หายนะ4แสนล. ‘อุ๋ย’เปิดตัวเลขเจ๊งจำนำข้าว/ปูไม่รู้ราคาขายจีน
มหกรรมประจานจำนำข้าว "ชายอุ๋ย" แฉ 2 ปีใช้เงินไปแล้ว 6.7 แสนล้านบาท จัดการเรื่องโกงไม่ได้เจ๊งยับ 4.25 แสนล้านบาท จี้ "ยิ่งลักษณ์" เลิกโครงการ แต่ทีดีอาร์ไอชี้เลิกยาก ระบบเศรษฐกิจข้าวไทยจะล้มแทน เพราะมีการเอื้อประโยชน์ทางการเมือง-การเงินของพรรคเพื่อไทย อนาถ! ตายยกเข่ง "ปู" ไม่รู้เอ็มโอยูขายข้าวจีนตันละเท่าไหร่ วีนนักข่าวอ้างขั้นตอนให้ไปถามพาณิชย์ แต่ "ยรรยง" ก็เอ๋อไม่รู้ใครซื้อใครขาย ทึกทักให้เอกชนขายก็นับเป็นจีทูจี
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดงาน "มหากาพย์จำนำข้าว สู่มหกรรมกอบกู้สุจริต ความรับผิดชอบทางจริยธรรมเป็นความจำเป็นในการพัฒนาประเทศ" : ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ณ ห้องประชุม 212 อาคารมหิตลาธิเบศร เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม โดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาถกฐาในหัวข้อ "จำนำข้าวเสียหายใหญ่หลวง ใครได้ประโยชน์"
ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่า โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (ปีการผลิต 2554/55 และ 2555/56) มีผลขาดทุนรวมกันสูงถึง 4.25 แสนล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นปีการผลิตแรก จำนวน 2.05 แสนล้านบาท และปีการผลิต 2555/56 อีก 2.2 แสนล้านบาท จากจำนวนข้าวที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 48.87 ล้านตัน
โดยหากพิจารณาการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวในปีการผลิต 2554/55 ที่มีผลขาดทุน 2.05 แสนล้านบาทนั้น ยังไม่ได้มีการคำนวณรวมผลสูญเสียจากสต็อกข้าวที่หายไปกว่า 1 ล้านตัน คิดเป็นวงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท และการเล่นแร่แปรธาตุจากการระบายข้าวของรัฐบาล ซึ่งทำให้รัฐบาลได้เงินไม่ครบตามจำนวนจากการขายข้าวทั้งหมดด้วย
"โครงการรับจำนำข้าว 1.5 หมื่นบาทต่อตัน ทำให้รัฐบาลสูญเสียและเสียหายมากที่สุด จากการใช้วงเงินดำเนินการสูงถึง 6.7 แสนล้านบาท ซึ่งมีการระบายข้าวได้น้อยมาก โดยคาดว่ารัฐบาลจะสามารถระบายข้าวที่อยู่ในสต็อกจำนวนมหาศาลได้หมดภายในปี 2558"
ม.ร.ว.ปรีดิยาธรเผยว่า ได้ทำจดหหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี ให้พิจารณาแนวทางการดำเนินการอื่นๆ ที่ไม่ใช่ลักษณะไปดึงข้าวให้มารวมกันในมือรัฐบาล อาทิ แนวทางเดียวกับการแก้ปัญหายางพาราตกต่ำ หรือการจ่ายช่วยเหลือ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายจากการเน่าเสียของข้าว รวมถึงหันมาค้าขายข้าวผ่านระบบการค้าของเอกชนที่ทำได้ดีอยู่แล้ว โดยไม่เกิดความเสียหายแก่รัฐ และเพื่อป้องกันไม่ให้มีการเปิดโอกาสให้ผู้อื่นหาประโยชน์ได้
แก้โกงไม่ได้
