'มาร์ค'ปลุกคนใต้สู้อำนาจเงินยืนหยัดสู้ความจริง
"มาร์ค"ปลุก ปชป.ใต้ร่วมสู้ความไม่ถูกต้องกับอำนาจเงินกดขี่ทางความคิด ย้ำ "ปู" ไม่รักษาสัญญา ชี้ปฏิรูปไม่ต้องพึ่ง"เติ้ง"ปัดไม่ขัดแย้งภายใน...
เมื่อ วันที่ 29 ก.ย. เวลา 08.45 น. ที่โรงแรมซากุระแกรนด์วิลล์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอนหนึ่งในการเปิดสัมมนาโครงการพัฒนาศักยภาพคณะกรรมการสาขาพรรค และคณะทำงานในพื้นที่ภาคใต้ว่า ขอชื่นชมคนภาคใต้ที่ยังมีความเหนียวแน่นในการยืนหยัดต่อสู้กับความไม่ถูก ต้องร่วมกับพรรค แม้ที่ผ่านมารัฐบาลนี้กล้าใช้อำนาจทำหลายอย่าง ที่ทั้งขัดต่อกฎหมาย และขัดหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตย สะท้อนถึงรัฐบาลที่ใช้อำนาจกับเงินเพื่อกดขี่ทางความคิดของชาวภาคใต้มาตลอด ตั้งแต่ยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถึงยุคนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกฯ ในรัฐบาลนี้ที่ยึดคติ ไม่เลือกเรา ไม่พัฒนาพื้นที่นั้น กรณีไม่สร้างศูนย์ประชุมนานาชาติให้ จ.ภูเก็ต ซ้ำยังทำทุกวิถีทางที่จะใช้เงินและอำนาจให้คนเห็นต่างสยบยอม จึงต้องร่วมยืนหยัดสู้ความไม่ถูกต้องนี้เพื่ออนาคตลูกหลานและประเทศชาติ
นาย อภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงบทบาทของฝ่ายค้านว่า ยอมรับว่าปัญหาของพี่น้องประชาชนมาก โดยเฉพาะเรื่องปากท้อง เศรษฐกิจ และอื่น ๆ เช่นภัยพิบัติ ปัญหาการเมือง สองปีที่ผ่านมาปัญหาของรัฐบาลยิ่งลักษณ์คือ ไม่ทำตามคำมั่นสัญญา และไม่สามารถทำตามความหวังที่สร้างไว้ให้กับประชาชนทุกเรื่อง แต่กลับทำสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ที่สร้างความเสี่ยงต่าง ๆ ต่อปัญหาในอนาคต ทุก ๆ ด้าน บ้านเมืองวันนี้ต้องการความเปลี่ยนแปลงจากการปฏิรูป แต่ไม่ใช่อย่างที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ และไม่ต้องไปรบกวนนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เพราะองค์ความรู้ในประเทศนี้มีเพียงพอแล้ว ขึ้นอยู่ที่การตัดสินใจ เช่น หากจะปฏิรูปเศรษฐกิจให้เป็นธรรมต้องลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์กำลังทำโดยผ่านโครงการพิมพ์เขียวโครงสร้างประเทศไทยใน ขณะนี้ปรับการปฏิรูปพรรครองรับอนาคต
