แนะป้องกันจอตาเสื่อม เตือนอ้วนมากเสี่ยงบอด
ปัจจุบันสภาวะสังคมที่เร่งรีบ ส่งผลให้พฤติกรรมการบริโภคของคนในสังคมเปลี่ยนแปลงไป ความเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บก็ตามมาด้วย ซึ่งโรคที่เกิดจากพฤติกรรมการบริโภคผิดๆ ในปัจจุบัน เป็นโรคใกล้ตัวและมักพบมากที่สุด คือ โรคอ้วน
พญ.โสมสราญ วัฒนะโชติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุวิทยา จากมูลนิธิพิทักษ์ดวงตาประชาชน เผยว่า "นอกจากโรคอ้วนจะส่งผลกระทบให้ผู้ป่วยเกิดโรคความดัน เบาหวาน หัวใจ เป็นต้นแล้ว โรคอ้วนยังสามารถทำให้ผู้ป่วยตาบอดได้
พญ.โสมสราญบอกว่า ก่อนหน้านี้ ผลการวิจัยของสถาบันไกเซอร์ ที่ได้ยืนยันกับเรื่องนี้ว่า การป่วยเป็นโรคอ้วน ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะความดันในโพรงสมองสูง ซึ่งจะมีอาการคลื่นไส้ ปวดศีรษะ มองไม่ชัดจนอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนถึงขั้นตาบอดได้
"แม้โรคอ้วนจะเป็นโรคที่ส่งผลกระทบให้เกิดโรคอื่นตามมาอย่างน่าตกใจ แต่สิ่งที่สำคัญสุด คือ เรื่องโภชนาการและพฤติกรรมการบริโภคของผู้บริโภค ที่ต้องตระหนักถึงสารอาหารอันครบถ้วนทั้งผัก ผลไม้ รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับมื้ออาหาร การออกกำลังกายที่เหมาะสมอย่างถูกต้อง และนี่คือสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะต้องมาแก้ไขปัญหาปลายเหตุ"
ทั้งนี้ดวงตาเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญและบอบบางมากที่สุด การดูแลรักษาทะนุถนอมดวงตาจึงจำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการเลือกรับประทานผักผลไม้ที่นอกจากจะเป็นวิธีที่ง่าย สะดวกแล้วยังช่วยเสริมสร้างและบำรุงความชุ่มชื่น สดใสให้กับดวงตาอีกด้วย อาทิ การบริโภคผัก ผลไม้ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ลูทีน และซีแซนทีน ในปริมาณสูง เพื่อช่วยลดอันตรายจากอนุมูลอิสระในแสงแดดที่ทำลายจอตา ลดปัญหาตาบอดจากจอประสาทตาเสื่อมกรองแสงสีน้ำเงินที่จะทำลายดวงตาและยังช่วยให้สายตาทำงานได้ดีขึ้นในที่มืด
ผัก ผลไม้ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ลูทีน และซีแซนทีน อาทิ ผักบุ้ง แครอท ตำลึง ฟักทอง คะน้า กวางตุ้ง ผลอโวคาโด บล็อกโคลี่ ผักโขม ข้าวโพด มะม่วงสุก กล้วย มะละกอ ที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี ฟอสฟอรัส ใยอาหาร ต่างๆ หรือการเลือกบริโภคสารสกัดโอเมก้า 3 ที่มีมากในจำพวกเนื้อปลา ชะลอความเสี่ยงโรคต้อกระจกได้ถึง4เท่า
นอกจากนั้นควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำร้ายสุขภาพดวงตา เช่น เลี่ยงอ่านหนังสือในที่ที่แสงสว่างไม่เพียงพอ การดื่มน้ำมากๆ ช่วยให้ลูกตาสดชื่นมีน้ำหล่อเลี้ยงให้ตา จากนั้นหากมีเวลาว่างก็ควรออกกำลังกายบริหารตาโดยการกระพริบตาไปมาสัก 5 วินาที โดยการมองขึ้น-ลง การมองซ้าย-ขวา การกลิ้งลูกตาให้เป็นวงกลม เป็นต้น
ขอบคุณ... http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1394682623
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 13 มี.ค.57
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
