย์หญิงวิมลรัตน์ วันเพ็ญ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายการแพทย์สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ ซึ่งให้ความเห็นว่า สำหรับ Methylphenidate เป็นยารักษาโรคสมาธิสั้น ซึ่งมีหลายยี่ห้อ ทั้ง นี้ ยาตัวนี้ออกฤทธิ์ให้เด็กมีสมาธิขึ้น สำหรับเด็กที่ซน ไม่อยู่นิ่ง วู่วาม หุนหัน แต่ไม่ใช่กับเด็กที่เป็นออทิสติกคนละอย่างกัน "ยาดังกล่าวนี้ จะไปเพิ่ม "สารสื่อประสาท" ในสมองส่วนหน้า เมื่อทานยาแล้ว เด็กก็จะมีสมาธิกลับมาดีขึ้น แต่ถ้ายาหมดฤทธิ์ ก็อาจจะกลับมาไม่อยู่นิ่งเหมือนเดิม แต่การรักษาโรคสมาธิสั้นไม่ได้หายด้วยการกินยา เพียงแต่ยาตัวนี้จะช่วยให้มีสมาธิมากขึ้น อยู่นิ่งมากขึ้น ทำให้เราผู้รักษาสามารถที่จะบอกหรือสอนสิ่งอื่นๆ เข้าไปเพิ่มในการรักษาได้ แต่ยาไม่ได้ช่วยให้หาย เพียงแต่คุมให้เด็กอยู่นิ่ง" เมื่อถามถึงการที่มีผู้ปกครองบางรายนำมาให้เด็กปกติกินจะมีผลอะไร หรือไม่อย่างไร พญ.วิมลรัตน์ กล่าวว่า คิดว่ามันไม่ได้มีผลอะไรมาก เพราะยาที่ทานสำหรับเด็กที่ไม่ปกติ เมื่อเด็กที่ปกติทานโดยที่ระดับสมาธิก็ปกติดีอยู่แล้ว ก็คงไม่ได้มีผลอะไรมาก อาจจะมีบ้างแต่คงเล็กน้อย ส่วนเมื่อทานแล้วจะส่งผลร้ายอะไรต่อร่างกายหรือไม่นั้น คิดว่าไม่มี เพราะเป็นยาที่ทานได้ไม่มีผลข้างเคียง "แต่คิดว่าการที่นำมาให้เด็กปกติทาน ไม่ได้แก้ปัญหาจริงของเด็กคนนั้น เพราะต้นตอของปัญหาเด็กน่าจะเป็นการที่ขาดความตั้งใจ มากกว่าที่ป่วยทางสมอง ฉะนั้น ถ้าทานยาเข้าไปก็อาจจะมีผลต่อสมองเมื่อยาหมดฤทธิ์ก็ไม่มาสมาธิ แต่ไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องความตั้งใจหรือนิสัยของเด็กคนนั้น ดังนั้น การแก้ปัญหาเด็กปกติที่ไม่มีสมาธิควรจะใช้วิธีการฝึกฝน พูดคุย ทำความเข้าใจ มากกว่าที่จะใช้ยาหรือสารเคมีช่วย ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกจุดมากกว่า" แพทย์หญิงวิมลรัตน์ วันเพ็ญพญ.วิมลรัตน์ กล่าวต่อว่า แต่ยาชนิดนี้ ไม่สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าปกติ ส่วนใหญ่จะต้องเป็นยาที่แพทย์สั่งเฉพาะที่โรงพยาบาลเท่านั้น เข้าใจว่าอาจจะมีผู้ปกครองของเด็กบางรายนำมาแบ่งก็ได้ ส่วนราคาไม่ได้แพงมากอะไร แล้วแต่โรงพยาบาล ท้ายสุดคุณหมอวิมลรัตน์ แนะนำว่า "ฝากถึงผู้ปกครองทุกท่าน อย่าทำลายโอกาสบุตรหลานที่เป็นเด็กปกติเพราะเขามีโอกาสจะพัฒนาตัวเองต่อไปได้ ถ้าพ่อแม่ใส่ใจดูแลมากกว่าที่จะไปพึ่งยา เพราถ้ามัวแต่พึ่งสารเคมี โตขึ้นก็จะกลายเป็นคนที่ไม่มีความอดทน หรือไม่มีความตั้งใจทำอะไรได้ด้วยตัวเอง" ขอบคุณ... http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1377143088&grpid=01&catid=&subcatid= มติชนออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 22 ส.ค.56

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...