โดยการดำเนินการที่ผ่านมาเกิดผลสูญเสียจำนวนมาก ซึ่งเป็นผลเสียต่องบประมาณของชาติ ขณะที่ชาวนาได้รับประโยชน์ไม่ถึงครึ่ง แต่มีผู้อื่นที่เข้ามาหาประโยชน์เข้าตนเองมากกว่า 1.15 แสนล้านบาทในช่วงเวลา 2 ปี ที่ผ่านมา ระยะเวลาได้พิสูจน์แล้วว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่สามารถสกัดกั้นการคอร์รัปชันของโครงการนี้ได้เลย
"ยืนยันว่าพร้อมจะเลิกเล่นการเมือง หากสามารถทำให้รัฐบาลยุติโครงการรับจำนำข้าวได้ โดยก่อนหน้านี้ได้มีการอ่านทบทวนจดหมายเปิดผนึกดังกล่าวอย่างรอบคอบ เนื่องจากกังวลว่าจะมีการใช้คำรุนแรง และไม่เหมาะสมกับผู้หญิง ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี" ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าว
ด้านนายอัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ปาถกฐา เรื่อง 1 ศตวรรษของผู้สุจริต ว่า ที่ผ่านมารัฐบาลโกหกเรื่องการระบายข้าวมาโดยตลอด เพราะไม่มีใครสามารถรับรู้แผนการระบายข้าวเลย ภาระหนี้สินจากการดำเนินโครงการดังกล่าวกำลังเริ่มเป็นปัญหาอย่างรุนแรงด้วย และเรื่องนี้เองกระทรวงการคลังเริ่มเห็นค่าใช้จ่ายและการขาดทุนที่เพิ่มขึ้น จากตัวเลขทั้งหมดทำให้กระทรวงการคลังหนักใจ และไม่อยากให้กู้ยืมเพื่อดำเนินการอีกต่อไป
นายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ TDRI เปิดเผยในการปาถกฐาหัวข้อ "จำนำข้าว ล้มเหลวแล้วล้มลุก" โดยประเมินว่า หากระบายข้าว 3 ปีการผลิตล่าช้า 5 ปี จะขาดทุนสูงถึง 4 แสนล้านบาท 10 ปีขาดทุน 5 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ โครงการรับจำนำข้าวยังมีผลการขาดทุนจาก การอุดหนุนชาวนา 60% การขายข้าวราคาถูกให้พรรคพวก 30% การอุดหนุนผู้บริโภค 2% และต้นทุนดำเนินการ 8% โดยฝ่ายการเมืองเป็นสาเหตุหลักของการขาดทุน โครงการดังกล่าวยังสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจข้าวไทย ทำลายระบบการค้าข้าวไทย และทดแทนด้วยระบบทุนนิยมพรรคพวก
"ยืนยันว่าระบบจำนำข้าวเอื้อทุจริตทุกขั้นตอน โดยหลักฐานการทุจริตจากการระบายข้าว ได้แก่ ข้าวหายไปจากบัญชี 2.9 ล้านตัน การส่งออกข้าวนึ่งในปี 2555 จำนวน 2.17 ล้านตัน รัฐบาลยืนยันว่ามีการส่งออกข้าวแบบจีทูจีกับ 6 ประเทศจริง จำนวน 1.76 ล้านตัน ในปีที่ผ่านมา แต่ไม่มีตัวเลขแท้จริงยืนยัน โดยมองว่าอาจเป็นข้ออ้างของรัฐบาลเท่านั้น"
เขาชี้ว่าโครงการนี้เลิกยาก แต่ระบบเศรษฐกิจข้าวไทยจะล้มแทน เพราะมีการเอื้อประโยชน์ทางการเมือง การเงิน แก่ทุกฝ่าย และเป็นโครงการสำคัญที่สุดของพรรคเพื่อไทย
'ธีระชัย' ชี้คนรุ่นหลังซวย
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.การคลัง เปิดเผยว่า การขาดทุนในระดับ 4 แสนล้านบาท หากเกิดขึ้นจริงจะเพิ่มภาระหนี้สาธารณะของประเทศ ซึ่งอาจสร้างความเดือดร้อนให้คนรุ่นหลังได้ วิธีที่จะสามารถช่วยลดการขาดทุนได้คือ การใช้วิธีการจ่ายเงินให้กับเกษตรกรโดยตรง ด้วยการโอนผ่านบัญชี ธ.ก.ส. ซึ่งต้องกำหนดว่าจะจ่ายให้ตันละเท่าไร โดยวิธีนี้จะทำให้ทราบถึงจำนวนเงินที่จะใช้จ่ายในโครงการที่ชัดเจน
นายณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ไม่ใช่ว่ารัฐบาลไม่รู้ หรือไม่ฉลาดว่าโครงการรับจำนำข้าวจะมีผลขาดทุนจำนวนมหาศาล แต่รัฐบาลก็ยังจะทำและบิดเบือน ปกปิดข้อมูล ปัจจุบันชาวนาไม่ได้มีรายได้จากภาคเกษตรเพิ่มขึ้น แต่รายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากนอกภาคเกษตร จากการที่บุตรหลานส่งเงินมาให้มากกว่า
นายเดชา ศิริภัทร มูลนิธิข้าวขวัญ (ภาคกลาง) กล่าวว่า ชาวนาไทยควรจะตื่นตัว และเลิกสนับสนุนโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล เพราะไม่ช่วยทำให้เกิดประโยชน์ที่แท้จริง และที่ผ่านมาชาวนาเปรียบเหมือนการพายเรือให้โจรนั่ง จึงอยากให้คิดทบทวนโครงการนี้ใหม่
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า ภาคเอกชนไทยได้มีการสอบถามบริษัทคอฟโก หรือรัฐวิสาหกิจจีนที่รับผิดชอบซื้อข้าวจากต่างประเทศ ซึ่งเดินทางมาประเทศไทยร่วมกับคณะของนายกรัฐมนตรีของจีน ระบุว่าไม่ทราบว่าไทยมีการขายข้าว 1.2 ล้านตันให้กับบริษัท เป่ยต้าหวง กรุ๊ป ซึ่งตั้งอยู่เมืองเฮย์หลงเจียง มณฑลฮาบิน และตั้งข้อสังเกตว่า ปกติเมืองเฮย์หลงเจียง ที่ตั้งอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน จะมีการนำเข้าในปริมาณน้อยมากไม่ถึง 1 ล้านตัน และบริโภคข้าวเมล็ดสั้น ไม่ใช่เมล็ดยาวเหมือนลักษณะข้าวไทย
แหล่งข่าวจากกรมการค้าต่างประเทศกล่าวว่า ภายในต.ค.นี้จะมีการลงนามซื้อขายข้าวกับบริษัท เป่ยต้าหวงฯ แน่นอน แต่ปริมาณที่เซ็นสัญญาซื้อข้าวอาจไม่ครบทั้ง 1.2 ล้านตัน แต่เป็นการเซ็นสัญญาซื้อขายบางส่วนก่อน ปริมาณเบื้องต้นน่าจะอยู่ที่ 2-3 แสนตัน
ก่อนหน้านี้ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า สาเหตุที่เซ็นสัญญาซื้อขายข้าว 1.2 ล้านตันล่าช้า เพราะติดเงื่อนไขของการทำรายละเอียดสัญญา แต่ยืนยันว่าจะต้องมีการเซ็นสัญญากับจีนอย่างแน่นอนภายใน ต.ค.นี้ แต่ปริมาณที่จะมีการนำเข้าในช่วงสิ้นปีนี้อาจเป็นลักษณะการทยอยนำเข้าไม่มาก หรือหลัก 2 แสนตัน
'ยิ่งลักษณ์' ไม่รู้สักเรื่อง
ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์ยืนยันรัฐบาลไทยได้ลงนามเอ็มโอยูขายข้าวให้กับ รัฐบาลจีน ซึ่งรายละเอียดต้องให้กระทรวงพาณิชย์ไปหารือในวิธีการอีกที
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขายราคาตันละเท่าไหร่ นายกฯ กล่าวทันทีว่า ราคาไม่ทราบ เพราะอันนี้เป็นขั้นตอนที่กระทรวงพาณิชย์ต้องว่าไปในส่วนของคณะกรรมการระบาย ข้าว
ซักว่า ทำไมขายข้าวแล้วไม่มีการตกลงเรื่องราคา นายกฯ อุทานว่า อ้าว! ขอโทษนะ ต้องเรียนว่ามันมีขั้นตอน เราในฐานะภาครัฐเจรจาเรื่องหลักการเอ็มโอยูเป็นเรื่องความร่วมมือในหลักการ ส่วนรายละเอียดที่จะลงในสัญญาราคาต่างๆ คณะกรรมการระบายข้าวจะต้องเป็นคนทำ
ถามว่า ทำไมบริษัทที่รับผิดชอบการนำเข้าข้าวของรัฐบาลจีนออกมาบอกว่า ไม่ได้มีการรับซื้อข้าวจากไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า อันนี้ไม่เกี่ยว อันนี้เป็นเรื่องของรัฐไม่เกี่ยวกับภาคเอกชน ซึ่งเอกชนยังคงดำเนินการไปตามขั้นตอน แต่อันนี้เป็นเรื่องของรัฐบาลกับรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลจะทำอย่างไรเป็นรายละเอียดที่ต้องหารือกับกระทรวงพาณิชย์ โดยจะต้องไปประชุมกับกระทรวงพาณิชย์ของทางรัฐบาลจีนอีกครั้ง
