เตือนสาวคลั่งขาว ใช้‘น้ำยาลอกผิว’เสี่ยงติดเชื้อ′ตาบอด′
ผศ.พญ.สุวิรากร โอภาสวงศ์ ประธานประชาสัมพันธ์ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หลายปีที่ผ่านมากระแสคลั่งผิวขาวยังคงความแรงอยู่ในหมู่สาวไทย ชนิดที่ว่าพากันสรรหาและขวนขวายวิธีต่างๆ มาเนรมิตให้ได้ผิวขาวสวย จนกระทั่งถึงขั้นคลั่งผิวขาวใสแบบไร้สติ โดยเฉพาะความนิยมในการใช้ น้ำยาลอกผิว เป็นการเอาน้ำกรดมาขาย เพราะเชื่อว่าสามารถลอกผิวดำให้ขาวได้ภายในไม่กี่วัน ขอยืนยันว่า ไม่มีครีมมหัศจรรย์ที่ทำให้หน้าขาวใสเด้งทันทีแน่นอน หากนำครีมอะไรก็ตามไปใช้แล้ว ขาวเร็ว หน้าเด้ง สิวหาย ต้องเริ่มคิดแล้วว่าเป็นครีมอะไรและมีความปลอดภัยหรือไม่ เช่น มีสารปรอทเป็นส่วนผสมมีอันตรายในระยะยาวได้
ผศ.พญ.สุวิรากร กล่าวว่า ปัจจุบันน้ำยาลอกผิวจะพบโฆษณาง่ายๆ ได้ในอินเทอร์เน็ต บรรยายสรรพคุณสารพัดและมีราคาถูก ค่อนข้างน่ากลัวมาก มักจะขายในรูปตลับ หรือเป็นลิตรและเป็นแกลลอน เพื่อนำมาอาบหรือทา พอก 2 ชั้น 3 ชั้น มีคลิปในยูทิวบ์แสดงให้เห็นว่าใช้อย่างไร
ครีมเหล่านี้พอทาไปประมาณหนึ่งอาทิตย์ ผิวก็จะลอกออกมาเป็นแผ่น สิ่งที่ลอกออกมา ก็คือผิวชั้นนอก ในทางการแพทย์มีวิธีการลอกผิวด้วยสารเคมีที่มีความปลอดภัย เช่น AHA ที่ใช้ลอกเพื่อรักษาผิวหน้าที่มีปัญหา เช่น หลุมสิว สิว ฝ้า แต่เมื่อวัยรุ่นมาเห็นก็อาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องง่าย เลยนำมาใช้นำมาขัดกัน โดยตัวที่นำมาใช้จะเป็นกรดแบบแรง ทำให้ไหม้ผิว แต่เวลาที่ทาลงไปบนผิวหรือหน้าไม่รู้สึกแสบ เนื่องจากมีการใส่ยาชาเข้าไปด้วย รวมไปถึงใส่สีให้มีหลายแบบ เพื่อบอกว่าสำหรับผิวแพ้ง่าย หรือแบบแรง
"น้ำยาลอกขาวนั้น มีส่วนผสมของสารเคมีที่เป็นกรดชนิดรุนแรง จะเกิดการกัดผิวจนไหม้จนลอกผิวหนังชั้นนอกออกมา โดยผิวหนังชั้นนี้เป็นชั้นขี้ไคลส่งผลให้ดูขาวขึ้น เมื่อใช้ติดต่อกันผิวหนังชั้นนอกของเราก็จะตายไปด้วย เมื่อเจอแสงแดดอีก ผิวก็กลับมาเป็นอย่างเดิม อีกทั้งไม่มีเม็ดสีป้องกันแสงแดด ป้องกันการไหม้ก็อาจมีโอกาสเป็นโรคมะเร็งผิวหนังได้ หากรุนแรงกว่านี้จะส่งผลทำให้ผิวเกิดแผลไหม้ อาจติดเชื้อจนเกิดอันตรายตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น มีบางเคสใช้น้ำยาลอกหน้าแล้วเกิดแผลจนติดเชื้อในกระแสเลือด หรือถูกตาอาจทำตาบอด"
ผศ.พญ.สุวิรากร กล่าวว่า ควรหันมาดูแลตามธรรมชาติดีกว่า คือ ควรรับประทานผัก ผลไม้ เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินสูง เพราะอาหารที่มีน้ำตาลมากทำให้เกิดสิว อย่าอดนอน เพราะการนอนดึกเป็นปัจจัยทำให้เกิดสิวได้ง่าย ปรับอารมณ์ให้ดี ไม่เครียดมาก การขับถ่ายให้เป็นเวลา หากอยู่ในที่มีมลภาวะ จะทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระในร่างกาย ผิวพรรณจะไม่ดี หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ซึ่งเป็นตัวการทำให้ผิวเสีย
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
