"การเมือง" กำลังกลืนกินประเทศ
ย่างเข้าสู่เดือนตุลาคมอันเป็นวันเริ่มต้นปีงบประมาณใหม่ แต่ปีนี้ยังไม่สามารถใช้ได้ เพราะยังมีเรื่องค้างคาอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญจนกว่าจะมีชี้ขาดว่าขัดรัฐ ธรรมนูญหรือไม่เพราะมีคำร้องอันเกี่ยวเนื่องมาจากการยื่นคำร้องในประเด็นการ ตัดงบประมาณขององค์กรอิสระต่างๆ
ว่าที่จริงแล้วเรื่องนี้ไม่น่าจะมี ปัญหาอะไร เพราะเป็นเรื่องฝ่ายบริหารในการจัดงบประมาณให้กับหน่วยงานต่างๆ อันเป็นงาน “รูทีน” ตามปกติหน่วยงานไหนได้มากได้น้อยก็อยู่ที่การจัดสรรตามสภาพความเป็นจริง
ทว่า เมื่อเรื่องนี้กลายเป็นประเด็นการเมืองขึ้นมามันก็เลยวุ่นๆอย่างที่เห็นกัน อยู่ ทำให้การใช้จ่ายงบประมาณต้องล่าช้าออกไป การพิจารณาเรื่องนี้ว่ากันว่าศาลรัฐธรรมนูญจะเรียกองค์กรอิสระมาชี้แจงข้อ เท็จจริงว่าเป็นอย่างไร
เอาเข้าจริงแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
แต่ ที่เสียดายก็คือเวลาที่จะต้องล่าช้าออกไป การจ่ายใช้งบประมาณในสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างนี้ทำให้เกิดปัญหาแทนที่จะนำเงินไปใช้ จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วก็ทำไม่ได้อย่างที่ควรจะเป็น
“การเมือง” ที่เอาชนะคะคานกันแบบนี้มันไม่เป็นผลดีต่อชาติบ้านเมืองไม่ว่าจะมองในมุมไหนก็ตาม
นอก จากเรื่องงบประมาณแล้ว บรรดาข้าราชการที่ต้องเกษียณ อายุราชการก็ต้องพ้นจากแวดวงนี้ไปวิถีชีวิตใหม่ หวังว่าทุกคนคงมีการเตรียมการเพื่อดำเนินชีวิตต่อไป การปรับตัวเพื่อรับกับสภาพใหม่ๆจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนพวกที่ ได้ขยับขับเคลื่อนไปสู่ตำแหน่งใหม่ๆ ทั้งที่สูงขึ้นหรือต้องโยกย้ายไปจากตำแหน่งเดิมๆ ซึ่งก็มีทั้งที่สมหวังและผิดหวังอันเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในทุกๆปี
ยิ่งสถานภาพของข้าราชการในยุคสมัยนี้คงเห็นได้ชัดแล้วว่าการเติบโตก้าวหน้าใน อาชีพราชการนั้นต่างกับหลายยุคหลายสมัยที่ผ่านมา หมายความว่า ใครมีฝีมือมีความสามารถโอกาสที่เติบโตจะมีมากกว่าปัจจุบัน
เพราะการเมืองทุกวันนี้แทรกเข้าไปทุกกระทรวง ทบวง กรม ใครไม่มีเส้นสายการเมืองโอกาสแทบจะไม่มี
กลายเป็นปัญหาใหญ่ของระบบราชการไทยไปแล้ว
ทุกวันนี้ข้าราชการคนไหนต้องการได้ตำแหน่งโน่นต้องบินไปพบคนแดนไกล ไม่ว่าจะอยู่ประเทศไหนก็ต้องดั้นด้นไปให้ได้
ไม่ไปเองก็ต้องมีคนพาไป มิฉะนั้นไม่ได้ตำแหน่งแน่
ระยะหลังทุกปีที่ผ่านมาเกิดสภาพเช่นนี้มาตลอดจนทำให้ระบบเส้นสายกลายเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าความเก่งความสามารถ
มี การสำรวจบุคลากรในวงราชการโดยเฉพาะที่อยู่ในตำแหน่งสำคัญๆปรากฏว่าหาคนเก่ง ได้ยากขึ้น เพราะที่ขึ้นมาเป็นใหญ่เป็นโตแบบข้ามหัวเพื่อนข้าราชการด้วยกันมันเป็นแบบ ว่า “ค่าของคนอยู่ที่คนของใคร”
เหล่านี้คือภาวะที่น่าวิตกกังวลเป็น อย่างยิ่งหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป เพราะข้าราชการระดับหัวแถวไม่เก่งจริงแต่มีความสามารถที่จะสนองการเมืองได้ รับใบสั่งได้ รับงานได้ การบริหารงานในระบบราชการมันก็เกิดปัญหาแน่
เสียดายก็บรรดาข้าราชการที่มีความสามารถ ซื่อสัตย์ สุจริต
ทำงานดีแต่ไม่ยอมขึ้นตรงต่ออำนาจการเมืองก็ต้องเจ็บปวด ขาดขวัญกำลังใจ อยู่กันไปวันๆ
แน่ นอนว่างานในระบบราชการก็จะขาดประสิทธิภาพไปโดยปริยาย ทุกวันนี้ความจริงมันปรากฏออกมาแล้วจากสภาพสังคมปัจจุบันที่เสื่อมทรามลง อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
มันเป็นการเมืองที่กลืนกินประเทศอย่างน่าใจหาย….โดย“สายล่อฟ้า”
ขอบคุณ... http://m.thairath.co.th/content/pol/372983
ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 30 ก.ย.56
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
