เมื่อ 'ความจริงใจ' ไล่ล่ายิ่งลักษณ์

แสดงความคิดเห็น

นี่...เห็นมั้ย จะต้องไปเชิญฝรั่งมาแต่งหน้าโจรปรองดองให้เปลืองเงินทำไม แค่ยิ่งลักษณ์ห้ามปราม "สมุนเสื้อแดง" ว่าไม่ต้องออกมาทำหน้าที่ "กองโจรคุ้มกันรัฐบาล" เหมือนอย่างที่ทำเมื่อวาน (๑๔ ส.ค.๕๖) ไปไล่ล่าคณะกรรมการสิทธิฯ ด้วยไม่พอใจผลสรุปข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์ "เผาบ้าน-เผาเมือง" ที่ออกมาไม่เป็นคุณกับโจร

ผมถึงได้บอก จะต้องไปเอาใครมาปรองดอง-มาปฏิรูปให้เมื่อยตุ้มทำไม ถ้ารัฐบาล "ทักษิณคิด-ยิ่งลักษณ์ทำ" ต้องการให้บ้านเมืองสงบ เกิดความปรองดองจริงๆ ละก็

ต้องไม่ใช้เสื้อแดงออกไป "ป่วนบ้าน-ป่วนเมือง" อย่างที่ทำอยู่จนถึงวินาทีนี้!

ปล่อยให้ทุกอย่างเดินไปตามกระบวนการกฎหมายบ้านเมือง มีรัฐบาลยิ่งลักษณ์รัฐบาลเดียวพอแล้ว ไม่ต้องมีรัฐบาลธิดาแดงในทำเนียบ นปช.อิมพีเรียล ทำหน้าที่เป็นรัฐบาลแดงทั้งแผ่นดิน บริหารคู่ขนาน

"รัฐไทยกับรัฐโจร"!

แค่นี้ บ้านเมืองก็จะเดินหน้าไปได้ ยอมรับความจริงกันซะบ้าง อย่าหนังหนา-หน้าด้าน เหมือนรองเท้าไอ้จ่าคนนั้น

ที่บ้านเมืองวุ่นวาย เพราะฝ่ายรัฐบาลเองนั่นแหละ ใช้กองกำลังอันธพาลเที่ยวไปข่มขู่-คุกคามคนนั้น-คนนี้ ทั้งตอนเป็นรัฐบาล และไม่ได้เป็นรัฐบาล

นอกจากใช้อันธพาลแล้ว นายกฯ ยังใช้อำนาจผ่านพวกข้าราชการบางหมู่เหล่า ที่เห็นชัดคือตำรวจ และดีเอสไอ ให้เป็นที่ประจักษ์ทางสังคมว่า ตำรวจและดีเอสไอใช้กฎหมายหนักไปทาง สนองอำนาจรัฐบาล

จากการบริหาร ๒ มาตรฐานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ขณะนี้ บ้านเมืองและประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ต่างพากันเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า

พื้นที่ไหนเสื้อแดง ได้รับการดูแลประคบ-ประหงมเป็นพิเศษ พื้นที่ไหนไม่สนับสนุนเสื้อแดง งบก็แทบไม่ได้ การเอาใจใส่ดูแลก็แทบไม่มี และวันนี้ การคุกคามประชาชนด้วยประจบรัฐบาลไปถึงขั้น.....กดไลค์ติดร่างแห-กดแชร์ติด คุก!

ก็อยากจะบอกตรงนี้ว่า.......!

ก่อนรัฐบาลจะมีอันเป็นไป และก่อนผู้นำบริหารจะต้องซมซานด้วยตกจากอำนาจ มองย้อนอดีตถึงปัจจุบัน การใช้อำนาจข่มขู่คุกคามผู้ไม่สยบยอมให้กับรัฐ และการที่รัฐใช้อำนาจล่วงล้ำสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลในด้านสื่อสารของประชาชน

นั่นคือ...."กาลอวสาน" จะเป็นสัญญาณมาบอกล่วงหน้าแบบนี้เสมอ!

