หมั่นตรวจสุขภาพตา ช่วยป้องกันตาบอดจากต้อหินได้

แสดงความคิดเห็น

จักษุแพทย์กำลังตรวจสายตาผู้ป่วย

“ต้อหิน” เป็นโรคที่ทำให้เกิดภาวะสูญเสียการมองเห็นชนิดถาวร ที่พบได้มากที่สุดทั่วโลก จากสถิติพบว่า ทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคต้อหินจำนวน 60 ล้านคนในปี พ.ศ. 2553 และคาดว่าจะมีผู้ป่วยโรคต้อหินจำนวน 70 ล้านคนในปีพ.ศ. 2563 เท่ากับว่าจะมีผู้ป่วยโรคต้อหินเพิ่มขึ้นปีละ 1 ล้านคน

นายแพทย์บุญส่ง วนิชเวชารุ่งเรือง นายแพทย์เชี่ยวชาญด้านจักษุวิทยา ประธานชมรมต้อหินแห่งประเทศไทย ในราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ต้อหิน คือกลุ่มโรคที่ทำให้เกิดความผิดปกติของขั้วประสาทตา เกี่ยวข้องกับความดันตา หรือการสูญเสียลานสายตา เป็นภัยเงียบที่ทำให้เกิดภาวะสูญเสียการมองเห็นชนิดถาวร เนื่องจากเป็นโรคที่ไม่มีอาการเจ็บปวดใด ๆ การมองเห็นก็ยังคงเป็นปกติ ทำให้ผู้ป่วยไม่ทราบว่าตัวเองเป็นโรค กว่าจะมาพบแพทย์ก็เป็นมากแล้ว หรือบางรายก็สูญเสียการมองเห็นไปแล้ว”

10 % ของผู้ป่วยโรคต้อหิน มีอาการรุนแรงถึงขั้นทำให้สูญเสียการมองเห็น จากการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยโรคต้อหิน 50-90% ไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคต้อหิน เพราะไม่เคยตรวจตา ต้อหินไม่เหมือนต้อกระจกที่สามารถผ่าตัดเปลี่ยนประสาทตาได้ หากปล่อยทิ้งไว้ไม่ทำการรักษา ผู้ป่วยโรคต้อหินอาจสูญเสียการมองเห็นชนิดถาวรได้ แต่หากตรวจพบได้ไวก็สามารถรักษาเพื่อหยุดยั้งการสูญเสียขั้วประสาทตาหรือลาน สายตาได้

ปัจจุบันการลดความดันตา เป็นวิธีที่ได้รับการพิสูจน์ และเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางว่าสามารถควบคุมโรคต้อหินได้ สำหรับวิธีการรักษาโรคต้อหินก็มีทั้งการใช้ยา ซึ่งมีทั้งยาหยอด ยารับประทาน และยาฉีด นอกจากนี้ยังมีการรักษาโดยการใช้แสงเลเซอร์ และการผ่าตัดในกรณีการใช้ยาและการใช้แสงเลเซอร์ไม่ได้ผล

การไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจตาเป็นประจำทุกปี เพื่อตรวจหาโรคแต่เนิ่น ๆ จะช่วยลดปัญหาการสูญเสียการมองเห็นจากโรคต้อหินได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ซึ่งได้แก่ ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป, สายตาสั้นหรือยาวมาก ๆ , มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคต้อหิน, มีโรคประจำตัว อาทิ ไทรอยด์ เบาหวาน, ใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์ ทั้งชนิดหยอด ยาฉีด และรับประทาน ติดต่อกันเป็นเวลานาน, เคยมีอุบัติเหตุทางตา หรือเคยผ่าตัดในลูกตามาก่อน

แม้จะมีการศึกษาพบว่า “ต้อหิน” มีความสัมพันธ์กับ ความเครียด, การใช้คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน เป็นเวลานาน ๆ, การเล่นโยคะท่าศีรษะอาสนะ ที่ต้องห้อยหัวลงกับพื้นเป็นเวลานาน, การออกแรงที่ทำให้ความดันในลูกตาเพิ่มขึ้น อาทิ การเป่านกหวีด การเป่าแซกโซโฟน ฯลฯ แต่ยังไม่มีการยืนยันชัดเจนว่าทั้งหมดเป็นสาเหตุให้เกิดโรคต้อหิน

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมดังกล่าว สำหรับผู้สนใจ ลองทำแบบทดสอบความเสี่ยงเบื้องต้นได้ ในงานสัปดาห์ต้อหิน 16 มี.ค. 57 ที่เซ็นทรัลเวิลด์ พิเศษปีนี้ ทางชมรมต้อหินแห่งประเทศไทย ได้จัดทำเสื้อยืด และกระเป๋าผ้าจำหน่าย ออกแบบลายเส้นโดย ม.ล.จิราธร จิรประวัติ รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายมอบให้มูลนิธิจักษุสาธารณสุข.ทีมเดลินิวส์ 38 article@dailynews.co.th

ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/Content/Article/222323/หมั่นตรวจสุขภาพตาช่วยป้องกันตาบอดจากต้อหินได้ (ขนาดไฟล์: 167)

เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 13 มี.ค.57

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 13 มี.ค.57
วันที่โพสต์: 14/03/2557 เวลา 03:00:41 ดูภาพสไลด์โชว์ หมั่นตรวจสุขภาพตา ช่วยป้องกันตาบอดจากต้อหินได้

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

จักษุแพทย์กำลังตรวจสายตาผู้ป่วย “ต้อหิน” เป็นโรคที่ทำให้เกิดภาวะสูญเสียการมองเห็นชนิดถาวร ที่พบได้มากที่สุดทั่วโลก จากสถิติพบว่า ทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคต้อหินจำนวน 60 ล้านคนในปี พ.ศ. 2553 และคาดว่าจะมีผู้ป่วยโรคต้อหินจำนวน 70 ล้านคนในปีพ.ศ. 2563 เท่ากับว่าจะมีผู้ป่วยโรคต้อหินเพิ่มขึ้นปีละ 1 ล้านคน นายแพทย์บุญส่ง วนิชเวชารุ่งเรือง นายแพทย์เชี่ยวชาญด้านจักษุวิทยา ประธานชมรมต้อหินแห่งประเทศไทย ในราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ต้อหิน คือกลุ่มโรคที่ทำให้เกิดความผิดปกติของขั้วประสาทตา เกี่ยวข้องกับความดันตา หรือการสูญเสียลานสายตา เป็นภัยเงียบที่ทำให้เกิดภาวะสูญเสียการมองเห็นชนิดถาวร เนื่องจากเป็นโรคที่ไม่มีอาการเจ็บปวดใด ๆ การมองเห็นก็ยังคงเป็นปกติ ทำให้ผู้ป่วยไม่ทราบว่าตัวเองเป็นโรค กว่าจะมาพบแพทย์ก็เป็นมากแล้ว หรือบางรายก็สูญเสียการมองเห็นไปแล้ว” 10 % ของผู้ป่วยโรคต้อหิน มีอาการรุนแรงถึงขั้นทำให้สูญเสียการมองเห็น จากการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยโรคต้อหิน 50-90% ไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคต้อหิน เพราะไม่เคยตรวจตา ต้อหินไม่เหมือนต้อกระจกที่สามารถผ่าตัดเปลี่ยนประสาทตาได้ หากปล่อยทิ้งไว้ไม่ทำการรักษา ผู้ป่วยโรคต้อหินอาจสูญเสียการมองเห็นชนิดถาวรได้ แต่หากตรวจพบได้ไวก็สามารถรักษาเพื่อหยุดยั้งการสูญเสียขั้วประสาทตาหรือลาน สายตาได้ ปัจจุบันการลดความดันตา เป็นวิธีที่ได้รับการพิสูจน์ และเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางว่าสามารถควบคุมโรคต้อหินได้ สำหรับวิธีการรักษาโรคต้อหินก็มีทั้งการใช้ยา ซึ่งมีทั้งยาหยอด ยารับประทาน และยาฉีด นอกจากนี้ยังมีการรักษาโดยการใช้แสงเลเซอร์ และการผ่าตัดในกรณีการใช้ยาและการใช้แสงเลเซอร์ไม่ได้ผล การไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจตาเป็นประจำทุกปี เพื่อตรวจหาโรคแต่เนิ่น ๆ จะช่วยลดปัญหาการสูญเสียการมองเห็นจากโรคต้อหินได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ซึ่งได้แก่ ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป, สายตาสั้นหรือยาวมาก ๆ , มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคต้อหิน, มีโรคประจำตัว อาทิ ไทรอยด์ เบาหวาน, ใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์ ทั้งชนิดหยอด ยาฉีด และรับประทาน ติดต่อกันเป็นเวลานาน, เคยมีอุบัติเหตุทางตา หรือเคยผ่าตัดในลูกตามาก่อน แม้จะมีการศึกษาพบว่า “ต้อหิน” มีความสัมพันธ์กับ ความเครียด, การใช้คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน เป็นเวลานาน ๆ, การเล่นโยคะท่าศีรษะอาสนะ ที่ต้องห้อยหัวลงกับพื้นเป็นเวลานาน, การออกแรงที่ทำให้ความดันในลูกตาเพิ่มขึ้น อาทิ การเป่านกหวีด การเป่าแซกโซโฟน ฯลฯ แต่ยังไม่มีการยืนยันชัดเจนว่าทั้งหมดเป็นสาเหตุให้เกิดโรคต้อหิน อย่างไรก็ตาม ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมดังกล่าว สำหรับผู้สนใจ ลองทำแบบทดสอบความเสี่ยงเบื้องต้นได้ ในงานสัปดาห์ต้อหิน 16 มี.ค. 57 ที่เซ็นทรัลเวิลด์ พิเศษปีนี้ ทางชมรมต้อหินแห่งประเทศไทย ได้จัดทำเสื้อยืด และกระเป๋าผ้าจำหน่าย ออกแบบลายเส้นโดย ม.ล.จิราธร จิรประวัติ รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายมอบให้มูลนิธิจักษุสาธารณสุข.ทีมเดลินิวส์ 38 article@dailynews.co.th ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/Content/Article/222323/หมั่นตรวจสุขภาพตาช่วยป้องกันตาบอดจากต้อหินได้ เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 13 มี.ค.57

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...