ผู้ป่วยเบาหวานตรวจตาปีละครั้งป้องกันตาบอด
ผู้ป่วยเบาหวานมักพบโรคแทรกซ้อน เบาหวานขึ้นตา ควรรับการตรวจเป็นประจำปีละ 1 ครั้ง และผู้ที่ตั้งครรภ์ควรรับการตรวจทุก 3 เดือนจนกว่าจะคลอดบุตร กรมการแพทย์เตือนผู้ป่วยเบาหวานมักพบโรคแทรกซ้อน “เบาหวานขึ้นตา” ระบุผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 30 ปี ควรรับการตรวจเป็นประจำปีละ 1 ครั้ง และผู้ที่ตั้งครรภ์ควรรับการตรวจทุก 3 เดือนจนกว่าจะคลอดบุตร เพื่อป้องกันตาบอดจากเบาหวาน
นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์และโฆษกกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า เบาหวานเป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากความผิดปกติของร่างกาย ซึ่งไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้ได้ตามปกติ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงและถูกขับออกมาทางปัสสาวะ เนื่องจากร่างกายขาดฮอร์โมนอินซูลินจากการที่ตับอ่อนผลิตไม่พอใช้หรือผลิตแล้วใช้ไม่ได้ตามปกติ เมื่อมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงอยู่นานจะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมาทั้งเฉียบพลันและเรื้อรัง โรคเบาหวาน มี 2 ชนิด คือ ชนิดที่พึ่งอินซูลิน มักพบในเด็กหรือวัยรุ่น ต้องรักษาด้วยการฉีดอินซูลินทุกวันตลอดชีวิตถ้าขาดจะเป็นอันตรายได้ และชนิดที่ไม่พึ่งอินซูลินพบมากกว่าชนิดแรก ประมาณร้อยละ 90-95 ของคนไข้เบาหวาน มักพบในผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 40 ปี สำหรับอาการที่พบ เช่น ปัสสาวะบ่อยและมากในช่วงเวลากลางคืน ดื่มน้ำมาก หิวบ่อย กินจุ แต่น้ำหนักลด เป็นแผลหรือฝีง่ายแต่หายยาก คันตามผิวหนัง ตาพร่ามัว ชาปลายมือปลายเท้า ความรู้สึกทางเพศลดลง
ทั้งนี้ หนึ่งในภาวะแทรกซ้อนที่พบว่าเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน คือเบาหวานขึ้นตา เป็นโรคแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นกับจอประสาทตา เมื่อผู้ป่วยมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกตินานหลายปี จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเส้นเลือดฝอยในจอประสาทตา มีเม็ดเลือด น้ำเหลืองและไขมันซึมออกมาในจอประสาทตา ทำให้จอประสาทตาบวม ขาดออกซิเจน หากปล่อยทิ้งไว้จะมีเลือดออก น้ำวุ้นตาขุ่นมัว จอประสาทตาลอก และทำให้ตาบอดในที่สุด ซึ่งโอกาสการเกิดโรคเบาหวานขึ้นตาจะเป็นไปตามระยะเวลาที่เป็นโรคเบาหวาน เช่น เป็นโรคเบาหวานนาน 10 ปี มีโอกาสพบโรคเบาหวานขึ้นตาได้ประมาณ 10% เป็นนาน 15 ปี มีโอกาสพบโรคเบาหวานขึ้นตาได้ประมาณ 50% และถ้าป่วยนานถึง 25 ปี โอกาสพบโรคเบาหวานขึ้นตาจะเพิ่มเป็น 80-90%
โรคเบาหวานขึ้นตาเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่แสดงอาการในช่วงแรก ผู้ป่วยโรคเบาหวานจึงควรเข้ารับการตรวจตาจากจักษุแพทย์อย่างละเอียด เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานขึ้นตาตามช่วงอายุ หากมีอายุ 30 ปีหรือน้อยกว่า ควรได้รับการตรวจครั้งแรกหลังจาก 5 ปีที่พบว่าเป็นโรคเบาหวานเป็นประจำปีละ1 ครั้ง ส่วนผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีอายุมากกว่า 30 ปี เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานควรตรวจเป็นประจำปีละ 1 ครั้ง และผู้ที่ตั้งครรภ์ควรรับการตรวจทุก 3 เดือนจนกว่าจะคลอดบุตร
รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการแพทย์โดยโรงพยาบาลราชวิถี ได้จัดทำโครงการค้นหาผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อตาบอดจากโรคเบาหวานโดยใช้ภาพถ่ายจอประสาทตาในระบบดิจิทัล” เป็นโครงการป้องกันตาบอดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน ที่มุ่งพัฒนาบุคลากรสาธารณสุข พยาบาลและเจ้าหน้าที่เทคนิคในท้องที่ของชุมชนจังหวัดต่างๆ ให้สามารถอ่านภาพจอประสาทตาผ่านกล้องถ่ายภาพจอประสาทตาระบบดิจิทัลได้ ทำให้ประชาชนที่อาศัยในชุมชนที่ห่างไกลและไม่สามารถเข้าถึงบริการตรวจจอประสาทตาได้รับบริการที่มีคุณภาพ ทั้งนี้ ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรได้รับการตรวจตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อค้นหาภาวะเบาหวานเข้าจอประสาทตา และเป็นการป้องกันตาบอดจากโรคเบาหวาน
ขอบคุณ... http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/728912 (ขนาดไฟล์: 167)
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
