ชูบทบาทภาคประชาชน : บทสะท้อนปฏิรูปการเมือง : กระดานความคิด โดยฉัตรชัย แสงอรุณ
การปฏิรูปการเมือง ซึ่งนายบรรหาร ศิลปอาชา กำลังเดินสาย ดึงแกนนำทุกขั้วทั้งการเมือง องค์กรภาคประชาชน โดยเฉพาะที่เป็นขั้วความขัดแย้ง ความคิดและแนวทางที่ดูยังมีความแตกต่างโดยเฉพาะขั้วการเมืองนั้นยังต้อง อาศัยอีกหลายเวทีในการทำความเข้าใจ แต่ในทัศนะของ นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส มองว่า การที่ฝ่ายการเมืองพูดเรื่อง สภาปฏิรูปการเมือง และเชื่อมกับการปฏิรูปประเทศไทย เป็นการปฏิรูปแค่องค์กรทางเมือง ซึ่งไม่เพียงพอ และมักจะคิดในรูปแบบเดิมๆ มีรัฐธรรมนูญ 18 ฉบับ ก็ไม่สามารถทำได้
ทั้งนี้ความล้มเหลวของการปฏิรูปประเทศไทยที่ผ่านมา มีสาเหตุจากเพราะเป็นปฏิรูปจากคนข้างบน แต่การปฏิรูปครั้งนี้เป็นการปฏิรูปโดยประชาชน คนข้างล่าง โดยประชาชนต้องปฏิรูป 3 ระดับ คือ ระดับที่หนึ่งปฏิรูปตัวเอง ปฏิรูปจิตสำนึกเราเอง ระดับที่สอง คือ การปฏิรูประดับองค์กร มีการร่วมคิด ร่วมทำ เป็นองค์กรชุมชน และระดับที่สาม คือ ปฏิรูประดับนโยบาย เช่น การจัดสรรที่ดินให้ประชาชนมีที่ดินทำกิน เขาจะมีความมั่นคงในชีวิตมาก ถึงไม่มีเงินก็สร้างบ้านดินได้ เป็นนโยบายที่รัฐทำไม่ได้ หากประชาชนช่วยกันขับเคลื่อนเรื่องนี้วันหนึ่งจะทำได้
ประชาชนเป็นภาคที่สำคัญที่สุด แต่ไม่มีเครื่องมือเชิงสถานะ และอยู่อย่างตัวใครตัวมัน ต้องมีเครื่องมือเชิงสถาบัน ซึ่งก็คือสภาองค์กรชุมชน หากฐานประเทศแข็งแรง ประเทศก็มั่นคง แต่สภาองค์กรชุมชน ต้องพึงระวัง อย่าไปทำตัวเป็นองค์กรรัฐเป็นอันขาด เพราะอะไรที่ขาดจากฐานประชาชน จะไปผิดทิศผิดทาง สภาองค์กรชุมชน ต้องทำตัวเหมือนปลาอยู่กับน้ำ น้ำคือประชาชน ถ้าปลาคิดขึ้นบกเมื่อไหร่ บนบกล้วนมีอันตรายต่อปลาทั้งสิ้น ต้องจับตรงนี้ให้แม่น จนเป็นพลังที่เปลี่ยนแปลงประเทศไทย
ในทัศนะของฝ่ายงานพัฒนามองว่า สภาองค์กรชุมชนคือเครื่องมือที่ทำให้ประชาชนแข็งแรง เนื่องจากองค์กรชุมชนระดับตำบล ซึ่งเป็นฐานของสภาองค์กรชุมชน อยู่ในชุมชน 8 หมื่นหมู่บ้าน โดยทิศทางที่ควรจะพัฒนา คือ สภาองค์กรชุมชนควรทำงานกับประชาชนในชุมชน 3 พลัง 1.พลังที่ประชาชนมีจิตสำนึกของความเป็นพลเมือง มีศักดิ์ศรีความเป็นคน เป็นการปลดปล่อยคนทั้งประเทศ และมีการรวมตัวร่วมคิดร่วมทำ 2.พลังการจัดการ มีการรวมตัวร่วมคิดร่วมทำในทุกพื้นที่ โดยการจัดการคือการที่ทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ ประชาชนต้องจัดการเป็น หากจัดการเป็นแล้วสามารถจัดการเรื่องสังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม และเรื่องต่างๆ ได้ เป็นการเพิ่มสมรรถนะในทุกๆ เรื่อง 3.พลังการพัฒนานโยบาย ที่เป็นนโยบายที่ดีต่อภาคประชาชนหรือประเทศไทย