ถ้าไม่อยากถึงกาลอวสาน ยิ่งลักษณ์ต้องเข้าใจ ความฉิบหายในบ้านเมืองทุกวันนี้มาจากเหตุ ถ้าต้องการระงับความฉิบหายนั้นให้บ้านเมืองและตัวเอง ต้องแก้ที่ตัวเหตุ

"ทักษิณคิด-ยิ่งลักษณ์ทำ" นั่นละตัวเหตุ!

เธอเที่ยวพูดไปทั่วว่า เป็นนายกฯ มาจากการเลือกตั้งระบอบประชาธิปไตย ในระบบรัฐสภา แต่เธอไม่รู้เลยว่า หัวใจของประชาธิปไตยระบบรัฐสภา คือการได้อยู่-ได้ร่วมประชุมเป็นเนืองนิตย์กับสมาชิกรัฐสภา

ก็เป็นที่ประจักษ์ว่า นอกจากจีบปาก-จีบคอ เที่ยวบอกสมาชิกรัฐสภาเสมอว่า "มีอะไรให้เอาไปพูดกันในรัฐสภา" แล้ว

แต่ประชุมสภาฯ ทีไร ตัวนายกฯ ผู้มาจากเลือกตั้ง ตะแล้ดแต๊ดแต๋ไปดูสัตว์แอฟริกาบ้าง ไปเห็นน้ำซัดหาดสาดซ่าที่มัลดีฟส์บ้าง

แล้วเมื่อวาน ประชุมนัดสำคัญว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายประจำปีของรัฐบาล.......โน่น พวกกุนซือหลังผ้าซิ่น จัดฉากให้ไปตรวจเยี่ยมกองทัพไทย!

พ.ร.บ.ปรองดองเข้าสภาฯ ก็หนีไปนอก อภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็หนีไปตัดริบบิ้น งบประมาณประจำปี ก็ยังตีค่าต่ำกว่าการนวยนาดไปตรวจแถวทหาร

แล้วสัปดาห์หน้า พ.ร.บ.กู้ ๒ ล้านล้านเข้าสภาฯ นายกฯประชาธิปไตย จะไปโชว์เชปที่ไหนจ๊ะ?

กฎหมายสำคัญๆ ขนาดนี้ ที่ต้องชี้ขาดในรัฐสภา แต่ยิ่งลักษณ์ยังไม่เห็นถึงความสำคัญที่ต้องเข้าไปร่วมฟัง ร่วมประชุม ร่วมออกความคิดเห็น

แล้วอะไรล่ะ ที่ยิ่งลักษณ์เข้าใจว่า มีความสำคัญกว่า ที่จะหนีประชุมสภาฯ ไม่ได้!?

ท่านจำ "หมอมาโนช" ได้มั้ย เมื่อราวๆ ๒ ปีที่แล้ว ท่านเขียนบอกถึงอาการของคนเป็นโรคทางจิตชนิดหนึ่ง จำได้ว่าตอนนั้นเขียนมาจากญี่ปุ่น เมื่อ ๓-๔ วันมานี้ ท่านเขียนถึงผมอีกฉบับ แต่บอกอย่าเอาลงคอลัมน์

ก็ไม่เอาลงละ แต่จะนำคร่าวๆ บางตอนถึงคนบางคนมาเล่าให้ฟัง คือผู้ใช้นามว่า "หมอมาโนช ที่ไม่ใช่ นพ.มาโนช รพ.รามาฯ" ท่านเล่าว่า

มีคนสอบถามกันมากว่า ที่คนเผยแพร่ภาพซ้อมชกกระสอบทราย มีความหมายเช่นไร....?

ตอบง่ายๆ เป็นอาการของโรค ซึ่งยกระดับถึงขั้นวิกฤติ ต้องรีบไปหาหมอเพื่อทำการปรับระดับยา แต่คนไข้มักจะไม่มาหาหมอ เพราะคึกคักสุดๆ สนุกดี คนรอบข้างก็ ใช่ครับท่าน...ดีครับนาย ขนมจีนผสมน้ำยา

ส่วนน้องสาว (หรือหลาน?) ซึ่งนับวันจะ...ขึ้นเรื่อยๆ คงเป็นคนเดียวของประเทศไทย ซึ่งถูกชาวบ้านล้อเลียนอย่างรุนแรง สมเพช ดูถูก ดูหมิ่น เหยียดหยาม ในสติปัญญาอันกระจิริด วันละหลายๆ ครั้งก็ยังยิ้ม "เป็นเรื่องของสภา ข้า...."