ผู้ป่วยเบาหวานตรวจตาปีละครั้งป้องกันตาบอด ผู้ป่วยเบาหวานมักพบโรคแทรกซ้อน เบาหวานขึ้นตา ควรรับการตรวจเป็นประจำปีละ 1 ครั้ง และผู้ที่ตั้งครรภ์ควรรับการตรวจทุก 3 เดือนจนกว่าจะคลอดบุตร กรมการแพทย์เตือนผู้ป่วยเบาหวานมักพบโรคแทรกซ้อน “เบาหวานขึ้นตา” ระบุผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 30 ปี ควรรับการตรวจเป็นประจำปีละ 1 ครั้ง และผู้ที่ตั้งครรภ์ควรรับการตรวจทุก 3 เดือนจนกว่าจะคลอดบุตร เพื่อป้องกันตาบอดจากเบาหวาน นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์และโฆษกกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า เบาหวานเป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากความผิดปกติของร่างกาย ซึ่งไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้ได้ตามปกติ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงและถูกขับออกมาทางปัสสาวะ เนื่องจากร่างกายขาดฮอร์โมนอินซูลินจากการที่ตับอ่อนผลิตไม่พอใช้หรือผลิตแล้วใช้ไม่ได้ตามปกติ เมื่อมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงอยู่นานจะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมาทั้งเฉียบพลันและเรื้อรัง โรคเบาหวาน มี 2 ชนิด คือ ชนิดที่พึ่งอินซูลิน มักพบในเด็กหรือวัยรุ่น ต้องรักษาด้วยการฉีดอินซูลินทุกวันตลอดชีวิตถ้าขาดจะเป็นอันตรายได้ และชนิดที่ไม่พึ่งอินซูลินพบมากกว่าชนิดแรก ประมาณร้อยละ 90-95 ของคนไข้เบาหวาน มักพบในผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 40 ปี สำหรับอาการที่พบ เช่น ปัสสาวะบ่อยและมากในช่วงเวลากลางคืน ดื่มน้ำมาก หิวบ่อย กินจุ แต่น้ำหนักลด เป็นแผลหรือฝีง่ายแต่หายยาก คันตามผิวหนัง ตาพร่ามัว ชาปลายมือปลายเท้า ความรู้สึกทางเพศลดลง ทั้งนี้ หนึ่งในภาวะแทรกซ้อนที่พบว่าเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน คือเบาหวานขึ้นตา เป็นโรคแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นกับจอประสาทตา เมื่อผู้ป่วยมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกตินานหลายปี จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเส้นเลือดฝอยในจอประสาทตา มีเม็ดเลือด น้ำเหลืองและไขมันซึมออกมาในจอประสาทตา ทำให้จอประสาทตาบวม ขาดออกซิเจน หากปล่อยทิ้งไว้จะมีเลือดออก น้ำวุ้นตาขุ่นมัว จอประสาทตาลอก และทำให้ตาบอดในที่สุด ซึ่งโอกาสการเกิดโรคเบาหวานขึ้นตาจะเป็นไปตามระยะเวลาที่เป็นโรคเบาหวาน เช่น เป็นโรคเบาหวานนาน 10 ปี มีโอกาสพบโรคเบาหวานขึ้นตาได้ประมาณ 10% เป็นนาน 15 ปี มีโอกาสพบโรคเบาหวานขึ้นตาได้ประมาณ 50% และถ้าป่วยนานถึง 25 ปี โอกาสพบโรคเบาหวานขึ้นตาจะเพิ่มเป็น 80-90% โรคเบาหวานขึ้นตาเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่แสดงอาการในช่วงแรก ผู้ป่วยโรคเบาหวานจึงควรเข้ารับการตรวจตาจากจักษุแพทย์อย่างละเอียด เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานขึ้นตาตามช่วงอายุ หากมีอายุ 30 ปีหรือน้อยกว่า ควรได้รับการตรวจครั้งแรกหลังจาก 5 ปีที่พบว่าเป็นโรคเบาหวานเป็นประจำปีละ1 ครั้ง ส่วนผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีอายุมากกว่า 30 ปี เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานควรตรวจเป็นประจำปีละ 1 ครั้ง และผู้ที่ตั้งครรภ์ควรรับการตรวจทุก 3 เดือนจนกว่าจะคลอดบุตร รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการแพทย์โดยโรงพยาบาลราชวิถี ได้จัดทำโครงการค้นหาผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อตาบอดจากโรคเบาหวานโดยใช้ภาพถ่ายจอประสาทตาในระบบดิจิทัล” เป็นโครงการป้องกันตาบอดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน ที่มุ่งพัฒนาบุคลากรสาธารณสุข พยาบาลและเจ้าหน้าที่เทคนิคในท้องที่ของชุมชนจังหวัดต่างๆ ให้สามารถอ่านภาพจอประสาทตาผ่านกล้องถ่ายภาพจอประสาทตาระบบดิจิทัลได้ ทำให้ประชาชนที่อาศัยในชุมชนที่ห่างไกลและไม่สามารถเข้าถึงบริการตรวจจอประสาทตาได้รับบริการที่มีคุณภาพ ทั้งนี้ ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรได้รับการตรวจตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อค้นหาภาวะเบาหวานเข้าจอประสาทตา และเป็นการป้องกันตาบอดจากโรคเบาหวาน ขอบคุณ... http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/728912
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)