ระวังกองทัพเคลื่อนรถถัง

แสดงความคิดเห็น

นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกประชามติ

สังคายนาองค์กรอิสระต้นตอชนวนวิกฤติความขัดแย้ง

พ้นทุกข์เสียที

วลี ที่ดังขึ้นในห้องประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นัดสุดท้าย บ่งบอกอาการโล่งอกของ กกต.หลังจากจบภารกิจสำคัญ วันที่ 19 ก.ย.ครบวาระดำรงตำแหน่ง 7 ปีตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้

นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกประชามติ เป็น กกต.อีกท่านที่เอ่ยปากว่าพ้นทุกข์เสียทีระหว่างเปิดใจให้สัมภาษณ์ ทีมข่าวการเมือง โดยบอกว่าไม่เสียดายหลังจากพ้นตำแหน่ง กกต. เหมือนพ้นทุกข์ไปเสียที

ตอนแรกที่เข้ามาทำงานรู้สึกเศร้าใจ บางครั้งมีความรู้สึกอยากจะลาออก เพราะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ กกต.เชื่อมโยงเหตุการณ์ทางการเมืองตลอด เจอทั้งเสื้อเหลือง เสื้อแดง มีความรู้สึกว่าทั้ง 2 ฝ่ายเกลียดเรา แต่มองดูแล้วเมื่อเกิดมาเป็นคนต้องอดทน สู้ต่อไป ถ้าลาออกก่อนครบวาระจะเหมือนเป็นคนยอมแพ้

ตลอดระยะเวลา 7 ปี กกต.ไม่ได้วางมาตรฐานระบบงานให้องค์กรเท่าที่ควร ที่สำคัญที่สุดบุคลากรในองค์กรมาจากหลายหน่วยงาน อาทิ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เอ็นจีโอ แต่ละหน่วยงานมีวัฒนธรรมการทำงานแตกต่างกัน เมื่อมารวมอยู่ที่ กกต.เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อมความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิด ขอให้เป็นหน้าที่ของ กกต.ชุดใหม่จะต้องวางโครงสร้าง กกต.และทำองค์กรนี้ให้เป็นเนื้อเดียวกันให้ได้

เพื่อให้การทำงานเป็น ไปตามสโลแกนสุจริต โปร่งใส สร้างศรัทธาให้เกิดขึ้นกับประชาชน เพราะที่ผ่านมาถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าสามารถวิ่งเต้น ซื้อได้ตั้งแต่ระดับฝ่ายสืบสวน กกต.จังหวัด กกต.กลาง ตราบใดที่ประชาชนไม่ศรัทธาต่อองค์กร ก็จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าปฏิบัติหน้าที่ไม่โปร่งใส

หาก กกต.ต้องการให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ลดลง ในฐานะเป็นอดีตกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 50 ขอเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ กำหนดให้ กกต.มีอำนาจหน้าที่เฉพาะจัดการเลือกตั้งเท่านั้น ส่วนอำนาจการแจกใบเหลือง ใบแดง การสั่งยุบพรรคการเมืองกำหนดให้เป็นอำนาจของศาลเลือกตั้งในรูปแบบศาลเดียว หรือเหมือนศาลยุติธรรม มีศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา

หากมีศาล เลือกตั้งแล้วก็ไม่จำเป็นต้องปรับโครงสร้าง กกต. แต่ถ้ายังไม่มีศาลเลือกตั้งจำเป็นจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ จากเดิมให้ประธาน กกต.เป็นนายทะเบียนพรรคการเมืองโดยตำแหน่ง มีอำนาจยุบพรรคการเมือง บุคคลคนเดียวกลับมีอำนาจมากกว่า กกต.อีก 4 คน ปกติ กกต.ทำงานในรูปของคณะกรรมการ

