ฉีดกลูตาฯ'แค่ขาว..ก็ชนะ'แถม'มะเร็ง/ตาบอด/ช็อก'
ได้ยินแว่วๆมาว่า "แค่ขาว...ก็ชนะ" จุ๊ จุ๊ จุ๊...ดราม่าอะไรกันอีก! แล้ว “ถ้าดำ...ก็ต้องแพ้?” จะเหยียดสีผิวเกินไปหรือเปล่า เอ๊ะ! เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนอยู่นะ สรุปใจความเรื่องของเรื่อง เป็นโฆษณาอาหารเสริมผิวขาวยี่ห้อหนึ่ง มี "เมนเทอร์" คนหนึ่งเป็นดาราเข้ามาเกี่ยวข้องนิดๆหน่อยๆ “อยากขาว อยากหล่อ อยากสวย” สมัยนี้มีสารพัดวิธี ล้วนเนรมิตให้ได้ดั่งใจ ไม่ว่าจะมีทุนน้อย-ทุนมาก...ก็สวยได้ แต่ที่เห็นจะเป็นที่นิยมของหนุ่มสาวเมืองไทย คงหนีไม่พ้น “ความอยากขาว” แล้ววิธีไหนละเห็นผลเร็วที่สุด?
หนุ่มสาวก็เสาะแสวงหาสิ่งที่คิดว่าดีจะทำให้ผิวขาวตามมา แต่บางครั้งมองข้ามจุดเล็กๆไป โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเอง ซึ่งสารที่นิยมนำมาใช้เพื่อปรับผิวให้ขาวใส คือ “กลูตาไธโอน” (glutathione) ยิ่งสมัยนี้มีร้านค้าออนไลน์เยอะแยะไปหมด ไม่รู้ยี่ห้อไหนบ้าง หลายสิบหลายร้อยแบรนด์เต็มไปหมด คนนี้ก็แนะนำว่ายี่ห้อนั้นดี ส่วนอีกคนก็บอกว่าอันนี้ดีกว่า หรือบางคนไม่รู้จะเชื่อใครดี ลองกินทุกอย่าง คราวนี้แหละคนรอบข้างจะพูดให้เราได้ยินว่า เลือกกินให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ ออกกำลังกาย จะไม่ดีกว่าเหรอ?
“นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา” อธิบดีกรมการแพทย์ บอกว่า สมัยนี้ความนิยมผิวขาวใสของสังคมไทยในยุคปัจจุบัน ทำให้หนุ่มสาวรุ่นใหม่แสวงหาวิธีที่จะทำให้ผิวขาวตามมา ไม่คำนึงถึงความปลอดภัย อย่างการปรับผิวให้ขาวใสด้วย “กลูตาไธโอน” ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่เซลล์ในร่างกายของคนสามารถสังเคราะห์ได้เอง “กลูตาไธโอน” มีคุณสมบัติเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ทำหน้าที่ในการปกป้องเนื้อเยื่อไม่ให้ถูกทำลายโดยสารอนุมูลอิสระที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกาย กระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย และที่สำคัญยังช่วยตับในการทำลายและขจัดสารพิษออกจากร่างกาย
“การนำกลูตาไธโอนไปฉีด เพื่อให้ผิวขาวนั้น ถือว่าเป็นการประยุกต์ใช้ขึ้นมาเอง เพราะจะไปยับยั้งการสร้างเม็ดสี หรือที่เรียกว่า 'เมลานิน ' ซึ่งปัจจุบันทางการแพทย์ยังไม่มีการศึกษาที่น่าเชื่อถือ ยืนยันหรือรับรองประสิทธิภาพของกลูตาไธโอน ในการทำให้ผิวขาวได้อย่างแท้จริง” แล้วเหตุใด คนส่วนใหญ่จึงคิดว่า ฉีดแล้วได้ผล กินแล้วขาว ก็เพราะ...หลงเชื่อคำโฆษณา อวดอ้างสรรพคุณต่างๆทางสื่ออินเทอร์เน็ต จึงพากันไปฉีดเพียงเพื่อความสวยงาม โดยไม่คำนึงถึงอันตรายที่มีต่อร่างกายในระยะยาว
ผลิตภัณฑ์กลูตาไธโอน ในท้องตลาดส่วนใหญ่อยู่ในรูป "ยาเม็ด" สำหรับรับประทาน ซึ่งกลูตาไธโอนนี้สามารถถูกทำลายได้ในทางเดินอาหาร ดังนั้น ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากการรับประทานกลูตาไธโอนในรูปแบบของยารับประทานนั้นแทบจะไม่มีเลย การพัฒนาและปรับประยุกต์ใช้จึงเริ่มขึ้น! พยายามนำกลูตาไธโอนในรูปแบบยาฉีดมาใช้แทนการรับประทาน เนื่องจากเชื่อว่ามีประสิทธิภาพในการทำให้ผิวขาวได้ดีกว่า แต่ประเด็นสำคัญของการใช้ยาฉีดกลูตาไธโอน คือ ความปลอดภัย "บางคนฉีดเป็นประจำทุก 1-2 สัปดาห์และฉีดในปริมาณที่เกินขนาด 2-3 เท่าตัว เพราะเข้าใจว่า ยิ่งทำให้ได้ผลลัพธ์ผิวขาวรวดเร็ว แต่มันยิ่งทำให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตราย เพราะเมื่อฉีดสารดังกล่าวเข้าเส้นเลือดดำ คนไข้มีโอกาสที่จะแพ้ตัวยา สารปนเปื้อน ทำให้มีอาการช็อก ความดันต่ำ หายใจไม่ออกและเสียชีวิตได้"