ไปท่องโพยตามต่างประเทศต่างๆ โดยไม่เข้าใจความหมาย แม้กระทั่ง Thank You (3 times) ที่แสบสุดก็คือไปอ่านโพยที่มองโกเลีย อ่านผิดๆ ถูกๆ ประจำ แต่ส่วนใหญ่จะผิด ถ้าเป็นคนธรรมดาต้องเอาหน้ามุดดินแล้ว

แต่เธอยิ้มแย้มให้ถ่ายรูปอย่างมีความสุข นี่ก็เป็นอาการของโรค ซึ่งชาวบ้านธรรมดาไม่ทราบ.....ในที่สุด ๒ คนนี้ก็จะต้อง..........แบบฮิตเลอร์ เพราะทำใจไม่ได้กับความพ่ายแพ้อย่างหมดรูป

ครับ..นี่คือความในจดหมายผู้ใช้นาม "หมอมาโนช ที่ไม่ใช่ นพ.มาโนช รพ.รามาฯ" แต่ท่านยังเขียนต่อท้ายไว้อีกนิดว่า......

"ชอบใจ Video clip การแสดงของคุณโน้ส อุดม ล้อเลียนเรื่องความป้ำๆ เป๋อๆ ปัญญาอ่อน ผู้ชมหัวเราะทั้งน้ำตา น่าหาซื้อมาดู ราคา ๒๐๐ กว่าบาทเอง วางขายเด่นทุกร้านขายหนังสือ CD แม้กระทั่งเซเว่นฯ"

ผมก็ไม่ได้ดู เลยไม่ทราบว่า ที่หมอมาโนชเล่ามาทั้งหมดนี้หมายถึงใคร เห็นจะต้องอาศัยคลิปวิดีโอคุณโน้ส อุดม เป็นลายแทงซะแล้ว

กลับมาเรื่องการ "ปฏิรูปการเมือง" กันต่อ อันที่จริงการปรองดองกับการปฏิรูปการเมือง มันเป็น "คนละเรื่องเดียวกัน"

ในเส้นทางสู่อนาคตนั้น แนวทาง "ปฏิรูปการเมือง" ถือเป็นทางเลือกทางหนึ่ง แต่ไม่ใช่จะทำให้เกิดขึ้นได้จากยิ่งลักษณ์ ทั้งไม่ใช่วิธีการและรูปแบบ "ปฏิรูปกันที่ปากอ่าว" แบบนี้

แต่ก่อนไปถึงจุดนั้น ควรศึกษาและเดินตามบันทึกความเห็น-ข้อเสนอแนะ ของคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) ที่อาจารย์คณิต ณ นคร เป็นประธานเสียก่อน

ในส่วนความเห็นและข้อเสนอแนะต่อร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ของนายวรชัย เหมะ นั้น คปก.มีความเห็นที่สำคัญว่า .........

ร่างฯ ดังกล่าวยังไม่สอดคล้องกับหลักความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน (Transitional Justice) เพราะสาระสำคัญของร่างกฎหมายมุ่งเน้นเพียงการนิรโทษกรรมแบบครอบคลุมทั่วไป โดยกำหนดให้ผู้กระทำความผิด พ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด และความรับผิดโดยสิ้นเชิง

ตามมาตรา ๓ และมาตรา ๔ เป็นการมุ่งผลักดันให้มีการนิรโทษกรรม โดยไม่ดำเนินกระบวนการเพื่อความปรองดองอื่นๆ ตามหลักความยุติธรรมระยะเปลี่ยนผ่านควบคู่ไปด้วย การเสนอและพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ เกิดขึ้นโดยไม่ได้นำกระบวนการยุติธรรมปกติมาใช้ เพื่อสร้างความยุติธรรมและลดความขัดแย้งอย่างจริงจังเสียก่อน