ดังนั้น ควรแก้ไขให้ กกต. 5 คนผลัดเปลี่ยนเป็นนายทะเบียนพรรคการเมืองตามวาระที่กำหนดไว้ และควรเพิ่มจำนวน กกต.ให้มีจำนวนเท่ากับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ที่ผ่านมา กกต.ทำงานโดยยึดหลักกฎหมายมาตลอด เป็นกำแพงพิงข้างหลังเหมือนเป็นเครื่องมือป้องกันตัว เมื่อ กกต.ถูกฟ้องร้องจะสามารถอธิบายให้สังคมและศาลเข้าใจได้ว่าได้ทำงานตามกฎหมาย โดยสุจริต จะทำให้เราพ้นจากข้อกล่าวหานั้นๆได้

แต่การวินิจฉัยแต่ละ ครั้งย่อมมีคนที่ชนะและคนที่แพ้ ฝ่ายที่ชนะก็พึงพอใจ ฝ่ายที่แพ้ย่อมไม่พอใจ โดยเฉพาะในภาวะบ้านเมืองแตกแยก คนในชาติแบ่งเป็นหลายกลุ่ม ความพอใจหรือไม่พอใจที่เกิดขึ้นย่อมตกแก่ผู้ตัดสินไม่ว่าจะเป็น กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระอื่นๆ เมื่อถูกวิจารณ์ก็ต้องทำใจและอธิบายชี้แจงต่อสังคม

องค์กรอิสระจะ ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง หากตัดสินคำร้องไปแล้วจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อประเทศหรือไม่ คงไม่มีใครอยากให้ประเทศไทยเกิดความวุ่นวายและไม่อยากให้ใช้คำว่ามีมือที่ มองไม่เห็นเข้ามา ขณะนี้ตอบไม่ได้ว่ามือที่มองไม่เห็นคือใคร ใครที่จะเข้ามามีอิทธิพลสามารถบังคับบัญชาองค์กรอิสระได้ ทั้งหมดคงเป็นเรื่องที่ทุกคนอยากทำให้ประเทศไทยอยู่ในสภาวะสงบและเดินไปได้ ด้วยดี

มีนักการเมืองกล่าวหาอีกฝ่ายมีการซื้อเสียงเลือกตั้ง ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นางสดศรี บอกว่า กกต.ทราบว่ามีการซื้อเสียง แต่ไม่มีใครกล้ามาเป็นพยาน เพราะกลัวถูกฆ่า การซื้อเสียงมีทั้ง 2 ฝ่าย ไม่มีใครไม่ซื้อ หลายคนก็ยอมรับว่าการเลือกตั้งมีค่าใช้จ่าย 1.5 ล้านบาท แต่กลับมีการจ่ายจริงถึง 45 ล้านบาท เมื่อเข้ามาด้วยเงิน เข้ามามีอำนาจก็ต้องถอนทุนคืน

ในส่วนของ กกต.ก็ถูกวิจารณ์ใน ลักษณะมีใบสั่งในคำร้องต่างๆ ข้อวิจารณ์มีแนวโน้มไปในลักษณะเช่นนี้ สิ่งเหล่านี้ต้องยอมรับเช่น การเกิดความแตกแยกที่เกิดขึ้นมาจากการช่วงชิงอำนาจรัฐก็มีผลมาจากการทำงาน จากองค์กรอิสระด้วย ดังนั้นจะต้องปฏิรูปองค์กรอิสระ

มองอย่างไรมี นักการเมืองบางกลุ่มระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง นางสดศรี บอกว่า ไม่เข้าใจทำไมต้องเอาแค่คนคนหนึ่งมามีอิทธิพลต่อการเมือง การเมืองที่เป็นเช่นนี้ไม่ได้เกิดจากคนใดคนหนึ่ง ไม่ได้เกิดจากมือที่มองไม่เห็น น่าจะเกิดจากการช่วงชิงอำนาจรัฐ เพราะอำนาจรัฐเป็นอาหารอันโอชะของนักการเมือง ใครได้อำนาจก็ได้ทั้งอำนาจ เงินตราและทุกอย่างจะเข้ามา

