การบ้านข้อใหญ่เวที ‘ปฏิรูปการเมือง’ หยุด ‘เงื่อนไข’ ก่อนเกิดการเผชิญหน้า
ที่เรากำลังทำในขณะนี้อย่างที่พูดไว้ตั้งแต่วันแรกคือแม้มีความหวังเพียงแค่ 1% ดิฉันก็จำเป็นที่จะต้องเริ่มดีกว่าที่จะปล่อยให้เวลาสูญเสียไป เราปล่อยเวลาเสียมาแล้วถึง 2 ปี จากนี้ไปเราจะทำอย่างดีที่สุด และเชื่อว่าจะไม่เป็นการเสียเวลา เพราะทุกความคิดเห็นมีค่า อะไรที่สามารถนำไปใช้ได้สามารถสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน ดิฉันถือว่าเป็นประโยชน์ทั้งสิ้น”
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ที่ผ่านมา ถึง “ความคาดหวัง” ที่จะได้รับจากเวทีปฏิรูปการเมืองที่จะเริ่มต้นขึ้นครั้งแรกในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ที่ทำเนียบรัฐบาล
การปฏิรูปการเมืองครั้งนี้แม้จะมีความหลากหลายจากผู้ที่ตอบรับเข้าร่วมแต่กลับถูกปฏิเสธจากกลุ่มการเมืองที่อยู่ “ตรงข้าม” กับพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและกลุ่ม 40 ส.ว.
น่าสนใจว่าหลังเวทีปฏิรูปครั้งแรกจบลง จะมี “รูปธรรม” อะไรออกมาเพื่อที่จะหยุดวิกฤติการเผชิญหน้าทางการเมืองรอบใหม่ที่กำลังเริ่ม “ก่อตัว” ขึ้นอย่างช้า ๆ
ภาพการเผชิญหน้ากันท่ามกลางสายตาของประชาชนในการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่องที่มาของวุฒิสภา ได้สร้างความตกใจให้เกิดในสังคมไทยอีกครั้ง สะท้อนให้เห็นสัญญาณประการหนึ่งได้เป็นอย่างดีว่า หากผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายไม่รีบหาทางออกร่วมกัน การเผชิญหน้ากันระหว่าง “คนไทย” กับ “คนไทย” เกิดขึ้นแน่ในเร็ว ๆ วันนี้
ถึงวันนี้แม้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของวุฒิสภาจะคืบคลานไปอย่างช้า ๆ แต่ที่สุดแล้ว “เสียงข้างมาก” จะยกมือให้ผ่านผลักดันออกมาเป็นกฎหมายในที่สุด แต่ก็ไม่ใช่ว่าการต่อต้านจะจบอยู่แค่นั้น เพราะฝ่ายต่อต้านอย่างพรรคประชาธิปัตย์ประกาศไว้แล้วว่า จะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพราะมองว่าการแก้ไขครั้งนี้ขัดรัฐธรรมนูญอยู่ในหลายประเด็น
ใช่แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของวุฒิสภาเท่านั้น ทั้งการผลักดันร่างพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทที่ถูกเปรียบเปรยว่าเป็นการรัฐประหารทางเศรษฐกิจและถูกตั้งข้อสังเกตว่าหมิ่นเหม่จะขัดรัฐธรรมนูญ และการผลักดันร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะถูกส่งไปที่ศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่ากระบวนการออกกฎหมายชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่
พรรคประชาธิปัตย์ประกาศไว้แล้วว่า จะเป่านกหวีดยาวหากมีการผ่านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้ผู้เกี่ยวข้องในบางคดีพ้นผิด กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็เคยมีท่าทีในเรื่องนี้มาก่อนแล้วเช่นกันว่า ไม่เอาด้วยหากเป็นการออกกฎหมาย “ล้างผิด” ให้พรรคพวกของคนในรัฐบาล
อย่าลืมว่าวันนี้ การต่อต้านรัฐบาลทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ ชัดเจนและเป็นรูปเป็นร่างขึ้นตามลำดับ ยังขาดก็แต่เงื่อนไขที่เหมาะสมเท่านั้น การพบกันของคนระดับแกนนำของพรรคประชาธิปัตย์กับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯถือเป็นสัญญาณที่รัฐบาลต้องตระหนักว่า หากไม่มีการลดเงื่อนไขลง เอาแต่เดินหน้าเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมืองต่อไป โดยมีเป้าหมายจะรวบอำนาจจะยิ่งกระตุ้นในสถานการณ์การต่อต้านรุนแรงมากขึ้น
เวทีปฏิรูปการเมืองครั้งนี้ ผู้ที่ตอบรับเข้าร่วมทั้งหลายต้องตระหนักว่า เวทีนี้ไม่ใช่เวที “พี่เลี้ยง” ให้กับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แต่เป็นเวทีที่จะหาทางออกร่วมกันว่าจะเดินหน้าเพื่อสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นได้อย่างไร