และดำเนินไปโดยปราศจากการมีส่วนร่วม การเห็นพ้องต้องกันของฝ่ายอื่นๆ ที่อยู่ในวังวนของความขัดแย้ง เช่น ฝ่ายค้าน ภาคประชาสังคม แม้แต่ญาติของผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง

การเสนอและการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ จึงไม่มีความเหมาะสมทั้งในด้านเวลา และสถานการณ์ ทั้งจะนำไปสู่ความขัดแย้งในสังคมให้ร้าวลึกยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ ดังกล่าว ยังมีลักษณะเปิดช่องให้มีการตีความ และการบังคับใช้ให้มีผลเป็นการยกเว้นบุคคลให้ไม่ต้องรับโทษแบบเหมารวมครอบ คลุมเป็นการเฉพาะ เพราะยังไม่ได้กำหนดชัดเจนถึงลักษณะความผิดที่สมควรได้รับการนิรโทษกรรม

การบัญญัติกฎหมายที่มีลักษณะกว้างเช่นนี้ ไม่สอดคล้องกับหลักการสากล อีกทั้งเป็นการส่งเสริมให้ผู้ก่อความรุนแรง หรือละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่ต้องรับผิด และจะมีการใช้ความรุนแรงต่อกันขึ้นอีกในอนาคต

คปก.จึงมีความเห็นให้ทบทวนการกำหนดลักษณะความผิดที่ควรได้รับการนิรโทษกรรม อีกครั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง ตลอดจนกำหนดหลักเกณฑ์ กลไกและกระบวนการที่ชัดเจน ในการกลั่นกรองและนิรโทษกรรม

เห็นมั้ย...ยิ่งลักษณ์ จริงใจจะปรองดอง-ปฏิรูปละก็ ถ้าไม่อยากทำตามข้อเสนอประชาธิปัตย์ก็ไม่เป็นไร เอาอย่างที่อาจารย์คณิตเสนอนี่แหละไปใช้ ตายก็ตาหลับ...เชื่อผมเถอะ.

ขอบคุณ... http://www.thaipost.net/news/150813/77831 (ขนาดไฟล์: 167)

ไทยโพสต์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 15 ส.ค.56

ที่มา: ไทยโพสต์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 15 ส.ค.56
วันที่โพสต์: 15/08/2556 เวลา 02:44:56