ผศ.พญ.สุวิรากร โอภาสวงศ์ ประธานประชาสัมพันธ์ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หลายปีที่ผ่านมากระแสคลั่งผิวขาวยังคงความแรงอยู่ในหมู่สาวไทย ชนิดที่ว่าพากันสรรหาและขวนขวายวิธีต่างๆ มาเนรมิตให้ได้ผิวขาวสวย จนกระทั่งถึงขั้นคลั่งผิวขาวใสแบบไร้สติ โดยเฉพาะความนิยมในการใช้ น้ำยาลอกผิว เป็นการเอาน้ำกรดมาขาย เพราะเชื่อว่าสามารถลอกผิวดำให้ขาวได้ภายในไม่กี่วัน ขอยืนยันว่า ไม่มีครีมมหัศจรรย์ที่ทำให้หน้าขาวใสเด้งทันทีแน่นอน หากนำครีมอะไรก็ตามไปใช้แล้ว ขาวเร็ว หน้าเด้ง สิวหาย ต้องเริ่มคิดแล้วว่าเป็นครีมอะไรและมีความปลอดภัยหรือไม่ เช่น มีสารปรอทเป็นส่วนผสมมีอันตรายในระยะยาวได้ ผศ.พญ.สุวิรากร โอภาสวงศ์ ประธานประชาสัมพันธ์ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ผศ.พญ.สุวิรากร กล่าวว่า ปัจจุบันน้ำยาลอกผิวจะพบโฆษณาง่ายๆ ได้ในอินเทอร์เน็ต บรรยายสรรพคุณสารพัดและมีราคาถูก ค่อนข้างน่ากลัวมาก มักจะขายในรูปตลับ หรือเป็นลิตรและเป็นแกลลอน เพื่อนำมาอาบหรือทา พอก 2 ชั้น 3 ชั้น มีคลิปในยูทิวบ์แสดงให้เห็นว่าใช้อย่างไร ครีมเหล่านี้พอทาไปประมาณหนึ่งอาทิตย์ ผิวก็จะลอกออกมาเป็นแผ่น สิ่งที่ลอกออกมา ก็คือผิวชั้นนอก ในทางการแพทย์มีวิธีการลอกผิวด้วยสารเคมีที่มีความปลอดภัย เช่น AHA ที่ใช้ลอกเพื่อรักษาผิวหน้าที่มีปัญหา เช่น หลุมสิว สิว ฝ้า แต่เมื่อวัยรุ่นมาเห็นก็อาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องง่าย เลยนำมาใช้นำมาขัดกัน โดยตัวที่นำมาใช้จะเป็นกรดแบบแรง ทำให้ไหม้ผิว แต่เวลาที่ทาลงไปบนผิวหรือหน้าไม่รู้สึกแสบ เนื่องจากมีการใส่ยาชาเข้าไปด้วย รวมไปถึงใส่สีให้มีหลายแบบ เพื่อบอกว่าสำหรับผิวแพ้ง่าย หรือแบบแรง "น้ำยาลอกขาวนั้น มีส่วนผสมของสารเคมีที่เป็นกรดชนิดรุนแรง จะเกิดการกัดผิวจนไหม้จนลอกผิวหนังชั้นนอกออกมา โดยผิวหนังชั้นนี้เป็นชั้นขี้ไคลส่งผลให้ดูขาวขึ้น เมื่อใช้ติดต่อกันผิวหนังชั้นนอกของเราก็จะตายไปด้วย เมื่อเจอแสงแดดอีก ผิวก็กลับมาเป็นอย่างเดิม อีกทั้งไม่มีเม็ดสีป้องกันแสงแดด ป้องกันการไหม้ก็อาจมีโอกาสเป็นโรคมะเร็งผิวหนังได้ หากรุนแรงกว่านี้จะส่งผลทำให้ผิวเกิดแผลไหม้ อาจติดเชื้อจนเกิดอันตรายตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น มีบางเคสใช้น้ำยาลอกหน้าแล้วเกิดแผลจนติดเชื้อในกระแสเลือด หรือถูกตาอาจทำตาบอด" ผศ.พญ.สุวิรากร กล่าวว่า ควรหันมาดูแลตามธรรมชาติดีกว่า คือ ควรรับประทานผัก ผลไม้ เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินสูง เพราะอาหารที่มีน้ำตาลมากทำให้เกิดสิว อย่าอดนอน เพราะการนอนดึกเป็นปัจจัยทำให้เกิดสิวได้ง่าย ปรับอารมณ์ให้ดี ไม่เครียดมาก การขับถ่ายให้เป็นเวลา หากอยู่ในที่มีมลภาวะ จะทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระในร่างกาย ผิวพรรณจะไม่ดี หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ซึ่งเป็นตัวการทำให้ผิวเสีย ขอบคุณ... http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1434969973&grpid=&catid=19&subcatid=1904
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)