ในอนาคตจะทำอย่างไรให้อำนาจรัฐเป็นสิ่ง ที่ไม่ต้องช่วงชิง เป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดจากคนใดคนหนึ่งหรือเกิดจากมือที่มองไม่เห็น อยากฝากข้อคิดไปถึงสังคมไทยว่าวันนี้ประเทศไทยทำไมต้องแตกแยกกัน ขอให้หันไปมองประเทศเพื่อนบ้าน ทุกประเทศกำลังเดินหน้าไปด้วยดี ยกเว้นกัมพูชา

ประเทศมีวิกฤติทางการเมืองไม่เป็นผลดีต่อประเทศ จะหาทางออกโดยแก้ไขที่การเมืองคงลำบาก การปฏิรูปประเทศหากทุกฝ่ายไม่ร่วมมือกัน การปฏิรูปก็ไม่สำเร็จ ทางออกที่ดีควรสังคายนาการเมืองเพื่อให้ประชาชนตื่นตัวและมีส่วนร่วมทางการ เมือง ไม่ทราบจะทำได้ในเจเนอเรชั่นนี้หรือเจเนอเรชั่นของลูกหลาน

มี การวิพากษ์วิจารณ์คำวินิจฉัยยุบพรรคการเมือง เมื่อกรรมการบริหารพรรคคนใดคนหนึ่งทำผิดต้องถูกยุบพรรค นางสดศรี บอกว่าส.ส.ร.ยกร่างรัฐธรรมนูญปี 50 วางธงป้องกันและขวางไม่ให้รัฐบาลชุดต่อไปดำเนินการเหมือนรัฐบาลชุดที่โดน ปฏิวัติ หนึ่งในกระบวนการนั้นคือต้องการให้เลือกตั้งโปร่งใส จึงกำหนดมาตรา 237 ขึ้นมา

ในฐานะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญปี 50 เสียงข้างน้อยไม่เห็นด้วย เพราะกรรมการบริหารพรรคคนใดคนหนึ่งทำผิดกฎหมายเลือกตั้งจะต้องถูกยุบพรรค กระทบต่อบุคคลที่ไม่รู้เรื่องด้วย ฉะนั้นควรแก้ไขมาตรา 237 ให้เป็นความผิดเฉพาะตัวบุคคล ไม่เช่นนั้นจะทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอ นักการเมืองตัวจริงไม่เข้ามาเป็นกรรมการบริหารพรรค และทำให้องค์กรอิสระทั้ง กกต. ศาลรัฐธรรมนูญมีอิทธิพลทางการเมืองมากขึ้น

รัฐธรรมนูญปี 50 เหมือนให้อำนาจองค์กรอิสระมีลักษณะอำนาจที่สี่นอกเหนือจากอำนาจทั้งสามฝ่าย เอื้อประโยชน์ให้ตุลาการหรือองค์กรอิสระมากไป หากใช้อำนาจมากเกินไปยิ่งจะทำให้บ้านเมืองเกิดความแตกแยกยิ่งขึ้น ถึงเวลาสังคายนาปฏิรูปองค์กรอิสระไม่ว่าจะเป็น กกต. ศาลรัฐธรรมนูญก่อนจะปฏิรูปการเมือง

ต้องวางมาตรฐานขององค์กรเหล่านี้ มีกรอบอำนาจแค่ไหน เพียงใด เป็นเรื่องที่สำคัญของทุกองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการเมือง จะต้องมาพูดคุยกันว่ามีทิศทางไหนบ้างที่จะทำให้ประเทศเดินหน้าไปด้วยดี การจะวินิจฉัยในลักษณะที่เอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง อย่าคิดว่าประชาชนนั้นโง่ ประชาชนไม่ใช่คนโง่ รู้ดีว่าสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างไร