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า วันนี้เราต้องเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้ในสนามการเลือกตั้งครั้งต่อไป แต่ท่ามกลางสถานการณ์การต่อสู้ทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปมีข้อจำกัดมาก พรรคจึงต้องปรับโครงสร้างบางอย่างของพรรคเพื่อให้สามารถต่อสู้อย่างมี ประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) อนุมัติหลักการแล้ว จากนี้จะมีการประชุมร่วมกันระหว่าง กก.บห.กับ ส.ส.พรรคเพื่อแก้ไขเขียนเป็นข้อ บังคับพรรค เพื่อให้ที่ประชุมใหญ่พรรคอนุมัติต่อไป ซึ่งต่อไปพรรคจะมีระบบกรรมการ (บอร์ด) ที่มีตัวแทนจากทุกฝ่ายมากำกับการทำงานของ กก.บห. และมีโครงสร้างใหม่ คือคณะกรรมการเขตพื้นที่เพื่อรองรับการต่อสู้ทางการเมืองเรื่องเลือกตั้งโดย เฉพาะ และปรับปรุงบริหารสำนักงานเพื่อรองรับภารกิจ เช่น กฎหมาย บัญชี เอกสารต่าง ๆ พรรคไมได้หยุดการพัฒนาที่คู่ขนานไปกับการทำหน้าที่ฝ่ายค้านตรวจสอบอย่างเข้ม แข็ง และเตรียมพร้อมนโยบายที่เข้าไปบริหารประเทศ เพียงแต่สังคมรับรู้ยาก ความจริงแนวคิดดี ๆ มีหลายอย่าง แต่กลายเป็นสังคมสนใจแต่เรื่องความขัดแย้งภายใน ยอมรับภาพลักษณ์พรรคเสียแต่จำเป็นต้องสู้
“การต่อสู้ที่เข้มข้นบาง ครั้งทำให้เกิดปัญหาเพราะมีเหตุการณ์พฤติกรรมหลายอย่าง แต่สังคมรับรู้ไม่ครบถ้วน ผมเตือน ส.ส.ตลอดตอนนี้ทำหน้าที่ในสภาฯหรือนอกสภาฯ บางทีการโห่ ประท้วงก็กระทบภาพลักษณ์ เพราะเมื่อเกิดเหตุอะไรขึ้น คนที่รับรู้ข่าวเห็นแค่พฤติกรรมตอนนั้นแต่ไม่ทราบที่มา จึงยากที่จะควบคุม เช่นเมื่อวันที่ 28 ก.ย. เราเข้าร่วมประชุมสภาฯ แค่ขอสิทธิ์พูดว่า ที่ทำมาทั้งหมดและกำลังทำอยู่ ไม่ชอบอย่างไร จนเราไม่สามารถลงมติได้ เขายังไม่ยอมให้พูด ถ้าไม่ประท้วง ไม่โห่กัน ส.ว.ก็ไม่สามารถอภิปรายได้ ความจริงเราไม่อยากทำเหล่านี้ ท่านชวน (หลีกภัย) ก็อยากให้ทำหน้าที่ตามปกติ ผมเองก็ไม่สบายใจที่เกิดภาพนี้ออกไป แต่ก็หนักใจเพราะถ้านิ่งเฉยสุภาพเรียบร้อยสยบต่อความไม่ถูกต้องในหลายเรื่อง สังคมก็จะไม่รับรู้ว่า มีการกระทำเลวร้าย ชั่วร้ายอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อนอย่างไร ทั้งการทำหน้าที่ของประธานสภาฯ และของสภาฯ ดังนั้น เราต้องมีความหนักแน่น เด็ดเดี่ยว เป็นหนึ่งเดียวในการยืนหยัดความถูกต้องคือ หัวใจที่สำคัญในความสำเร็จในวันข้างหน้า เราไม่รู้ว่าการเมืองแต่ละช่วงจะเป็นอย่างไร บางครั้งเราได้รับชัยชนะ และได้รับบทบาทจากสภาฯ และประชาชนในการทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร เราจะเดินหน้าตรวจสอบความถูกต้องของบ้านเมืองด้วยความเข้มแข็ง ผมไม่สามารถบอกได้ว่า เราจะชนะการเลือกตั้งเมื่อไหร่ แต่บอกว่าได้ ถ้าเราเหนียวแน่น หนักแน่นเหมือนตลอดสิบปีที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์จะอยู่คู่กับสังคมไทยเพื่อลูกหลานของเราต่อไป” นายอภิสิทธิ์ กล่าว.