เมื่อถามว่า ภายในปีนี้ส่งมอบได้หรือไม่ นายกฯ ตอบทันทีว่า ไม่ทราบ อย่างที่เรียนเป็นความร่วมมือที่จีนยืนยันจะรับซื้อข้าวไทยปีละ 1 ล้านตัน แต่รายละเอียดคงต้องให้กระทรวงพาณิชย์ไปพูดคุยกัน
ซักว่า ทำไมนายกฯ จึงไม่ถามรายละเอียดอะไรเลย น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบว่า ไปถามรัฐมนตรีพาณิชย์บ้าง ส่วนตัวเลขขาดทุนเดี๋ยวให้กระทรวงพาณิชย์ชี้แจง เพราะต้องรอปิดบัญชีอย่างเป็นทางการ
ถามว่า การขายข้าวให้กับจีนเป็นการลงนามเอ็มโอยูใช่หรือไม่ นายกฯ แจงว่า เป็นเอ็มโอยู ซึ่งเดิมเป็นเอ็มโอยูที่ออกมา 1 ล้านตันภายใน 5 ปี แต่จีนเห็นความร่วมมือของรัฐบาลไทย เขาจะเปลี่ยนแปลงใหม่ก็คงต้องไปหารือรายละเอียดข้างใน
สุดท้ายเธอบอกว่า ให้ฝ่ายโฆษกแถลงข่าวดีกว่า จากนั้นจึงรีบเดินออกจากวงผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ
นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ทางการจีนตัดสินใจซื้อข้าวแบบรัฐต่อรัฐจากไทยเพิ่ม จากปกติจีนจะซื้อข้าวแบบรัฐต่อรัฐในงบประมาณที่จำกัด เพียงแค่ 1 ล้านตัน ในระยะเวลา 5 ปี หรือปีละ 2 แสนตันเท่านั้น แต่ด้วยความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมากขึ้น ทำให้นายหลี่เค่อเฉียง ประกาศจะซื้อข้าวจากไทยแบบรัฐต่อรัฐ ซึ่งมีการแบ่งเงินมาเรียบร้อยแล้วจากงบประมาณของจีนเป็นปีละ 1 ล้านตัน โดยมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ไปดำเนินการต่อ
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามนายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ ถึงข้อตกลงที่จีนจะซื้อข้าวจากรัฐบาลไทยปีละ 1 ล้านตัน เป็นเวลา 5 ปี ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีจีนเยือนไทยนั้น ได้ความว่า ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ารวมข้าวที่ซื้อจากเอกชนด้วยหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะซื้อจากรัฐบาลหรือเอกชนไทย ก็ถือว่าเป็นการซื้อข้าวไทยในรูปแบบ (จีทูจี) ได้เช่นกัน เพราะเอกชนไทยก็ต้องมาซื้อข้าวในสต็อกของรัฐบาล
นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม.เห็นชอบการจัดสรรวงเงินเพิ่มเติม 6,660 ล้านบาท ในการช่วยเหลือเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกประจำปีการผลิต 55/56 ที่มาขึ้นทะเบียนตามกรอบระยะเวลาคือภายใน 15 ก.ย.56 แต่เนื่องจากปริมาณข้าวที่เกษตรกรนำมาเข้าโครงการมากกว่ากรอบรับจำนำที่ กำหนดไว้ 22 ล้านตัน โดยมีข้าวมากกว่ากรอบที่กำหนดไว้จำนวน 4.25-4.5 แสนตัน และ ธ.ก.ส.ชะลอการจ่ายเงินไว้ ครม.จึงอนุมัติการจัดสรรเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมดังกล่าว.