อันตรายที่จะเกิดขึ้นต่อมา เมื่อร่างกายได้รับสารกลูตาไธโอนเป็นเวลานานๆ จะทำให้เม็ดสีเมลานินบริเวณผิวหนังที่ทำหน้าที่เหมือนฟิล์มกรองแสง ขาดเกราะป้องกันแสงอัลตราไวโอเลต ผิวหนังก็จะเกิดการระคายเคือง มีริ้วรอย เหี่ยวย่น แก่เร็ว และเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง ส่วนที่จอตาจะทำให้รับแสงได้น้อยลง และเสี่ยงต่อการมองเห็นในอนาคต "ร่างกายสามารถสร้างขึ้นเองได้จากอาหารจำพวกโปรตีน ไข่ นม รวมถึงผักผลไม้ประเภทหน่อไม้ฝรั่ง อะโวคาโดและวอลนัท ดังนั้นหากต้องการ มีผิวพรรณที่ดี ให้กินอาหารครบ 5 หมู่ เน้นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงเช่น ฝรั่ง ส้ม มะเขือเทศ ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ออกกำลังกายสม่ำเสมอ" ที่เตือน! เพราะ... เสี่ยงทั้งมะเร็งผิวหนัง และตาบอดได้ แต่หากอยากผิวเนียนใสและมีสุขภาพดี ควรเริ่มที่ตัวคุณ เพียงแค่ทานอาหารครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำสะอาด ออกกำลังกาย ก็ไม่ต้องระวังความเสี่ยง จะผิวขาว ผิวดำ แค่นี้ก็ชนะแบบใสๆ
ทวีลาภ บวกทอง
ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/article/373347 (ขนาดไฟล์: 167)
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
ได้ยินแว่วๆมาว่า "แค่ขาว...ก็ชนะ" จุ๊ จุ๊ จุ๊...ดราม่าอะไรกันอีก! แล้ว “ถ้าดำ...ก็ต้องแพ้?” จะเหยียดสีผิวเกินไปหรือเปล่า เอ๊ะ! เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนอยู่นะ สรุปใจความเรื่องของเรื่อง เป็นโฆษณาอาหารเสริมผิวขาวยี่ห้อหนึ่ง มี "เมนเทอร์" คนหนึ่งเป็นดาราเข้ามาเกี่ยวข้องนิดๆหน่อยๆ “อยากขาว อยากหล่อ อยากสวย” สมัยนี้มีสารพัดวิธี ล้วนเนรมิตให้ได้ดั่งใจ ไม่ว่าจะมีทุนน้อย-ทุนมาก...ก็สวยได้ แต่ที่เห็นจะเป็นที่นิยมของหนุ่มสาวเมืองไทย คงหนีไม่พ้น “ความอยากขาว” แล้ววิธีไหนละเห็นผลเร็วที่สุด? หญิงสาวผิวขาว ถือเข็มฉีดยา หนุ่มสาวก็เสาะแสวงหาสิ่งที่คิดว่าดีจะทำให้ผิวขาวตามมา แต่บางครั้งมองข้ามจุดเล็กๆไป โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเอง ซึ่งสารที่นิยมนำมาใช้เพื่อปรับผิวให้ขาวใส คือ “กลูตาไธโอน” (glutathione) ยิ่งสมัยนี้มีร้านค้าออนไลน์เยอะแยะไปหมด ไม่รู้ยี่ห้อไหนบ้าง หลายสิบหลายร้อยแบรนด์เต็มไปหมด คนนี้ก็แนะนำว่ายี่ห้อนั้นดี ส่วนอีกคนก็บอกว่าอันนี้ดีกว่า หรือบางคนไม่รู้จะเชื่อใครดี ลองกินทุกอย่าง คราวนี้แหละคนรอบข้างจะพูดให้เราได้ยินว่า เลือกกินให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ ออกกำลังกาย จะไม่ดีกว่าเหรอ? “นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา” อธิบดีกรมการแพทย์ บอกว่า สมัยนี้ความนิยมผิวขาวใสของสังคมไทยในยุคปัจจุบัน ทำให้หนุ่มสาวรุ่นใหม่แสวงหาวิธีที่จะทำให้ผิวขาวตามมา ไม่คำนึงถึงความปลอดภัย อย่างการปรับผิวให้ขาวใสด้วย “กลูตาไธโอน” ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่เซลล์ในร่างกายของคนสามารถสังเคราะห์ได้เอง “กลูตาไธโอน” มีคุณสมบัติเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ทำหน้าที่ในการปกป้องเนื้อเยื่อไม่ให้ถูกทำลายโดยสารอนุมูลอิสระที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกาย กระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย และที่สำคัญยังช่วยตับในการทำลายและขจัดสารพิษออกจากร่างกาย “การนำกลูตาไธโอนไปฉีด เพื่อให้ผิวขาวนั้น ถือว่าเป็นการประยุกต์ใช้ขึ้นมาเอง เพราะจะไปยับยั้งการสร้างเม็ดสี หรือที่เรียกว่า 'เมลานิน ' ซึ่งปัจจุบันทางการแพทย์ยังไม่มีการศึกษาที่น่าเชื่อถือ ยืนยันหรือรับรองประสิทธิภาพของกลูตาไธโอน ในการทำให้ผิวขาวได้อย่างแท้จริง” แล้วเหตุใด คนส่วนใหญ่จึงคิดว่า ฉีดแล้วได้ผล กินแล้วขาว ก็เพราะ...หลงเชื่อคำโฆษณา อวดอ้างสรรพคุณต่างๆทางสื่ออินเทอร์เน็ต จึงพากันไปฉีดเพียงเพื่อความสวยงาม โดยไม่คำนึงถึงอันตรายที่มีต่อร่างกายในระยะยาว ผลิตภัณฑ์กลูตาไธโอน ในท้องตลาดส่วนใหญ่อยู่ในรูป "ยาเม็ด" สำหรับรับประทาน ซึ่งกลูตาไธโอนนี้สามารถถูกทำลายได้ในทางเดินอาหาร ดังนั้น ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากการรับประทานกลูตาไธโอนในรูปแบบของยารับประทานนั้นแทบจะไม่มีเลย การพัฒนาและปรับประยุกต์ใช้จึงเริ่มขึ้น! พยายามนำกลูตาไธโอนในรูปแบบยาฉีดมาใช้แทนการรับประทาน เนื่องจากเชื่อว่ามีประสิทธิภาพในการทำให้ผิวขาวได้ดีกว่า แต่ประเด็นสำคัญของการใช้ยาฉีดกลูตาไธโอน คือ ความปลอดภัย "บางคนฉีดเป็นประจำทุก 1-2 สัปดาห์และฉีดในปริมาณที่เกินขนาด 2-3 เท่าตัว เพราะเข้าใจว่า ยิ่งทำให้ได้ผลลัพธ์ผิวขาวรวดเร็ว แต่มันยิ่งทำให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตราย เพราะเมื่อฉีดสารดังกล่าวเข้าเส้นเลือดดำ คนไข้มีโอกาสที่จะแพ้ตัวยา สารปนเปื้อน ทำให้มีอาการช็อก ความดันต่ำ หายใจไม่ออกและเสียชีวิตได้" อันตรายที่จะเกิดขึ้นต่อมา เมื่อร่างกายได้รับสารกลูตาไธโอนเป็นเวลานานๆ จะทำให้เม็ดสีเมลานินบริเวณผิวหนังที่ทำหน้าที่เหมือนฟิล์มกรองแสง ขาดเกราะป้องกันแสงอัลตราไวโอเลต ผิวหนังก็จะเกิดการระคายเคือง มีริ้วรอย เหี่ยวย่น แก่เร็ว และเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง ส่วนที่จอตาจะทำให้รับแสงได้น้อยลง และเสี่ยงต่อการมองเห็นในอนาคต "ร่างกายสามารถสร้างขึ้นเองได้จากอาหารจำพวกโปรตีน ไข่ นม รวมถึงผักผลไม้ประเภทหน่อไม้ฝรั่ง อะโวคาโดและวอลนัท ดังนั้นหากต้องการ มีผิวพรรณที่ดี ให้กินอาหารครบ 5 หมู่ เน้นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงเช่น ฝรั่ง ส้ม มะเขือเทศ ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ออกกำลังกายสม่ำเสมอ" ที่เตือน! เพราะ... เสี่ยงทั้งมะเร็งผิวหนัง และตาบอดได้ แต่หากอยากผิวเนียนใสและมีสุขภาพดี ควรเริ่มที่ตัวคุณ เพียงแค่ทานอาหารครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำสะอาด ออกกำลังกาย ก็ไม่ต้องระวังความเสี่ยง จะผิวขาว ผิวดำ แค่นี้ก็ชนะแบบใสๆ ทวีลาภ บวกทอง ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/article/373347
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)