ท่าทีของ นางปวีณา หงสกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งเข้าร่วมในการประชุมระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล โดยกล่าวต่อผู้เข้าร่วมประชุมว่า จะสนับสนุนงานของสภาองค์กรชุมชนตำบลในทุกระดับ ให้เป็นไปตามบทบาทภารกิจ และสนับสนุนการจัดตั้งสภาองค์กรชุมชนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ พัฒนาคุณภาพและความเข้มแข็งของสภาองค์กรชุมชนในทุกด้าน จัดการตนเองของชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน โดยจะนำข้อเสนอแนะซึ่งผ่านความเห็นจากที่ประชุมในระดับชาติเสนอต่อคณะ รัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป
ปัจจุบันสภาองค์กรชุมชนตำบลจัดตั้งแล้วรวมทั้งสิ้น 3,868 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 51.67 ของจำนวนตำบล/เทศบาล/เขตทั่วประเทศ มีสมาชิกรวมทั้งสิ้น 128,003 คน หรือจำนวนสมาชิกสภาองค์กรชุมชนตำบลโดยเฉลี่ยแห่งละประมาณ 33 คน และมีองค์กรชุมชนและเครือข่ายองค์กรชุมชนที่จดแจ้ง จำนวนทั้งสิ้น 100,051 องค์กร
การพัฒนาสู่การเติบโตทางคุณภาพจำเป็นที่ภาคประชาชนต้องพัฒนาตัวเอง ที่สำคัญรัฐบาลหากจริงใจในการปฏิรูปการเมืองก็ไม่ยากที่จะสนับสนุนอย่างเป็น กระบวนทั้งรัฐบาล การแสดงท่าทีเฉพาะกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ แม้จะเป็นสัญญาณดี แต่ยังไม่พอหากท่าทีในระดับรัฐบาลยังนิ่งเฉย
คมชัดลึกออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 17 ก.ย.56
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) และนพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส การปฏิรูปการเมือง ซึ่งนายบรรหาร ศิลปอาชา กำลังเดินสาย ดึงแกนนำทุกขั้วทั้งการเมือง องค์กรภาคประชาชน โดยเฉพาะที่เป็นขั้วความขัดแย้ง ความคิดและแนวทางที่ดูยังมีความแตกต่างโดยเฉพาะขั้วการเมืองนั้นยังต้อง อาศัยอีกหลายเวทีในการทำความเข้าใจ แต่ในทัศนะของ นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส มองว่า การที่ฝ่ายการเมืองพูดเรื่อง สภาปฏิรูปการเมือง และเชื่อมกับการปฏิรูปประเทศไทย เป็นการปฏิรูปแค่องค์กรทางเมือง ซึ่งไม่เพียงพอ และมักจะคิดในรูปแบบเดิมๆ มีรัฐธรรมนูญ 18 ฉบับ ก็ไม่สามารถทำได้ ทั้งนี้ความล้มเหลวของการปฏิรูปประเทศไทยที่ผ่านมา มีสาเหตุจากเพราะเป็นปฏิรูปจากคนข้างบน แต่การปฏิรูปครั้งนี้เป็นการปฏิรูปโดยประชาชน คนข้างล่าง โดยประชาชนต้องปฏิรูป 3 ระดับ คือ ระดับที่หนึ่งปฏิรูปตัวเอง ปฏิรูปจิตสำนึกเราเอง ระดับที่สอง คือ การปฏิรูประดับองค์กร มีการร่วมคิด ร่วมทำ เป็นองค์กรชุมชน และระดับที่สาม คือ ปฏิรูประดับนโยบาย เช่น การจัดสรรที่ดินให้ประชาชนมีที่ดินทำกิน เขาจะมีความมั่นคงในชีวิตมาก ถึงไม่มีเงินก็สร้างบ้านดินได้ เป็นนโยบายที่รัฐทำไม่ได้ หากประชาชนช่วยกันขับเคลื่อนเรื่องนี้วันหนึ่งจะทำได้ ประชาชนเป็นภาคที่สำคัญที่สุด แต่ไม่มีเครื่องมือเชิงสถานะ และอยู่อย่างตัวใครตัวมัน ต้องมีเครื่องมือเชิงสถาบัน ซึ่งก็คือสภาองค์กรชุมชน หากฐานประเทศแข็งแรง ประเทศก็มั่นคง แต่สภาองค์กรชุมชน ต้องพึงระวัง