ดวงตาหญิงสาว ปัจจุบันสภาวะสังคมที่เร่งรีบ ส่งผลให้พฤติกรรมการบริโภคของคนในสังคมเปลี่ยนแปลงไป ความเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บก็ตามมาด้วย ซึ่งโรคที่เกิดจากพฤติกรรมการบริโภคผิดๆ ในปัจจุบัน เป็นโรคใกล้ตัวและมักพบมากที่สุด คือ โรคอ้วน พญ.โสมสราญ วัฒนะโชติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุวิทยา จากมูลนิธิพิทักษ์ดวงตาประชาชน เผยว่า "นอกจากโรคอ้วนจะส่งผลกระทบให้ผู้ป่วยเกิดโรคความดัน เบาหวาน หัวใจ เป็นต้นแล้ว โรคอ้วนยังสามารถทำให้ผู้ป่วยตาบอดได้ พญ.โสมสราญบอกว่า ก่อนหน้านี้ ผลการวิจัยของสถาบันไกเซอร์ ที่ได้ยืนยันกับเรื่องนี้ว่า การป่วยเป็นโรคอ้วน ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะความดันในโพรงสมองสูง ซึ่งจะมีอาการคลื่นไส้ ปวดศีรษะ มองไม่ชัดจนอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนถึงขั้นตาบอดได้ "แม้โรคอ้วนจะเป็นโรคที่ส่งผลกระทบให้เกิดโรคอื่นตามมาอย่างน่าตกใจ แต่สิ่งที่สำคัญสุด คือ เรื่องโภชนาการและพฤติกรรมการบริโภคของผู้บริโภค ที่ต้องตระหนักถึงสารอาหารอันครบถ้วนทั้งผัก ผลไม้ รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับมื้ออาหาร การออกกำลังกายที่เหมาะสมอย่างถูกต้อง และนี่คือสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะต้องมาแก้ไขปัญหาปลายเหตุ" ทั้งนี้ดวงตาเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญและบอบบางมากที่สุด การดูแลรักษาทะนุถนอมดวงตาจึงจำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการเลือกรับประทานผักผลไม้ที่นอกจากจะเป็นวิธีที่ง่าย สะดวกแล้วยังช่วยเสริมสร้างและบำรุงความชุ่มชื่น สดใสให้กับดวงตาอีกด้วย อาทิ การบริโภคผัก ผลไม้ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ลูทีน และซีแซนทีน ในปริมาณสูง เพื่อช่วยลดอันตรายจากอนุมูลอิสระในแสงแดดที่ทำลายจอตา ลดปัญหาตาบอดจากจอประสาทตาเสื่อมกรองแสงสีน้ำเงินที่จะทำลายดวงตาและยังช่วยให้สายตาทำงานได้ดีขึ้นในที่มืด ผัก ผลไม้ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ลูทีน และซีแซนทีน อาทิ ผักบุ้ง แครอท ตำลึง ฟักทอง คะน้า กวางตุ้ง ผลอโวคาโด บล็อกโคลี่ ผักโขม ข้าวโพด มะม่วงสุก กล้วย มะละกอ ที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี ฟอสฟอรัส ใยอาหาร ต่างๆ หรือการเลือกบริโภคสารสกัดโอเมก้า 3 ที่มีมากในจำพวกเนื้อปลา ชะลอความเสี่ยงโรคต้อกระจกได้ถึง4เท่า นอกจากนั้นควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำร้ายสุขภาพดวงตา เช่น เลี่ยงอ่านหนังสือในที่ที่แสงสว่างไม่เพียงพอ การดื่มน้ำมากๆ ช่วยให้ลูกตาสดชื่นมีน้ำหล่อเลี้ยงให้ตา จากนั้นหากมีเวลาว่างก็ควรออกกำลังกายบริหารตาโดยการกระพริบตาไปมาสัก 5 วินาที โดยการมองขึ้น-ลง การมองซ้าย-ขวา การกลิ้งลูกตาให้เป็นวงกลม เป็นต้น ขอบคุณ... http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1394682623 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 13 มี.ค.57
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)