รูปธรรมที่เวทีปฏิรูปต้องมีโดยเร็ว คือการเสนอเงื่อนไขเพื่อลดหรือ “วิกฤติ” ทางการเมือง
อะไรที่เป็น “ความเสี่ยง” และ “หมิ่นเหม่” ต้องเสนอมาตรการให้กับรัฐบาลจัดการ เพื่อแสดงออกให้สังคมเห็นว่า เวทีปฏิรูปการเมืองครั้งนี้ ไม่ใช่ “ลูกเล่นทางการเมือง” ของรัฐบาล แต่เป็นเวทีความหวังของสังคมไทยอย่างแท้จริง
หลายต่อหลายคนบอกว่า “ปลายทาง” ของการปฏิรูปการเมืองน่าจะลงที่การแก้ไขกติกา อย่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับซึ่งน่าจะตรงกับความต้องการทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยที่ประกาศไว้ล่วงหน้าแล้วว่า จะต้องทำกติกาอย่างรัฐธรรมนูญซึ่งเป็น “ผลไม้พิษ” ให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงให้จงได้
ดูเหมือนสิ่งที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของน.ส.ยิ่งลักษณ์กำลังทำอยู่ในตอนนี้จะมีลักษณะที่เรียกว่า “รบไปเจรจาไป” กล่าวคือ แทนที่จะขจัด “เงื่อนไข” เพื่อให้ทุกฝ่ายหันหน้ามาคุยกัน ก็ผลักดันทั้งการพูดจา ผลักดันทั้งการแก้ไขกติกาไปพร้อมกัน
นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เคยระบุว่า ต้องแยกออกจากกันระหว่างการปฏิรูปการเมืองกับการนิรโทษกรรม
ปฏิรูปการเมืองนั้นเป็นเรื่องอนาคต ขณะที่การนิรโทษกรรมเป็นเรื่องของอดีต
เวทีปฏิรูปจึงเป็นอีกหนึ่งความหวังที่สังคมไทยอยากเห็นความชัดเจนว่าจะมีทางไหนที่จะทำให้สังคมหลุดพ้นออกจาก “วิกฤติความขัดแย้ง” ซึ่งกินระยะเวลาที่ยาวนานมากขึ้นเรื่อย ๆ
แม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะถูกปรามาสว่ามีต้นทุนทางด้านการปฏิรูปการเมืองต่ำก็ตาม แต่หากเวทีปฏิรูปมีข้อเสนออะไรที่เป็นรูปธรรมออกมาแล้วรัฐบาลรับไปทำและประสบความสำเร็จ
รีบ ๆ กันหน่อย ไม่เช่นนั้น “สงครามประชาชน” เกิดขึ้นแน่.
ขอบคุณ... http://m.dailynews.co.th/politics/228284
เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 25 ส.ค.56
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
รัฐสภา ที่เรากำลังทำในขณะนี้อย่างที่พูดไว้ตั้งแต่วันแรกคือแม้มีความหวังเพียงแค่ 1% ดิฉันก็จำเป็นที่จะต้องเริ่มดีกว่าที่จะปล่อยให้เวลาสูญเสียไป เราปล่อยเวลาเสียมาแล้วถึง 2 ปี จากนี้ไปเราจะทำอย่างดีที่สุด และเชื่อว่าจะไม่เป็นการเสียเวลา เพราะทุกความคิดเห็นมีค่า อะไรที่สามารถนำไปใช้ได้สามารถสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน ดิฉันถือว่าเป็นประโยชน์ทั้งสิ้น” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ที่ผ่านมา ถึง “ความคาดหวัง” ที่จะได้รับจากเวทีปฏิรูปการเมืองที่จะเริ่มต้นขึ้นครั้งแรกในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ที่ทำเนียบรัฐบาล การปฏิรูปการเมืองครั้งนี้แม้จะมีความหลากหลายจากผู้ที่ตอบรับเข้าร่วมแต่กลับถูกปฏิเสธจากกลุ่มการเมืองที่อยู่ “ตรงข้าม” กับพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและกลุ่ม 40 ส.ว. น่าสนใจว่าหลังเวทีปฏิรูปครั้งแรกจบลง จะมี “รูปธรรม” อะไรออกมาเพื่อที่จะหยุดวิกฤติการเผชิญหน้าทางการเมืองรอบใหม่ที่กำลังเริ่ม “ก่อตัว” ขึ้นอย่างช้า ๆ ภาพการเผชิญหน้ากันท่ามกลางสายตาของประชาชนในการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่องที่มาของวุฒิสภา ได้สร้างความตกใจให้เกิดในสังคมไทยอีกครั้ง สะท้อนให้เห็นสัญญาณประการหนึ่งได้เป็นอย่างดีว่า หากผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายไม่รีบหาทางออกร่วมกัน การเผชิญหน้ากันระหว่าง “คนไทย” กับ “คนไทย” เกิดขึ้นแน่ในเร็ว ๆ วันนี้ ถึงวันนี้แม้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของวุฒิสภาจะคืบคลานไปอย่างช้า ๆ แต่ที่สุดแล้ว “เสียงข้างมาก” จะยกมือให้ผ่านผลักดันออกมาเป็นกฎหมายในที่สุด แต่ก็ไม่ใช่ว่าการต่อต้านจะจบอยู่แค่นั้น เพราะฝ่ายต่อต้านอย่างพรรคประชาธิปัตย์ประกาศไว้แล้วว่า จะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพราะมองว่าการแก้ไขครั้งนี้ขัดรัฐธรรมนูญอยู่ในหลายประเด็น ใช่แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของวุฒิสภาเท่านั้น ทั้งการผลักดันร่างพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทที่ถูกเปรียบเปรยว่าเป็นการรัฐประหารทางเศรษฐกิจและถูกตั้งข้อสังเกตว่าหมิ่นเหม่จะขัดรัฐธรรมนูญ และการผลักดันร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะถูกส่งไปที่ศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่ากระบวนการออกกฎหมายชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ พรรคประชาธิปัตย์ประกาศไว้แล้วว่า จะเป่านกหวีดยาวหากมีการผ่านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้ผู้เกี่ยวข้องในบางคดีพ้นผิด กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็เคยมีท่าทีในเรื่องนี้มาก่อนแล้วเช่นกันว่า ไม่เอาด้วยหากเป็นการออกกฎหมาย “ล้างผิด” ให้พรรคพวกของคนในรัฐบาล อย่าลืมว่าวันนี้ การต่อต้านรัฐบาลทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ ชัดเจนและเป็นรูปเป็นร่างขึ้นตามลำดับ ยังขาดก็แต่เงื่อนไขที่เหมาะสมเท่านั้น การพบกันของคนระดับแกนนำของพรรคประชาธิปัตย์กับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯถือเป็นสัญญาณที่รัฐบาลต้องตระหนักว่า หากไม่มีการลดเงื่อนไขลง เอาแต่เดินหน้าเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมืองต่อไป โดยมีเป้าหมายจะรวบอำนาจจะยิ่งกระตุ้นในสถานการณ์การต่อต้านรุนแรงมากขึ้น เวทีปฏิรูปการเมืองครั้งนี้ ผู้ที่ตอบรับเข้าร่วมทั้งหลายต้องตระหนักว่า เวทีนี้ไม่ใช่เวที “พี่เลี้ยง” ให้กับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แต่เป็นเวทีที่จะหาทางออกร่วมกันว่าจะเดินหน้าเพื่อสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นได้อย่างไร รูปธรรมที่เวทีปฏิรูปต้องมีโดยเร็ว คือการเสนอเงื่อนไขเพื่อลดหรือ “วิกฤติ” ทางการเมือง อะไรที่เป็น “ความเสี่ยง” และ “หมิ่นเหม่” ต้องเสนอมาตรการให้กับรัฐบาลจัดการ เพื่อแสดงออกให้สังคมเห็นว่า เวทีปฏิรูปการเมืองครั้งนี้ ไม่ใช่ “ลูกเล่นทางการเมือง” ของรัฐบาล แต่เป็นเวทีความหวังของสังคมไทยอย่างแท้จริง หลายต่อหลายคนบอกว่า “ปลายทาง” ของการปฏิรูปการเมืองน่าจะลงที่การแก้ไขกติกา อย่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับซึ่งน่าจะตรงกับความต้องการทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยที่ประกาศไว้ล่วงหน้าแล้วว่า จะต้องทำกติกาอย่างรัฐธรรมนูญซึ่งเป็น “ผลไม้พิษ” ให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงให้จงได้ ดูเหมือนสิ่งที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของน.ส.ยิ่งลักษณ์กำลังทำอยู่ในตอนนี้จะมีลักษณะที่เรียกว่า “รบไปเจรจาไป” กล่าวคือ แทนที่จะขจัด “เงื่อนไข” เพื่อให้ทุกฝ่ายหันหน้ามาคุยกัน ก็ผลักดันทั้งการพูดจา ผลักดันทั้งการแก้ไขกติกาไปพร้อมกัน นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เคยระบุว่า ต้องแยกออกจากกันระหว่างการปฏิรูปการเมืองกับการนิรโทษกรรม ปฏิรูปการเมืองนั้นเป็นเรื่องอนาคต ขณะที่การนิรโทษกรรมเป็นเรื่องของอดีต เวทีปฏิรูปจึงเป็นอีกหนึ่งความหวังที่สังคมไทยอยากเห็นความชัดเจนว่าจะมีทางไหนที่จะทำให้สังคมหลุดพ้นออกจาก “วิกฤติความขัดแย้ง” ซึ่งกินระยะเวลาที่ยาวนานมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะถูกปรามาสว่ามีต้นทุนทางด้านการปฏิรูปการเมืองต่ำก็ตาม แต่หากเวทีปฏิรูปมีข้อเสนออะไรที่เป็นรูปธรรมออกมาแล้วรัฐบาลรับไปทำและประสบความสำเร็จ รีบ ๆ กันหน่อย ไม่เช่นนั้น “สงครามประชาชน” เกิดขึ้นแน่. ขอบคุณ... http://m.dailynews.co.th/politics/228284 เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 25 ส.ค.56
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)