และสมควรหรือ ไม่ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 เราคงไม่ปล่อยให้ความแตกแยกของคนไทยมาเป็นประเด็นสำคัญทำให้ประเทศชาติล่ม สลาย คิดว่าคนไทยน่าจะพูดคุยกันได้ รวมถึงต้องแก้ไขที่มาของคณะกรรมการสรรหาองค์กรอิสระให้มีที่มาตามรัฐธรรมนูญ 2540 ไม่ใช่มีบุคคลเพียง 5-6 ท่านเข้าไปสรรหากรรมการองค์กรอิสระ ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีการตั้งธงไว้ล่วงหน้า

ขณะที่มาตรา 309 เจตนารมณ์ของมาตรานี้เป็นเพียงการให้คำสัตยาบันการทำงานของ คมช.(คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ) เป็นมาตราที่พิเศษ ถ้าจะเอามาตรานี้ออกจะต้องมาตกลงกันว่าการกระทำที่ผ่านมาจะลบไปด้วยหรือไม่ สิ่งที่หลายคนกลัวคือหากตัดมาตรานี้ออกไปจะส่งผลให้การกระทำที่ผ่านมา

เช่น คตส. (คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ) ที่เคยวินิจฉัยคดีต่างๆจะลบไปด้วยหรือไม่ และทำให้คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ คตส. ป.ป.ช. (คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) วินิจฉัยไปแล้วถูกลบล้างไปด้วยหรือไม่

ทีมข่าวการเมือง ถามว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญขณะนี้จะกลับไปสู่วิกฤติการเมืองอย่างไร นางสดศรี บอกว่า ฝ่ายค้านก็แรง รัฐบาลก็ต้องการเดินไปสู่ในสิ่งที่ได้หาเสียงไว้คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

คิด ว่ายังคงมีการช่วงชิงอำนาจรัฐกันอยู่ น่าจะกลับไปสู่การเกิดวิกฤติเหมือนเดิม ที่เห็นตัวอย่างในต่างประเทศมาแล้ว อาทิ ซีเรีย อียิปต์ ดังนั้นถ้าเกิดอะไรขึ้นมา

ทหารจะต้องออกมารักษาความสงบให้ประเทศ.“ทีมข่าวการเมือง”

ขอบคุณ... http://www.thairath.co.th/column/pol/wikroh/371334

ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 23 ก.ย.56

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 23 ก.ย.56
วันที่โพสต์: 24/09/2556 เวลา 03:58:45 ดูภาพสไลด์โชว์ ระวังกองทัพเคลื่อนรถถัง

