รายละเอียดกระทู้

นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย 24 ต.ค.56 นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน (กมธ.นิโทษกรรม) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม กมธ.นิรโทษกรรมฯ ว่า ในการนัดประชุมวันที่ 24 - 25 ต.ค.นี้ จะเป็นการเชิญผู้ที่เสนอคำแปรญัตติมาชี้แจงต่อกรรมาธิการฯ ทั้งนี้ มีผู้เสนอคำแปรญัตติรวม 163 คน โดยกรรมาธิการฯ จะรอผู้ที่มาชี้แจงไปจนถึง 16.30 น. ของทั้ง 2 วัน เบื้องต้นจะไม่มีการขยายเวลาให้ผู้ที่แปรญัตติที่ไม่สามารถมาชี้แจงได้ตามเวลาที่กรรมาธิการฯ กำหนด ทั้งนี้ ประชุมกรรมาธิการฯ จะเป็นเพียงการให้ผู้ที่สงวนคำแปรญัตติมาชี้แจงเท่านั้น โดยจะไม่มีการพิจารณาทบทวน หรือแก้ไขมติของกรรมาธิการฯ ที่ได้พิจารณารายละเอียดของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ทั้ง 7 มาตราที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จไปอย่างรอบคอบแล้วตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา “กรรมาธิการ ได้พิจารณาตามหลักการให้อภัยและยึดตามรัฐธรรมนูญ ส่วนคนที่ไม่เห็นด้วยขอให้สงวนความเห็นหรือแปรญัตติไว้ และเมื่อเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรก็จะให้ที่ประชุมเป็นผู้ตัดสิน และเมื่อตัดสินเช่นไรทั้งสภาฯ ต้องรับผิดชอบร่วมกัน ส่วนกรรมาธิการฯ ไม่มีหน้าที่ที่ทำผิดรัฐธรรมนูญหรือเจตนารมณ์ที่อยากให้เห็นความสามัคคี ปรองดองในบ้านเมือง โดยผมยืนยันว่า ไม่มีเรื่องที่เกี่ยวกับการคืนเงินให้กับบุคคลใดมาเกี่ยวข้อง” นายสามารถ กล่าว ผู้สื่อข่าวถามว่า เชื่อว่าร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ จะสามารถเข้าสู่ชั้นการพิจารณาวาระสอง และวาระสาม โดยไม่มีอุปสรรคหรือไม่ นายสามารถ กล่าวว่า กรรมาธิการฯ ทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายได้อย่างดีที่สุด ส่วนอะไรที่จะเป็นปัญหาความไม่เข้าใจหรือขัดแย้ง ตนคิดว่า หากทุกฝ่ายมีเหตุผล และปรารถนาอยากเห็นบ้านเมืองสามัคคีปรองดองและถอยคนละก้าว บ้านเมืองจะไปรอด แต่หากไม่ทำอะไร และปล่อยให้แต่ละฝ่ายทะเลาะกันต่อไปอีก 10 ปี คงไม่เป็นผลดีต่ออนาคตของประเทศ ทั้งนี้ หากนำประเด็นดังกล่าวไปสู่การเผชิญหน้าและขัดแย้งทางการเมือง ตนเป็นห่วงว่าเราอาจจะรักษาประชาธิปไตยไม่ได้ เพราะมีการเชิญระบบอื่นที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย คือการรัฐประหาร คือระบอบเผด็จการ ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า การเร่งออกกฎหมายนิรโทษกรรมถูกมองว่าเป็นใบสั่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และเป็นการเล่นเกมแก้แค้น นายสามารถ กล่าวว่า “เราทำกฎหมายฉบับนี้ ท่ามกลางกระแสความขัดแย้งของสังคมที่รุนแรง ย่อมมีความคิดและจินตนาการกันไปได้ โดยความคิดดังกล่าวมากเกินไปจนทำให้เราไม่สามารถแก้ปัญหาที่มีอยู่ ผมขอให้ทุกฝ่ายตั้งสติ อย่าไปมองอีกข้างหนึ่งในทางที่ไม่ดีจนเกินไป ผมขอให้พลังที่มีมาช่วยสร้างสรรค์ และแก้ปัญหา จริงอยู่อาจจะเจ็บปวด การผ่าตัดใหญ่ต้องเจ็บปวดบ้าง แต่หากจะรักษาโรคของบ้านเมือง ก็จำเป็น เจ็บปวด ให้อภัย แล้วทุกฝ่ายจะปรับตัว สุดท้ายบ้านเมืองจะเดินหน้าต่อไปได้ ก็ดีกว่าที่จะปล่อยให้เป็นโรคหมักหมมแล้วเกิดระเบิดขึ้นมา จนควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ บ้านเมืองจะเสียหาย” ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/detail/20131024/171197.html คมชัดลึกออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 24 ต.ค.56