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

นี่...เห็นมั้ย จะต้องไปเชิญฝรั่งมาแต่งหน้าโจรปรองดองให้เปลืองเงินทำไม แค่ยิ่งลักษณ์ห้ามปราม "สมุนเสื้อแดง" ว่าไม่ต้องออกมาทำหน้าที่ "กองโจรคุ้มกันรัฐบาล" เหมือนอย่างที่ทำเมื่อวาน (๑๔ ส.ค.๕๖) ไปไล่ล่าคณะกรรมการสิทธิฯ ด้วยไม่พอใจผลสรุปข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์ "เผาบ้าน-เผาเมือง" ที่ออกมาไม่เป็นคุณกับโจร ผมถึงได้บอก จะต้องไปเอาใครมาปรองดอง-มาปฏิรูปให้เมื่อยตุ้มทำไม ถ้ารัฐบาล "ทักษิณคิด-ยิ่งลักษณ์ทำ" ต้องการให้บ้านเมืองสงบ เกิดความปรองดองจริงๆ ละก็ ต้องไม่ใช้เสื้อแดงออกไป "ป่วนบ้าน-ป่วนเมือง" อย่างที่ทำอยู่จนถึงวินาทีนี้! ปล่อยให้ทุกอย่างเดินไปตามกระบวนการกฎหมายบ้านเมือง มีรัฐบาลยิ่งลักษณ์รัฐบาลเดียวพอแล้ว ไม่ต้องมีรัฐบาลธิดาแดงในทำเนียบ นปช.อิมพีเรียล ทำหน้าที่เป็นรัฐบาลแดงทั้งแผ่นดิน บริหารคู่ขนาน "รัฐไทยกับรัฐโจร"! แค่นี้ บ้านเมืองก็จะเดินหน้าไปได้ ยอมรับความจริงกันซะบ้าง อย่าหนังหนา-หน้าด้าน เหมือนรองเท้าไอ้จ่าคนนั้น ที่บ้านเมืองวุ่นวาย เพราะฝ่ายรัฐบาลเองนั่นแหละ ใช้กองกำลังอันธพาลเที่ยวไปข่มขู่-คุกคามคนนั้น-คนนี้ ทั้งตอนเป็นรัฐบาล และไม่ได้เป็นรัฐบาล นอกจากใช้อันธพาลแล้ว นายกฯ ยังใช้อำนาจผ่านพวกข้าราชการบางหมู่เหล่า ที่เห็นชัดคือตำรวจ และดีเอสไอ ให้เป็นที่ประจักษ์ทางสังคมว่า ตำรวจและดีเอสไอใช้กฎหมายหนักไปทาง สนองอำนาจรัฐบาล จากการบริหาร ๒ มาตรฐานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ขณะนี้ บ้านเมืองและประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ต่างพากันเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า พื้นที่ไหนเสื้อแดง ได้รับการดูแลประคบ-ประหงมเป็นพิเศษ พื้นที่ไหนไม่สนับสนุนเสื้อแดง งบก็แทบไม่ได้ การเอาใจใส่ดูแลก็แทบไม่มี และวันนี้ การคุกคามประชาชนด้วยประจบรัฐบาลไปถึงขั้น.....กดไลค์ติดร่างแห-กดแชร์ติด คุก! ก็อยากจะบอกตรงนี้ว่า.......! ก่อนรัฐบาลจะมีอันเป็นไป และก่อนผู้นำบริหารจะต้องซมซานด้วยตกจากอำนาจ มองย้อนอดีตถึงปัจจุบัน การใช้อำนาจข่มขู่คุกคามผู้ไม่สยบยอมให้กับรัฐ และการที่รัฐใช้อำนาจล่วงล้ำสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลในด้านสื่อสารของประชาชน นั่นคือ...."กาลอวสาน" จะเป็นสัญญาณมาบอกล่วงหน้าแบบนี้เสมอ! ถ้าไม่อยากถึงกาลอวสาน ยิ่งลักษณ์ต้องเข้าใจ ความฉิบหายในบ้านเมืองทุกวันนี้มาจากเหตุ ถ้าต้องการระงับความฉิบหายนั้นให้บ้านเมืองและตัวเอง ต้องแก้ที่ตัวเหตุ "ทักษิณคิด-ยิ่งลักษณ์ทำ" นั่นละตัวเหตุ! เธอเที่ยวพูดไปทั่วว่า เป็นนายกฯ มาจากการเลือกตั้งระบอบประชาธิปไตย ในระบบรัฐสภา แต่เธอไม่รู้เลยว่า หัวใจของประชาธิปไตยระบบรัฐสภา คือการได้อยู่-ได้ร่วมประชุมเป็นเนืองนิตย์กับสมาชิกรัฐสภา ก็เป็นที่ประจักษ์ว่า นอกจากจีบปาก-จีบคอ เที่ยวบอกสมาชิกรัฐสภาเสมอว่า "มีอะไรให้เอาไปพูดกันในรัฐสภา" แล้ว แต่ประชุมสภาฯ ทีไร ตัวนายกฯ ผู้มาจากเลือกตั้ง ตะแล้ดแต๊ดแต๋ไปดูสัตว์แอฟริกาบ้าง ไปเห็นน้ำซัดหาดสาดซ่าที่มัลดีฟส์บ้าง แล้วเมื่อวาน ประชุมนัดสำคัญว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายประจำปีของรัฐบาล.......โน่น พวกกุนซือหลังผ้าซิ่น จัดฉากให้ไปตรวจเยี่ยมกองทัพไทย! พ.ร.บ.ปรองดองเข้าสภาฯ ก็หนีไปนอก อภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็หนีไปตัดริบบิ้น งบประมาณประจำปี ก็ยังตีค่าต่ำกว่าการนวยนาดไปตรวจแถวทหาร แล้วสัปดาห์หน้า พ.ร.บ.กู้ ๒ ล้านล้านเข้าสภาฯ นายกฯประชาธิปไตย จะไปโชว์เชปที่ไหนจ๊ะ? กฎหมายสำคัญๆ ขนาดนี้ ที่ต้องชี้ขาดในรัฐสภา แต่ยิ่งลักษณ์ยังไม่เห็นถึงความสำคัญที่ต้องเข้าไปร่วมฟัง ร่วมประชุม ร่วมออกความคิดเห็น แล้วอะไรล่ะ ที่ยิ่งลักษณ์เข้าใจว่า มีความสำคัญกว่า ที่จะหนีประชุมสภาฯ ไม่ได้!? ท่านจำ "หมอมาโนช" ได้มั้ย เมื่อราวๆ ๒ ปีที่แล้ว ท่านเขียนบอกถึงอาการของคนเป็นโรคทางจิตชนิดหนึ่ง จำได้ว่าตอนนั้นเขียนมาจากญี่ปุ่น เมื่อ ๓-๔ วันมานี้ ท่านเขียนถึงผมอีกฉบับ แต่บอกอย่าเอาลงคอลัมน์ ก็ไม่เอาลงละ แต่จะนำคร่าวๆ บางตอนถึงคนบางคนมาเล่าให้ฟัง คือผู้ใช้นามว่า "หมอมาโนช ที่ไม่ใช่ นพ.มาโนช รพ.รามาฯ" ท่านเล่าว่า มีคนสอบถามกันมากว่า ที่คนเผยแพร่ภาพซ้อมชกกระสอบทราย มีความหมายเช่นไร....? ตอบง่ายๆ เป็นอาการของโรค ซึ่งยกระดับถึงขั้นวิกฤติ ต้องรีบไปหาหมอเพื่อทำการปรับระดับยา แต่คนไข้มักจะไม่มาหาหมอ เพราะคึกคักสุดๆ สนุกดี คนรอบข้างก็ ใช่ครับท่าน...ดีครับนาย ขนมจีนผสมน้ำยา ส่วนน้องสาว (หรือหลาน?) ซึ่งนับวันจะ...ขึ้นเรื่อยๆ คงเป็นคนเดียวของประเทศไทย ซึ่งถูกชาวบ้านล้อเลียนอย่างรุนแรง สมเพช ดูถูก ดูหมิ่น เหยียดหยาม ในสติปัญญาอันกระจิริด วันละหลายๆ ครั้งก็ยังยิ้ม "เป็นเรื่องของสภา ข้า...." ไปท่องโพยตามต่างประเทศต่างๆ โดยไม่เข้าใจความหมาย แม้กระทั่ง Thank You (3 times) ที่แสบสุดก็คือไปอ่านโพยที่มองโกเลีย อ่านผิดๆ ถูกๆ ประจำ แต่ส่วนใหญ่จะผิด ถ้าเป็นคนธรรมดาต้องเอาหน้ามุดดินแล้ว แต่เธอยิ้มแย้มให้ถ่ายรูปอย่างมีความสุข นี่ก็เป็นอาการของโรค ซึ่งชาวบ้านธรรมดาไม่ทราบ.....ในที่สุด ๒ คนนี้ก็จะต้อง..........แบบฮิตเลอร์ เพราะทำใจไม่ได้กับความพ่ายแพ้อย่างหมดรูป ครับ..นี่คือความในจดหมายผู้ใช้นาม "หมอมาโนช ที่ไม่ใช่ นพ.มาโนช รพ.รามาฯ" แต่ท่านยังเขียนต่อท้ายไว้อีกนิดว่า...... "ชอบใจ Video clip การแสดงของคุณโน้ส อุดม ล้อเลียนเรื่องความป้ำๆ เป๋อๆ ปัญญาอ่อน ผู้ชมหัวเราะทั้งน้ำตา น่าหาซื้อมาดู ราคา ๒๐๐ กว่าบาทเอง วางขายเด่นทุกร้านขายหนังสือ CD แม้กระทั่งเซเว่นฯ" ผมก็ไม่ได้ดู เลยไม่ทราบว่า ที่หมอมาโนชเล่ามาทั้งหมดนี้หมายถึงใคร เห็นจะต้องอาศัยคลิปวิดีโอคุณโน้ส อุดม เป็นลายแทงซะแล้ว กลับมาเรื่องการ "ปฏิรูปการเมือง" กันต่อ อันที่จริงการปรองดองกับการปฏิรูปการเมือง มันเป็น "คนละเรื่องเดียวกัน" ในเส้นทางสู่อนาคตนั้น