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกประชามติ สังคายนาองค์กรอิสระต้นตอชนวนวิกฤติความขัดแย้ง พ้นทุกข์เสียที วลี ที่ดังขึ้นในห้องประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นัดสุดท้าย บ่งบอกอาการโล่งอกของ กกต.หลังจากจบภารกิจสำคัญ วันที่ 19 ก.ย.ครบวาระดำรงตำแหน่ง 7 ปีตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกประชามติ เป็น กกต.อีกท่านที่เอ่ยปากว่าพ้นทุกข์เสียทีระหว่างเปิดใจให้สัมภาษณ์ ทีมข่าวการเมือง โดยบอกว่าไม่เสียดายหลังจากพ้นตำแหน่ง กกต. เหมือนพ้นทุกข์ไปเสียที ตอนแรกที่เข้ามาทำงานรู้สึกเศร้าใจ บางครั้งมีความรู้สึกอยากจะลาออก เพราะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ กกต.เชื่อมโยงเหตุการณ์ทางการเมืองตลอด เจอทั้งเสื้อเหลือง เสื้อแดง มีความรู้สึกว่าทั้ง 2 ฝ่ายเกลียดเรา แต่มองดูแล้วเมื่อเกิดมาเป็นคนต้องอดทน สู้ต่อไป ถ้าลาออกก่อนครบวาระจะเหมือนเป็นคนยอมแพ้ ตลอดระยะเวลา 7 ปี กกต.ไม่ได้วางมาตรฐานระบบงานให้องค์กรเท่าที่ควร ที่สำคัญที่สุดบุคลากรในองค์กรมาจากหลายหน่วยงาน อาทิ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เอ็นจีโอ แต่ละหน่วยงานมีวัฒนธรรมการทำงานแตกต่างกัน เมื่อมารวมอยู่ที่ กกต.เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อมความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิด ขอให้เป็นหน้าที่ของ กกต.ชุดใหม่จะต้องวางโครงสร้าง กกต.และทำองค์กรนี้ให้เป็นเนื้อเดียวกันให้ได้ เพื่อให้การทำงานเป็น ไปตามสโลแกนสุจริต โปร่งใส สร้างศรัทธาให้เกิดขึ้นกับประชาชน เพราะที่ผ่านมาถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าสามารถวิ่งเต้น ซื้อได้ตั้งแต่ระดับฝ่ายสืบสวน กกต.จังหวัด กกต.กลาง ตราบใดที่ประชาชนไม่ศรัทธาต่อองค์กร ก็จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าปฏิบัติหน้าที่ไม่โปร่งใส หาก กกต.ต้องการให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ลดลง ในฐานะเป็นอดีตกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 50 ขอเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ กำหนดให้ กกต.มีอำนาจหน้าที่เฉพาะจัดการเลือกตั้งเท่านั้น ส่วนอำนาจการแจกใบเหลือง ใบแดง การสั่งยุบพรรคการเมืองกำหนดให้เป็นอำนาจของศาลเลือกตั้งในรูปแบบศาลเดียว หรือเหมือนศาลยุติธรรม มีศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา หากมีศาล เลือกตั้งแล้วก็ไม่จำเป็นต้องปรับโครงสร้าง กกต. แต่ถ้ายังไม่มีศาลเลือกตั้งจำเป็นจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ จากเดิมให้ประธาน กกต.เป็นนายทะเบียนพรรคการเมืองโดยตำแหน่ง มีอำนาจยุบพรรคการเมือง บุคคลคนเดียวกลับมีอำนาจมากกว่า กกต.อีก 4 คน ปกติ กกต.ทำงานในรูปของคณะกรรมการ ดังนั้น ควรแก้ไขให้ กกต. 5 คนผลัดเปลี่ยนเป็นนายทะเบียนพรรคการเมืองตามวาระที่กำหนดไว้ และควรเพิ่มจำนวน กกต.ให้มีจำนวนเท่ากับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ที่ผ่านมา กกต.