ขอบคุณ... http://www.thaipost.net/news/161013/80782 (ขนาดไฟล์: 167)
ไทยโพสต์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 16 ต.ค.56
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
มหกรรมประจานจำนำข้าว "ชายอุ๋ย" แฉ 2 ปีใช้เงินไปแล้ว 6.7 แสนล้านบาท จัดการเรื่องโกงไม่ได้เจ๊งยับ 4.25 แสนล้านบาท จี้ "ยิ่งลักษณ์" เลิกโครงการ แต่ทีดีอาร์ไอชี้เลิกยาก ระบบเศรษฐกิจข้าวไทยจะล้มแทน เพราะมีการเอื้อประโยชน์ทางการเมือง-การเงินของพรรคเพื่อไทย อนาถ! ตายยกเข่ง "ปู" ไม่รู้เอ็มโอยูขายข้าวจีนตันละเท่าไหร่ วีนนักข่าวอ้างขั้นตอนให้ไปถามพาณิชย์ แต่ "ยรรยง" ก็เอ๋อไม่รู้ใครซื้อใครขาย ทึกทักให้เอกชนขายก็นับเป็นจีทูจี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดงาน "มหากาพย์จำนำข้าว สู่มหกรรมกอบกู้สุจริต ความรับผิดชอบทางจริยธรรมเป็นความจำเป็นในการพัฒนาประเทศ" : ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ณ ห้องประชุม 212 อาคารมหิตลาธิเบศร เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม โดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาถกฐาในหัวข้อ "จำนำข้าวเสียหายใหญ่หลวง ใครได้ประโยชน์" ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่า โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (ปีการผลิต 2554/55 และ 2555/56) มีผลขาดทุนรวมกันสูงถึง 4.25 แสนล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นปีการผลิตแรก จำนวน 2.05 แสนล้านบาท และปีการผลิต 2555/56 อีก 2.2 แสนล้านบาท จากจำนวนข้าวที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 48.87 ล้านตัน โดยหากพิจารณาการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวในปีการผลิต 2554/55 ที่มีผลขาดทุน 2.05 แสนล้านบาทนั้น ยังไม่ได้มีการคำนวณรวมผลสูญเสียจากสต็อกข้าวที่หายไปกว่า 1 ล้านตัน คิดเป็นวงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท และการเล่นแร่แปรธาตุจากการระบายข้าวของรัฐบาล ซึ่งทำให้รัฐบาลได้เงินไม่ครบตามจำนวนจากการขายข้าวทั้งหมดด้วย "โครงการรับจำนำข้าว 1.5 หมื่นบาทต่อตัน ทำให้รัฐบาลสูญเสียและเสียหายมากที่สุด จากการใช้วงเงินดำเนินการสูงถึง 6.7 แสนล้านบาท ซึ่งมีการระบายข้าวได้น้อยมาก โดยคาดว่ารัฐบาลจะสามารถระบายข้าวที่อยู่ในสต็อกจำนวนมหาศาลได้หมดภายในปี 2558" ม.ร.ว.ปรีดิยาธรเผยว่า ได้ทำจดหหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี ให้พิจารณาแนวทางการดำเนินการอื่นๆ ที่ไม่ใช่ลักษณะไปดึงข้าวให้มารวมกันในมือรัฐบาล อาทิ แนวทางเดียวกับการแก้ปัญหายางพาราตกต่ำ หรือการจ่ายช่วยเหลือ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายจากการเน่าเสียของข้าว รวมถึงหันมาค้าขายข้าวผ่านระบบการค้าของเอกชนที่ทำได้ดีอยู่แล้ว โดยไม่เกิดความเสียหายแก่รัฐ และเพื่อป้องกันไม่ให้มีการเปิดโอกาสให้ผู้อื่นหาประโยชน์ได้ แก้โกงไม่ได้ โดยการดำเนินการที่ผ่านมาเกิดผลสูญเสียจำนวนมาก ซึ่งเป็นผลเสียต่องบประมาณของชาติ ขณะที่ชาวนาได้รับประโยชน์ไม่ถึงครึ่ง