ขอบคุณ... http://m.thairath.co.th/content/pol/372815
ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 29 ก.ย.56
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์"มาร์ค"ปลุก ปชป.ใต้ร่วมสู้ความไม่ถูกต้องกับอำนาจเงินกดขี่ทางความคิด ย้ำ "ปู" ไม่รักษาสัญญา ชี้ปฏิรูปไม่ต้องพึ่ง"เติ้ง"ปัดไม่ขัดแย้งภายใน... เมื่อ วันที่ 29 ก.ย. เวลา 08.45 น. ที่โรงแรมซากุระแกรนด์วิลล์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอนหนึ่งในการเปิดสัมมนาโครงการพัฒนาศักยภาพคณะกรรมการสาขาพรรค และคณะทำงานในพื้นที่ภาคใต้ว่า ขอชื่นชมคนภาคใต้ที่ยังมีความเหนียวแน่นในการยืนหยัดต่อสู้กับความไม่ถูก ต้องร่วมกับพรรค แม้ที่ผ่านมารัฐบาลนี้กล้าใช้อำนาจทำหลายอย่าง ที่ทั้งขัดต่อกฎหมาย และขัดหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตย สะท้อนถึงรัฐบาลที่ใช้อำนาจกับเงินเพื่อกดขี่ทางความคิดของชาวภาคใต้มาตลอด ตั้งแต่ยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถึงยุคนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกฯ ในรัฐบาลนี้ที่ยึดคติ ไม่เลือกเรา ไม่พัฒนาพื้นที่นั้น กรณีไม่สร้างศูนย์ประชุมนานาชาติให้ จ.ภูเก็ต ซ้ำยังทำทุกวิถีทางที่จะใช้เงินและอำนาจให้คนเห็นต่างสยบยอม จึงต้องร่วมยืนหยัดสู้ความไม่ถูกต้องนี้เพื่ออนาคตลูกหลานและประเทศชาติ นาย อภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงบทบาทของฝ่ายค้านว่า ยอมรับว่าปัญหาของพี่น้องประชาชนมาก โดยเฉพาะเรื่องปากท้อง เศรษฐกิจ และอื่น ๆ เช่นภัยพิบัติ ปัญหาการเมือง สองปีที่ผ่านมาปัญหาของรัฐบาลยิ่งลักษณ์คือ ไม่ทำตามคำมั่นสัญญา และไม่สามารถทำตามความหวังที่สร้างไว้ให้กับประชาชนทุกเรื่อง แต่กลับทำสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ที่สร้างความเสี่ยงต่าง ๆ ต่อปัญหาในอนาคต ทุก ๆ ด้าน บ้านเมืองวันนี้ต้องการความเปลี่ยนแปลงจากการปฏิรูป แต่ไม่ใช่อย่างที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ และไม่ต้องไปรบกวนนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เพราะองค์ความรู้ในประเทศนี้มีเพียงพอแล้ว ขึ้นอยู่ที่การตัดสินใจ เช่น หากจะปฏิรูปเศรษฐกิจให้เป็นธรรมต้องลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์กำลังทำโดยผ่านโครงการพิมพ์เขียวโครงสร้างประเทศไทยใน ขณะนี้ปรับการปฏิรูปพรรครองรับอนาคต นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า วันนี้เราต้องเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้ในสนามการเลือกตั้งครั้งต่อไป แต่ท่ามกลางสถานการณ์การต่อสู้ทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปมีข้อจำกัดมาก พรรคจึงต้องปรับโครงสร้างบางอย่างของพรรคเพื่อให้สามารถต่อสู้อย่างมี ประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) อนุมัติหลักการแล้ว จากนี้จะมีการประชุมร่วมกันระหว่าง กก.