ย่างเข้าสู่เดือนตุลาคมอันเป็นวันเริ่มต้นปีงบประมาณใหม่ แต่ปีนี้ยังไม่สามารถใช้ได้ เพราะยังมีเรื่องค้างคาอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญจนกว่าจะมีชี้ขาดว่าขัดรัฐ ธรรมนูญหรือไม่เพราะมีคำร้องอันเกี่ยวเนื่องมาจากการยื่นคำร้องในประเด็นการ ตัดงบประมาณขององค์กรอิสระต่างๆ ว่าที่จริงแล้วเรื่องนี้ไม่น่าจะมี ปัญหาอะไร เพราะเป็นเรื่องฝ่ายบริหารในการจัดงบประมาณให้กับหน่วยงานต่างๆ อันเป็นงาน “รูทีน” ตามปกติหน่วยงานไหนได้มากได้น้อยก็อยู่ที่การจัดสรรตามสภาพความเป็นจริง ทว่า เมื่อเรื่องนี้กลายเป็นประเด็นการเมืองขึ้นมามันก็เลยวุ่นๆอย่างที่เห็นกัน อยู่ ทำให้การใช้จ่ายงบประมาณต้องล่าช้าออกไป การพิจารณาเรื่องนี้ว่ากันว่าศาลรัฐธรรมนูญจะเรียกองค์กรอิสระมาชี้แจงข้อ เท็จจริงว่าเป็นอย่างไร เอาเข้าจริงแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ ที่เสียดายก็คือเวลาที่จะต้องล่าช้าออกไป การจ่ายใช้งบประมาณในสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างนี้ทำให้เกิดปัญหาแทนที่จะนำเงินไปใช้ จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วก็ทำไม่ได้อย่างที่ควรจะเป็น “การเมือง” ที่เอาชนะคะคานกันแบบนี้มันไม่เป็นผลดีต่อชาติบ้านเมืองไม่ว่าจะมองในมุมไหนก็ตาม นอก จากเรื่องงบประมาณแล้ว บรรดาข้าราชการที่ต้องเกษียณ อายุราชการก็ต้องพ้นจากแวดวงนี้ไปวิถีชีวิตใหม่ หวังว่าทุกคนคงมีการเตรียมการเพื่อดำเนินชีวิตต่อไป การปรับตัวเพื่อรับกับสภาพใหม่ๆจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ส่วนพวกที่ ได้ขยับขับเคลื่อนไปสู่ตำแหน่งใหม่ๆ ทั้งที่สูงขึ้นหรือต้องโยกย้ายไปจากตำแหน่งเดิมๆ ซึ่งก็มีทั้งที่สมหวังและผิดหวังอันเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในทุกๆปี ยิ่งสถานภาพของข้าราชการในยุคสมัยนี้คงเห็นได้ชัดแล้วว่าการเติบโตก้าวหน้าใน อาชีพราชการนั้นต่างกับหลายยุคหลายสมัยที่ผ่านมา หมายความว่า ใครมีฝีมือมีความสามารถโอกาสที่เติบโตจะมีมากกว่าปัจจุบัน เพราะการเมืองทุกวันนี้แทรกเข้าไปทุกกระทรวง ทบวง กรม ใครไม่มีเส้นสายการเมืองโอกาสแทบจะไม่มี กลายเป็นปัญหาใหญ่ของระบบราชการไทยไปแล้ว ทุกวันนี้ข้าราชการคนไหนต้องการได้ตำแหน่งโน่นต้องบินไปพบคนแดนไกล ไม่ว่าจะอยู่ประเทศไหนก็ต้องดั้นด้นไปให้ได้ ไม่ไปเองก็ต้องมีคนพาไป มิฉะนั้นไม่ได้ตำแหน่งแน่ ระยะหลังทุกปีที่ผ่านมาเกิดสภาพเช่นนี้มาตลอดจนทำให้ระบบเส้นสายกลายเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าความเก่งความสามารถ มี การสำรวจบุคลากรในวงราชการโดยเฉพาะที่อยู่ในตำแหน่งสำคัญๆปรากฏว่าหาคนเก่ง ได้ยากขึ้น เพราะที่ขึ้นมาเป็นใหญ่เป็นโตแบบข้ามหัวเพื่อนข้าราชการด้วยกันมันเป็นแบบ ว่า “ค่าของคนอยู่ที่คนของใคร” เหล่านี้คือภาวะที่น่าวิตกกังวลเป็น อย่างยิ่งหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป เพราะข้าราชการระดับหัวแถวไม่เก่งจริงแต่มีความสามารถที่จะสนองการเมืองได้ รับใบสั่งได้ รับงานได้ การบริหารงานในระบบราชการมันก็เกิดปัญหาแน่ เสียดายก็บรรดาข้าราชการที่มีความสามารถ ซื่อสัตย์ สุจริต ทำงานดีแต่ไม่ยอมขึ้นตรงต่ออำนาจการเมืองก็ต้องเจ็บปวด ขาดขวัญกำลังใจ อยู่กันไปวันๆ แน่ นอนว่างานในระบบราชการก็จะขาดประสิทธิภาพไปโดยปริยาย ทุกวันนี้ความจริงมันปรากฏออกมาแล้วจากสภาพสังคมปัจจุบันที่เสื่อมทรามลง อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน มันเป็นการเมืองที่กลืนกินประเทศอย่างน่าใจหาย….โดย“สายล่อฟ้า” ขอบคุณ... http://m.thairath.co.th/content/pol/372983 ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 30 ก.ย.56
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)