แต่มีผู้อื่นที่เข้ามาหาประโยชน์เข้าตนเองมากกว่า 1.15 แสนล้านบาทในช่วงเวลา 2 ปี ที่ผ่านมา ระยะเวลาได้พิสูจน์แล้วว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่สามารถสกัดกั้นการคอร์รัปชันของโครงการนี้ได้เลย "ยืนยันว่าพร้อมจะเลิกเล่นการเมือง หากสามารถทำให้รัฐบาลยุติโครงการรับจำนำข้าวได้ โดยก่อนหน้านี้ได้มีการอ่านทบทวนจดหมายเปิดผนึกดังกล่าวอย่างรอบคอบ เนื่องจากกังวลว่าจะมีการใช้คำรุนแรง และไม่เหมาะสมกับผู้หญิง ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี" ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าว ด้านนายอัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ปาถกฐา เรื่อง 1 ศตวรรษของผู้สุจริต ว่า ที่ผ่านมารัฐบาลโกหกเรื่องการระบายข้าวมาโดยตลอด เพราะไม่มีใครสามารถรับรู้แผนการระบายข้าวเลย ภาระหนี้สินจากการดำเนินโครงการดังกล่าวกำลังเริ่มเป็นปัญหาอย่างรุนแรงด้วย และเรื่องนี้เองกระทรวงการคลังเริ่มเห็นค่าใช้จ่ายและการขาดทุนที่เพิ่มขึ้น จากตัวเลขทั้งหมดทำให้กระทรวงการคลังหนักใจ และไม่อยากให้กู้ยืมเพื่อดำเนินการอีกต่อไป นายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ TDRI เปิดเผยในการปาถกฐาหัวข้อ "จำนำข้าว ล้มเหลวแล้วล้มลุก" โดยประเมินว่า หากระบายข้าว 3 ปีการผลิตล่าช้า 5 ปี จะขาดทุนสูงถึง 4 แสนล้านบาท 10 ปีขาดทุน 5 แสนล้านบาท นอกจากนี้ โครงการรับจำนำข้าวยังมีผลการขาดทุนจาก การอุดหนุนชาวนา 60% การขายข้าวราคาถูกให้พรรคพวก 30% การอุดหนุนผู้บริโภค 2% และต้นทุนดำเนินการ 8% โดยฝ่ายการเมืองเป็นสาเหตุหลักของการขาดทุน โครงการดังกล่าวยังสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจข้าวไทย ทำลายระบบการค้าข้าวไทย และทดแทนด้วยระบบทุนนิยมพรรคพวก "ยืนยันว่าระบบจำนำข้าวเอื้อทุจริตทุกขั้นตอน โดยหลักฐานการทุจริตจากการระบายข้าว ได้แก่ ข้าวหายไปจากบัญชี 2.9 ล้านตัน การส่งออกข้าวนึ่งในปี 2555 จำนวน 2.17 ล้านตัน รัฐบาลยืนยันว่ามีการส่งออกข้าวแบบจีทูจีกับ 6 ประเทศจริง จำนวน 1.76 ล้านตัน ในปีที่ผ่านมา แต่ไม่มีตัวเลขแท้จริงยืนยัน โดยมองว่าอาจเป็นข้ออ้างของรัฐบาลเท่านั้น" เขาชี้ว่าโครงการนี้เลิกยาก แต่ระบบเศรษฐกิจข้าวไทยจะล้มแทน เพราะมีการเอื้อประโยชน์ทางการเมือง การเงิน แก่ทุกฝ่าย และเป็นโครงการสำคัญที่สุดของพรรคเพื่อไทย 'ธีระชัย' ชี้คนรุ่นหลังซวย นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.การคลัง เปิดเผยว่า การขาดทุนในระดับ 4 แสนล้านบาท หากเกิดขึ้นจริงจะเพิ่มภาระหนี้สาธารณะของประเทศ ซึ่งอาจสร้างความเดือดร้อนให้คนรุ่นหลังได้ วิธีที่จะสามารถช่วยลดการขาดทุนได้คือ การใช้วิธีการจ่ายเงินให้กับเกษตรกรโดยตรง ด้วยการโอนผ่านบัญชี ธ.ก.