รายละเอียดกระทู้

สมหมาย ปาริจฉัตต์ การประชุมเพื่อก่อเกิดสภาปฏิรูปการ เมืองจะมีขึ้นนัดแรก วันที่ 25 สิงหาคมนี้ ผู้คนกำลังสนใจว่าจะจัดองค์กร กำหนดกระบวนการทำงาน และทำคลอดข้อเสนอลดความแตกแยก สร้างความยุติธรรมเพื่อนำพาสังคมไทยให้ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไร คน ส่วนใหญ่ ไม่ว่าถูกสวมหมวกว่าเป็นพวกสลิ่ม จิ้งจกสีเทา หรืออะไรก็แล้วแต่ ยังไม่ตัดสินว่าจะเห็นด้วยกับฝ่ายใด ระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายต่อต้าน ประกอบด้วย พรรคประชาธิปัตย์ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณ กลุ่มหน้ากากขาว กลุ่มไทยสปริง ฯลฯ กำลังรอดูว่า การผนึกกำลังของฝ่ายค้านจะเคลื่อนตัวต่อไปอย่างไร แต่ละฝ่ายยอมรับเงื่อนไขของอีกฝ่ายหนึ่งหรือไม่ โดย เฉพาะอย่างยิ่ง แนวคิดที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เสนอต่อคณะผู้เจรจาของพรรคประชาธิปัตย์ นำโดย นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ที่ให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อร่วมต่อสู้กับภาคประชาชนนอกสภาอย่างเต็มที่ พรรคประชาธิปัตย์จะ ยอมรับเงื่อนไขหรือไม่ แค่ไหน ใครจะลาออก ลาออกจำนวนเท่าไหร่ ลาออกเมื่อไหร่ ลาออกไม่หมดแต่ออกบางส่วน บางคน เฉพาะหัวหมู่ทะลวงฟัน เพียงพอตามเงื่อนไขหรือไม่ หลังจากนั้นถึงค่อยมาหารือแนวทางร่วมกันว่าจะเดินต่อไปอย่างไร จะแบ่งสรรหน้าที่ กำหนดยุทธวิธีและจังหวะการเคลื่อนไหวอย่างไร ขณะเดียวกัน ผู้คนก็กำลังดูอีกฝ่ายหนึ่ง คือ รัฐบาล และผู้ตอบรับเข้าร่วมเวทีปฏิรูปจะเคลื่อนตัวต่อไปอย่างไร สถานการณ์ ณ ขณะนี้จึงยังเป็นห้วงเวลาของการช่วงชิงมวลชนคนกลาง ซึ่งเป็นเสียงส่วนใหญ่จะเข้าข้างไหน ประเด็น หนึ่งซึ่งหลายฝ่ายพูดตรงกัน ถึงเงื่อนไขความเป็นไปได้และความสำเร็จของการปฏิรูปการเมืองและสภาปฏิรูปการ เมือง คือ ความจริงใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งของฝ่ายรัฐบาลที่เป็นผู้นำเสนอแนวทางการจัดตั้งสภาปฏิรูป การเมืองขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เกิดกลไกต่างๆ ขึ้นมาแล้วมากมายตามลำดับก่อนหน้านี้ ใช้ภาษาสวยหรูว่าแต่ละคณะต่างมีชุดความคิดและผลิตข้อเสนอแนวทางปฏิรูปประเทศ ไทยไว้หลากหลาย เพียงแต่ว่าข้อเสนอเหล่านั้นถูกละเลย เพราะเล่นการเมืองแบบเอาชนะคะคาน ชิงดีชิงเด่น ไม่ยอมรับผลงานของอีกฝ่ายมาทำต่อ กลัวว่าจะเสียศักดิ์ศรี ถูกเยาะเย้ยถากถางว่าไร้ฝีมือ ทำให้ข้อเสนอต่างๆ ถูกเก็บดองไว้ไม่ได้นำไปสู่การปฏิบัติคณะแล้วคณะเล่า ไม่ว่าจะเป็น คณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญของ รัฐสภา ตามคำสั่งแต่งตั้งของ นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา มี นายดิเรก ถึงฝั่ง วุฒิสมาชิก เป็นประธาน คณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เป็นประธาน คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ศ.คณิต ณ นคร เป็นประธาน คณะ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร และสถาบันพระปกเกล้า ซึ่งนำเสนอรายงานการวิจัยแนวทางการปรองดองแห่งชาติ คณะกรรมการ ยุทธศาสตร์การปฏิรูป (คปร.) นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เป็นประธาน คณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) นายอุกฤษ มงคลนาวิน เป็นประธาน คณะ กรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบ และค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน จัดทำข้อเสนอเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย 108 เวทีทั่วประเทศ ผล งานของคณะกรรมการต่างๆ เหล่านี้ เป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดที่จะสะท้อนถึงความจริงใจในการปฏิรูปการเมืองของ รัฐบาลและเวทีสภาปฏิรูปการเมืองที่จะเกิดขึ้น พิสูจน์ให้เห็นด้วยการ กระทำ แสดงให้ผู้คนเห็นถึงความจริงใจ ด้วยการนำเอาข้อเสนอทั้งหมดมาเป็นตัวตั้ง แนวทางใดที่ปรากฏในรายงานของคณะกรรมการแต่ละชุด ข้อใดตอบโจทย์ปัญหาของสังคมไทยถูกต้อง แก้ปัญหาทั้งเชิงระบบ และพฤติกรรมของคนได้ เสนอให้องค์กรที่รับผิดชอบดำเนินการต่อทันที โดย ไม่จำเป็นต้องเสียสมอง เสียพลังงาน เสียงบประมาณ เสียเวลา เสียอามรณ์ ผลิตซ้ำวรรณกรรมปฏิรูปประเทศไทย ปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปๆๆๆๆ ซ้ำซาก ซ้ำรอยเดิมที่ผ่านมา ใครสามารถทำให้ข้อเสนอทั้งมวลที่มีมาแล้วมาก มายกลายเป็นความจริงในทางปฏิบัติได้ แสดงให้เห็นถึงความจริงใจไม่ใช่ดีแต่พูด ไม่เลือกทำเฉพาะประเด็นที่เป็นประโยชนกับตัวเอง ผมเชื่อว่าผู้คนส่วนใหญ่เอาด้วยแน่นอน ขอบคุณ... http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1377166012&grpid=&catid=02&subcatid=0207 มติชนออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 22 ส.ค.56