บห.กับ ส.ส.พรรคเพื่อแก้ไขเขียนเป็นข้อ บังคับพรรค เพื่อให้ที่ประชุมใหญ่พรรคอนุมัติต่อไป ซึ่งต่อไปพรรคจะมีระบบกรรมการ (บอร์ด) ที่มีตัวแทนจากทุกฝ่ายมากำกับการทำงานของ กก.บห. และมีโครงสร้างใหม่ คือคณะกรรมการเขตพื้นที่เพื่อรองรับการต่อสู้ทางการเมืองเรื่องเลือกตั้งโดย เฉพาะ และปรับปรุงบริหารสำนักงานเพื่อรองรับภารกิจ เช่น กฎหมาย บัญชี เอกสารต่าง ๆ พรรคไมได้หยุดการพัฒนาที่คู่ขนานไปกับการทำหน้าที่ฝ่ายค้านตรวจสอบอย่างเข้ม แข็ง และเตรียมพร้อมนโยบายที่เข้าไปบริหารประเทศ เพียงแต่สังคมรับรู้ยาก ความจริงแนวคิดดี ๆ มีหลายอย่าง แต่กลายเป็นสังคมสนใจแต่เรื่องความขัดแย้งภายใน ยอมรับภาพลักษณ์พรรคเสียแต่จำเป็นต้องสู้ “การต่อสู้ที่เข้มข้นบาง ครั้งทำให้เกิดปัญหาเพราะมีเหตุการณ์พฤติกรรมหลายอย่าง แต่สังคมรับรู้ไม่ครบถ้วน ผมเตือน ส.ส.ตลอดตอนนี้ทำหน้าที่ในสภาฯหรือนอกสภาฯ บางทีการโห่ ประท้วงก็กระทบภาพลักษณ์ เพราะเมื่อเกิดเหตุอะไรขึ้น คนที่รับรู้ข่าวเห็นแค่พฤติกรรมตอนนั้นแต่ไม่ทราบที่มา จึงยากที่จะควบคุม เช่นเมื่อวันที่ 28 ก.ย. เราเข้าร่วมประชุมสภาฯ แค่ขอสิทธิ์พูดว่า ที่ทำมาทั้งหมดและกำลังทำอยู่ ไม่ชอบอย่างไร จนเราไม่สามารถลงมติได้ เขายังไม่ยอมให้พูด ถ้าไม่ประท้วง ไม่โห่กัน ส.ว.ก็ไม่สามารถอภิปรายได้ ความจริงเราไม่อยากทำเหล่านี้ ท่านชวน (หลีกภัย) ก็อยากให้ทำหน้าที่ตามปกติ ผมเองก็ไม่สบายใจที่เกิดภาพนี้ออกไป แต่ก็หนักใจเพราะถ้านิ่งเฉยสุภาพเรียบร้อยสยบต่อความไม่ถูกต้องในหลายเรื่อง สังคมก็จะไม่รับรู้ว่า มีการกระทำเลวร้าย ชั่วร้ายอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อนอย่างไร ทั้งการทำหน้าที่ของประธานสภาฯ และของสภาฯ ดังนั้น เราต้องมีความหนักแน่น เด็ดเดี่ยว เป็นหนึ่งเดียวในการยืนหยัดความถูกต้องคือ หัวใจที่สำคัญในความสำเร็จในวันข้างหน้า เราไม่รู้ว่าการเมืองแต่ละช่วงจะเป็นอย่างไร บางครั้งเราได้รับชัยชนะ และได้รับบทบาทจากสภาฯ และประชาชนในการทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร เราจะเดินหน้าตรวจสอบความถูกต้องของบ้านเมืองด้วยความเข้มแข็ง ผมไม่สามารถบอกได้ว่า เราจะชนะการเลือกตั้งเมื่อไหร่ แต่บอกว่าได้ ถ้าเราเหนียวแน่น หนักแน่นเหมือนตลอดสิบปีที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์จะอยู่คู่กับสังคมไทยเพื่อลูกหลานของเราต่อไป” นายอภิสิทธิ์ กล่าว. ขอบคุณ... http://m.thairath.co.th/content/pol/372815 ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 29 ก.ย.56
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)