ส. ซึ่งต้องกำหนดว่าจะจ่ายให้ตันละเท่าไร โดยวิธีนี้จะทำให้ทราบถึงจำนวนเงินที่จะใช้จ่ายในโครงการที่ชัดเจน นายณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ไม่ใช่ว่ารัฐบาลไม่รู้ หรือไม่ฉลาดว่าโครงการรับจำนำข้าวจะมีผลขาดทุนจำนวนมหาศาล แต่รัฐบาลก็ยังจะทำและบิดเบือน ปกปิดข้อมูล ปัจจุบันชาวนาไม่ได้มีรายได้จากภาคเกษตรเพิ่มขึ้น แต่รายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากนอกภาคเกษตร จากการที่บุตรหลานส่งเงินมาให้มากกว่า นายเดชา ศิริภัทร มูลนิธิข้าวขวัญ (ภาคกลาง) กล่าวว่า ชาวนาไทยควรจะตื่นตัว และเลิกสนับสนุนโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล เพราะไม่ช่วยทำให้เกิดประโยชน์ที่แท้จริง และที่ผ่านมาชาวนาเปรียบเหมือนการพายเรือให้โจรนั่ง จึงอยากให้คิดทบทวนโครงการนี้ใหม่ รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า ภาคเอกชนไทยได้มีการสอบถามบริษัทคอฟโก หรือรัฐวิสาหกิจจีนที่รับผิดชอบซื้อข้าวจากต่างประเทศ ซึ่งเดินทางมาประเทศไทยร่วมกับคณะของนายกรัฐมนตรีของจีน ระบุว่าไม่ทราบว่าไทยมีการขายข้าว 1.2 ล้านตันให้กับบริษัท เป่ยต้าหวง กรุ๊ป ซึ่งตั้งอยู่เมืองเฮย์หลงเจียง มณฑลฮาบิน และตั้งข้อสังเกตว่า ปกติเมืองเฮย์หลงเจียง ที่ตั้งอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน จะมีการนำเข้าในปริมาณน้อยมากไม่ถึง 1 ล้านตัน และบริโภคข้าวเมล็ดสั้น ไม่ใช่เมล็ดยาวเหมือนลักษณะข้าวไทย แหล่งข่าวจากกรมการค้าต่างประเทศกล่าวว่า ภายในต.ค.นี้จะมีการลงนามซื้อขายข้าวกับบริษัท เป่ยต้าหวงฯ แน่นอน แต่ปริมาณที่เซ็นสัญญาซื้อข้าวอาจไม่ครบทั้ง 1.2 ล้านตัน แต่เป็นการเซ็นสัญญาซื้อขายบางส่วนก่อน ปริมาณเบื้องต้นน่าจะอยู่ที่ 2-3 แสนตัน ก่อนหน้านี้ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า สาเหตุที่เซ็นสัญญาซื้อขายข้าว 1.2 ล้านตันล่าช้า เพราะติดเงื่อนไขของการทำรายละเอียดสัญญา แต่ยืนยันว่าจะต้องมีการเซ็นสัญญากับจีนอย่างแน่นอนภายใน ต.ค.นี้ แต่ปริมาณที่จะมีการนำเข้าในช่วงสิ้นปีนี้อาจเป็นลักษณะการทยอยนำเข้าไม่มาก หรือหลัก 2 แสนตัน 'ยิ่งลักษณ์' ไม่รู้สักเรื่อง ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์ยืนยันรัฐบาลไทยได้ลงนามเอ็มโอยูขายข้าวให้กับ รัฐบาลจีน ซึ่งรายละเอียดต้องให้กระทรวงพาณิชย์ไปหารือในวิธีการอีกที ผู้สื่อข่าวถามว่า ขายราคาตันละเท่าไหร่ นายกฯ กล่าวทันทีว่า ราคาไม่ทราบ เพราะอันนี้เป็นขั้นตอนที่กระทรวงพาณิชย์ต้องว่าไปในส่วนของคณะกรรมการระบาย ข้าว ซักว่า ทำไมขายข้าวแล้วไม่มีการตกลงเรื่องราคา นายกฯ อุทานว่า อ้าว! ขอโทษนะ ต้องเรียนว่ามันมีขั้นตอน เราในฐานะภาครัฐเจรจาเรื่องหลักการเอ็มโอยูเป็นเรื่องความร่วมมือในหลักการ ส่วนรายละเอียดที่จะลงในสัญญาราคาต่างๆ คณะกรรมการระบายข้าวจะต้องเป็นคนทำ ถามว่า ทำไมบริษัทที่รับผิดชอบการนำเข้าข้าวของรัฐบาลจีนออกมาบอกว่า ไม่ได้มีการรับซื้อข้าวจากไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า อันนี้ไม่เกี่ยว อันนี้เป็นเรื่องของรัฐไม่เกี่ยวกับภาคเอกชน ซึ่งเอกชนยังคงดำเนินการไปตามขั้นตอน แต่อันนี้เป็นเรื่องของรัฐบาลกับรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลจะทำอย่างไรเป็นรายละเอียดที่ต้องหารือกับกระทรวงพาณิชย์ โดยจะต้องไปประชุมกับกระทรวงพาณิชย์ของทางรัฐบาลจีนอีกครั้ง เมื่อถามว่า ภายในปีนี้ส่งมอบได้หรือไม่ นายกฯ ตอบทันทีว่า ไม่ทราบ
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)