ทำงานโดยยึดหลักกฎหมายมาตลอด เป็นกำแพงพิงข้างหลังเหมือนเป็นเครื่องมือป้องกันตัว เมื่อ กกต.ถูกฟ้องร้องจะสามารถอธิบายให้สังคมและศาลเข้าใจได้ว่าได้ทำงานตามกฎหมาย โดยสุจริต จะทำให้เราพ้นจากข้อกล่าวหานั้นๆได้ แต่การวินิจฉัยแต่ละ ครั้งย่อมมีคนที่ชนะและคนที่แพ้ ฝ่ายที่ชนะก็พึงพอใจ ฝ่ายที่แพ้ย่อมไม่พอใจ โดยเฉพาะในภาวะบ้านเมืองแตกแยก คนในชาติแบ่งเป็นหลายกลุ่ม ความพอใจหรือไม่พอใจที่เกิดขึ้นย่อมตกแก่ผู้ตัดสินไม่ว่าจะเป็น กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระอื่นๆ เมื่อถูกวิจารณ์ก็ต้องทำใจและอธิบายชี้แจงต่อสังคม องค์กรอิสระจะ ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง หากตัดสินคำร้องไปแล้วจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อประเทศหรือไม่ คงไม่มีใครอยากให้ประเทศไทยเกิดความวุ่นวายและไม่อยากให้ใช้คำว่ามีมือที่ มองไม่เห็นเข้ามา ขณะนี้ตอบไม่ได้ว่ามือที่มองไม่เห็นคือใคร ใครที่จะเข้ามามีอิทธิพลสามารถบังคับบัญชาองค์กรอิสระได้ ทั้งหมดคงเป็นเรื่องที่ทุกคนอยากทำให้ประเทศไทยอยู่ในสภาวะสงบและเดินไปได้ ด้วยดี มีนักการเมืองกล่าวหาอีกฝ่ายมีการซื้อเสียงเลือกตั้ง ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นางสดศรี บอกว่า กกต.ทราบว่ามีการซื้อเสียง แต่ไม่มีใครกล้ามาเป็นพยาน เพราะกลัวถูกฆ่า การซื้อเสียงมีทั้ง 2 ฝ่าย ไม่มีใครไม่ซื้อ หลายคนก็ยอมรับว่าการเลือกตั้งมีค่าใช้จ่าย 1.5 ล้านบาท แต่กลับมีการจ่ายจริงถึง 45 ล้านบาท เมื่อเข้ามาด้วยเงิน เข้ามามีอำนาจก็ต้องถอนทุนคืน ในส่วนของ กกต.ก็ถูกวิจารณ์ใน ลักษณะมีใบสั่งในคำร้องต่างๆ ข้อวิจารณ์มีแนวโน้มไปในลักษณะเช่นนี้ สิ่งเหล่านี้ต้องยอมรับเช่น การเกิดความแตกแยกที่เกิดขึ้นมาจากการช่วงชิงอำนาจรัฐก็มีผลมาจากการทำงาน จากองค์กรอิสระด้วย ดังนั้นจะต้องปฏิรูปองค์กรอิสระ มองอย่างไรมี นักการเมืองบางกลุ่มระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง นางสดศรี บอกว่า ไม่เข้าใจทำไมต้องเอาแค่คนคนหนึ่งมามีอิทธิพลต่อการเมือง การเมืองที่เป็นเช่นนี้ไม่ได้เกิดจากคนใดคนหนึ่ง ไม่ได้เกิดจากมือที่มองไม่เห็น น่าจะเกิดจากการช่วงชิงอำนาจรัฐ เพราะอำนาจรัฐเป็นอาหารอันโอชะของนักการเมือง ใครได้อำนาจก็ได้ทั้งอำนาจ เงินตราและทุกอย่างจะเข้ามา ในอนาคตจะทำอย่างไรให้อำนาจรัฐเป็นสิ่ง ที่ไม่ต้องช่วงชิง เป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดจากคนใดคนหนึ่งหรือเกิดจากมือที่มองไม่เห็น อยากฝากข้อคิดไปถึงสังคมไทยว่าวันนี้ประเทศไทยทำไมต้องแตกแยกกัน ขอให้หันไปมองประเทศเพื่อนบ้าน ทุกประเทศกำลังเดินหน้าไปด้วยดี ยกเว้นกัมพูชา ประเทศมีวิกฤติทางการเมืองไม่เป็นผลดีต่อประเทศ จะหาทางออกโดยแก้ไขที่การเมืองคงลำบาก การปฏิรูปประเทศหากทุกฝ่ายไม่ร่วมมือกัน การปฏิรูปก็ไม่สำเร็จ ทางออกที่ดีควรสังคายนาการเมืองเพื่อให้ประชาชนตื่นตัวและมีส่วนร่วมทางการ เมือง ไม่ทราบจะทำได้ในเจเนอเรชั่นนี้หรือเจเนอเรชั่นของลูกหลาน มี การวิพากษ์วิจารณ์คำวินิจฉัยยุบพรรคการเมือง เมื่อกรรมการบริหารพรรคคนใดคนหนึ่งทำผิดต้องถูกยุบพรรค นางสดศรี บอกว่าส.