แนวทาง "ปฏิรูปการเมือง" ถือเป็นทางเลือกทางหนึ่ง แต่ไม่ใช่จะทำให้เกิดขึ้นได้จากยิ่งลักษณ์ ทั้งไม่ใช่วิธีการและรูปแบบ "ปฏิรูปกันที่ปากอ่าว" แบบนี้ แต่ก่อนไปถึงจุดนั้น ควรศึกษาและเดินตามบันทึกความเห็น-ข้อเสนอแนะ ของคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) ที่อาจารย์คณิต ณ นคร เป็นประธานเสียก่อน ในส่วนความเห็นและข้อเสนอแนะต่อร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ของนายวรชัย เหมะ นั้น คปก.มีความเห็นที่สำคัญว่า ......... ร่างฯ ดังกล่าวยังไม่สอดคล้องกับหลักความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน (Transitional Justice) เพราะสาระสำคัญของร่างกฎหมายมุ่งเน้นเพียงการนิรโทษกรรมแบบครอบคลุมทั่วไป โดยกำหนดให้ผู้กระทำความผิด พ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด และความรับผิดโดยสิ้นเชิง ตามมาตรา ๓ และมาตรา ๔ เป็นการมุ่งผลักดันให้มีการนิรโทษกรรม โดยไม่ดำเนินกระบวนการเพื่อความปรองดองอื่นๆ ตามหลักความยุติธรรมระยะเปลี่ยนผ่านควบคู่ไปด้วย การเสนอและพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ เกิดขึ้นโดยไม่ได้นำกระบวนการยุติธรรมปกติมาใช้ เพื่อสร้างความยุติธรรมและลดความขัดแย้งอย่างจริงจังเสียก่อน และดำเนินไปโดยปราศจากการมีส่วนร่วม การเห็นพ้องต้องกันของฝ่ายอื่นๆ ที่อยู่ในวังวนของความขัดแย้ง เช่น ฝ่ายค้าน ภาคประชาสังคม แม้แต่ญาติของผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง การเสนอและการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ จึงไม่มีความเหมาะสมทั้งในด้านเวลา และสถานการณ์ ทั้งจะนำไปสู่ความขัดแย้งในสังคมให้ร้าวลึกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ ดังกล่าว ยังมีลักษณะเปิดช่องให้มีการตีความ และการบังคับใช้ให้มีผลเป็นการยกเว้นบุคคลให้ไม่ต้องรับโทษแบบเหมารวมครอบ คลุมเป็นการเฉพาะ เพราะยังไม่ได้กำหนดชัดเจนถึงลักษณะความผิดที่สมควรได้รับการนิรโทษกรรม การบัญญัติกฎหมายที่มีลักษณะกว้างเช่นนี้ ไม่สอดคล้องกับหลักการสากล อีกทั้งเป็นการส่งเสริมให้ผู้ก่อความรุนแรง หรือละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่ต้องรับผิด และจะมีการใช้ความรุนแรงต่อกันขึ้นอีกในอนาคต คปก.จึงมีความเห็นให้ทบทวนการกำหนดลักษณะความผิดที่ควรได้รับการนิรโทษกรรม อีกครั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง ตลอดจนกำหนดหลักเกณฑ์ กลไกและกระบวนการที่ชัดเจน ในการกลั่นกรองและนิรโทษกรรม เห็นมั้ย...ยิ่งลักษณ์ จริงใจจะปรองดอง-ปฏิรูปละก็ ถ้าไม่อยากทำตามข้อเสนอประชาธิปัตย์ก็ไม่เป็นไร เอาอย่างที่อาจารย์คณิตเสนอนี่แหละไปใช้ ตายก็ตาหลับ...เชื่อผมเถอะ. ขอบคุณ... http://www.thaipost.net/news/150813/77831 ไทยโพสต์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 15 ส.ค.56

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...

ห้องการเมือง