อย่าไปทำตัวเป็นองค์กรรัฐเป็นอันขาด เพราะอะไรที่ขาดจากฐานประชาชน จะไปผิดทิศผิดทาง สภาองค์กรชุมชน ต้องทำตัวเหมือนปลาอยู่กับน้ำ น้ำคือประชาชน ถ้าปลาคิดขึ้นบกเมื่อไหร่ บนบกล้วนมีอันตรายต่อปลาทั้งสิ้น ต้องจับตรงนี้ให้แม่น จนเป็นพลังที่เปลี่ยนแปลงประเทศไทย ในทัศนะของฝ่ายงานพัฒนามองว่า สภาองค์กรชุมชนคือเครื่องมือที่ทำให้ประชาชนแข็งแรง เนื่องจากองค์กรชุมชนระดับตำบล ซึ่งเป็นฐานของสภาองค์กรชุมชน อยู่ในชุมชน 8 หมื่นหมู่บ้าน โดยทิศทางที่ควรจะพัฒนา คือ สภาองค์กรชุมชนควรทำงานกับประชาชนในชุมชน 3 พลัง 1.พลังที่ประชาชนมีจิตสำนึกของความเป็นพลเมือง มีศักดิ์ศรีความเป็นคน เป็นการปลดปล่อยคนทั้งประเทศ และมีการรวมตัวร่วมคิดร่วมทำ 2.พลังการจัดการ มีการรวมตัวร่วมคิดร่วมทำในทุกพื้นที่ โดยการจัดการคือการที่ทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ ประชาชนต้องจัดการเป็น หากจัดการเป็นแล้วสามารถจัดการเรื่องสังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม และเรื่องต่างๆ ได้ เป็นการเพิ่มสมรรถนะในทุกๆ เรื่อง 3.พลังการพัฒนานโยบาย ที่เป็นนโยบายที่ดีต่อภาคประชาชนหรือประเทศไทย ท่าทีของ นางปวีณา หงสกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งเข้าร่วมในการประชุมระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล โดยกล่าวต่อผู้เข้าร่วมประชุมว่า จะสนับสนุนงานของสภาองค์กรชุมชนตำบลในทุกระดับ ให้เป็นไปตามบทบาทภารกิจ และสนับสนุนการจัดตั้งสภาองค์กรชุมชนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ พัฒนาคุณภาพและความเข้มแข็งของสภาองค์กรชุมชนในทุกด้าน จัดการตนเองของชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน โดยจะนำข้อเสนอแนะซึ่งผ่านความเห็นจากที่ประชุมในระดับชาติเสนอต่อคณะ รัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป ปัจจุบันสภาองค์กรชุมชนตำบลจัดตั้งแล้วรวมทั้งสิ้น 3,868 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 51.67 ของจำนวนตำบล/เทศบาล/เขตทั่วประเทศ มีสมาชิกรวมทั้งสิ้น 128,003 คน หรือจำนวนสมาชิกสภาองค์กรชุมชนตำบลโดยเฉลี่ยแห่งละประมาณ 33 คน และมีองค์กรชุมชนและเครือข่ายองค์กรชุมชนที่จดแจ้ง จำนวนทั้งสิ้น 100,051 องค์กร การพัฒนาสู่การเติบโตทางคุณภาพจำเป็นที่ภาคประชาชนต้องพัฒนาตัวเอง ที่สำคัญรัฐบาลหากจริงใจในการปฏิรูปการเมืองก็ไม่ยากที่จะสนับสนุนอย่างเป็น กระบวนทั้งรัฐบาล การแสดงท่าทีเฉพาะกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ แม้จะเป็นสัญญาณดี แต่ยังไม่พอหากท่าทีในระดับรัฐบาลยังนิ่งเฉย ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/detail/20130917/168390/ชูบทบาทภาคปชช.:บทสะท้อนปฏิรูปการเมือง.html#.Uje7hH-kPZ4 คมชัดลึกออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 17 ก.ย.56
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)