ส.ร.ยกร่างรัฐธรรมนูญปี 50 วางธงป้องกันและขวางไม่ให้รัฐบาลชุดต่อไปดำเนินการเหมือนรัฐบาลชุดที่โดน ปฏิวัติ หนึ่งในกระบวนการนั้นคือต้องการให้เลือกตั้งโปร่งใส จึงกำหนดมาตรา 237 ขึ้นมา ในฐานะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญปี 50 เสียงข้างน้อยไม่เห็นด้วย เพราะกรรมการบริหารพรรคคนใดคนหนึ่งทำผิดกฎหมายเลือกตั้งจะต้องถูกยุบพรรค กระทบต่อบุคคลที่ไม่รู้เรื่องด้วย ฉะนั้นควรแก้ไขมาตรา 237 ให้เป็นความผิดเฉพาะตัวบุคคล ไม่เช่นนั้นจะทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอ นักการเมืองตัวจริงไม่เข้ามาเป็นกรรมการบริหารพรรค และทำให้องค์กรอิสระทั้ง กกต. ศาลรัฐธรรมนูญมีอิทธิพลทางการเมืองมากขึ้น รัฐธรรมนูญปี 50 เหมือนให้อำนาจองค์กรอิสระมีลักษณะอำนาจที่สี่นอกเหนือจากอำนาจทั้งสามฝ่าย เอื้อประโยชน์ให้ตุลาการหรือองค์กรอิสระมากไป หากใช้อำนาจมากเกินไปยิ่งจะทำให้บ้านเมืองเกิดความแตกแยกยิ่งขึ้น ถึงเวลาสังคายนาปฏิรูปองค์กรอิสระไม่ว่าจะเป็น กกต. ศาลรัฐธรรมนูญก่อนจะปฏิรูปการเมือง ต้องวางมาตรฐานขององค์กรเหล่านี้ มีกรอบอำนาจแค่ไหน เพียงใด เป็นเรื่องที่สำคัญของทุกองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการเมือง จะต้องมาพูดคุยกันว่ามีทิศทางไหนบ้างที่จะทำให้ประเทศเดินหน้าไปด้วยดี การจะวินิจฉัยในลักษณะที่เอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง อย่าคิดว่าประชาชนนั้นโง่ ประชาชนไม่ใช่คนโง่ รู้ดีว่าสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างไร และสมควรหรือ ไม่ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 เราคงไม่ปล่อยให้ความแตกแยกของคนไทยมาเป็นประเด็นสำคัญทำให้ประเทศชาติล่ม สลาย คิดว่าคนไทยน่าจะพูดคุยกันได้ รวมถึงต้องแก้ไขที่มาของคณะกรรมการสรรหาองค์กรอิสระให้มีที่มาตามรัฐธรรมนูญ 2540 ไม่ใช่มีบุคคลเพียง 5-6 ท่านเข้าไปสรรหากรรมการองค์กรอิสระ ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีการตั้งธงไว้ล่วงหน้า ขณะที่มาตรา 309 เจตนารมณ์ของมาตรานี้เป็นเพียงการให้คำสัตยาบันการทำงานของ คมช.(คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ) เป็นมาตราที่พิเศษ ถ้าจะเอามาตรานี้ออกจะต้องมาตกลงกันว่าการกระทำที่ผ่านมาจะลบไปด้วยหรือไม่ สิ่งที่หลายคนกลัวคือหากตัดมาตรานี้ออกไปจะส่งผลให้การกระทำที่ผ่านมา เช่น คตส. (คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ) ที่เคยวินิจฉัยคดีต่างๆจะลบไปด้วยหรือไม่ และทำให้คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ คตส. ป.ป.ช. (คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) วินิจฉัยไปแล้วถูกลบล้างไปด้วยหรือไม่ ทีมข่าวการเมือง ถามว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญขณะนี้จะกลับไปสู่วิกฤติการเมืองอย่างไร นางสดศรี บอกว่า ฝ่ายค้านก็แรง รัฐบาลก็ต้องการเดินไปสู่ในสิ่งที่ได้หาเสียงไว้คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คิด

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...

ห้องการเมือง