"การเมือง"ว่าด้วยความไม่สมดุล
ว่าไปแล้วปัญหาการเมืองนำมาซึ่งความขัดแย้งในสังคมของประเทศไทยนั้น เรื่องหลักๆน่าจะอยู่ที่ตัวนักการเมืองและพฤติกรรมทุจริตคอรัปชันนี่ แหละ...แม้ว่ารัฐธรรมนูญจะเป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดรูปแบบการเมืองก็ตาม
แต่ ถ้านักการเมืองยังไม่ปฏิรูปตัวเองจะมีรัฐธรรมนูญกี่ฉบับก็ไม่สามารถแก้ปัญหา ขนาดมีรัฐธรรมนูญฉบับที่เรียกว่าดีที่สุดอย่างปี 40 ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาทางการเมืองได้ระดับหนึ่ง
สุดท้ายก็ยังเสร็จนักการเมืองจนได้
ประเทศ แม่แบบกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ สหรัฐอเมริกา นับแต่สถาปนาระบบการปกครองมาอย่างยาวนาน ปรากฏว่าแต่ละประเทศมีรัฐธรรมนูญเพียงฉบับเดียวเท่านั้นและใช้มาจนถึงทุก วันนี้
นั่นน่าจะเป็นเพราะปัจจัยสำคัญ 2 ประเด็นหลักคือนักการเมืองมีพัฒนาการที่ดีต่อการส่งเสริมประชาธิปไตยและ ประชาชนมีการศึกษาให้ความสนใจและมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
พูดถึง เรื่องนี้แล้วหากมองไปถึงการเลือกตั้งต่อไป ถ้ารัฐบาลชุดนี้สามารถอยู่ครบเทอม 4 ปี หรืออาจจะอยู่ไม่ถึงก็ตาม แม้เพื่อไทยและประชาธิปัตย์จะยังเป็นพรรคการเมืองหลักก็ตาม แต่เชื่อว่าจะมีพรรคการเมืองเกิดใหม่อีกหลายพรรค
และที่เกี่ยวเนื่อง กันก็คือหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มาของวุฒิสมาชิกซึ่งจะให้มาจาก การเลือกตั้งจำนวน 200 คน มีอำนาจเต็มพิกัดตามที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดเอาไว้
การเมืองจะไม่ มีการเปลี่ยนแปลงแต่จะทำให้รัฐบาลคาดการณ์ตามสถานการณ์ปัจจุบันพรรคเพื่อไทย มีโอกาสมากที่สุดและจะมีอำนาจมากกว่าปัจจุบันอีกด้วย
ความเป็นจริง ทางการเมือง ณ วันนี้เป็นการต่อสู้กันระหว่าง เพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ ส่วนพรรคการเมืองอื่นๆเป็นเพียงแค่เครื่อง ประดับเท่านั้น อยู่ที่ว่าจะโน้มเอียงไปทางพรรคใหญ่พรรคไหนเท่านั้น
เอาเข้าจริงแล้ว ชัดเจนว่าต้องการอยู่กับพรรครัฐบาลมากกว่าอย่างพรรคภูมิใจไทยที่แยกเป็นหลาย ส่วน ที่ชัดเจนนั้นเป็น 2 ขั้นอยู่แล้ว ขณะที่ขั้วใหญ่สุดก็ยังแยกซอยออกไปอีก
เมื่อการเมืองเป็นอย่างนี้ประ ชาธิปัตย์จึงเป็นพรรคฝ่ายค้านเพียงพรรคเดียวเท่านั้นทำให้เสียงสนับสนุนแทน ที่จะได้จากพรรคฝ่ายค้านร่วมเพิ่มเติมแต่ก็ไม่ได้ การทำหน้าที่ฝ่ายค้านจึงโดดเดี่ยวอย่างที่เห็นๆกันอยู่
แน่นอนว่าทั้งนักการเมืองเองหรือประชาชนโดยทั่วไปที่ไม่ชอบพรรคเพื่อไทยแต่ก็ไม่ชอบประชาธิปัตย์มากขึ้นเรื่อยๆ
จึงต้องการพรรคทางเลือกใหม่หรือพรรคที่ 3
แต่ สภาพการเมืองที่เป็นจริงไม่สามารถทำให้พรรคที่ 3 เกิดขึ้นมาได้ เพราะนักการเมืองระดับแม่เหล็กหลายคนที่เคยคิดถึงเรื่องนี้ แต่ด้วยปัจจัยการเมืองที่เป็นจริงต่างมองว่าเป็นเรื่องยากโดยเฉพาะไม่อาจจะ เอาชนะเพื่อไทยได้ทั้งเสียงสนับสนุนและเงินทุน
วันนี้หลายคนเริ่มคิด ที่จะทำพรรคการเมืองเอง ได้ ส.ส.สัก 5-10 คนก็พอแล้วและเข้าไปเป็นพรรคร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทย มีเก้าอี้รัฐมนตรีสัก 1-2 ตัวก็พอแล้ว
ขณะเดียวกัน หลายคนก็คิดว่าด้วยเสียงสนับสนุนเฉพาะตัวก็ตั้งพรรคขึ้นมาและส่งผู้สมัครไม่ กี่คนแต่เน้นไปที่ปาร์ตี้ลิสต์แม้จะสอบตกกันหมด แต่ปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1-2 ก็มีโอกาสที่จะได้เป็น ส.ส.และมีโอกาสเข้าร่วมรัฐบาลด้วย
เรียกว่าลงทุนน้อยแต่คุ้มค่า
หรือ การกำหนดให้วุฒิสมาชิกเลือกตั้งทั้งหมด 200 คน โอกาสที่พรรคใหญ่ซึ่งมีฐานเสียงหนาแน่นกว่าอย่างพรรคเพื่อไทยก็สามารถที่จะ สนับสนุนผู้สมัครวุฒิสมาชิกแบบลับๆเข้ามาอยู่ในสังกัดได้จำนวนมาก
ความไม่สมดุลในระบบการเมืองจะทำให้เกิดปัญหาเดิมๆขึ้นมาอีก....โดย: สายล่อฟ้า
ขอบคุณ... http://m.thairath.co.th/content/pol/362969
ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 13 ส.ค.56
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
ว่าไปแล้วปัญหาการเมืองนำมาซึ่งความขัดแย้งในสังคมของประเทศไทยนั้น เรื่องหลักๆน่าจะอยู่ที่ตัวนักการเมืองและพฤติกรรมทุจริตคอรัปชันนี่ แหละ...แม้ว่ารัฐธรรมนูญจะเป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดรูปแบบการเมืองก็ตาม แต่ ถ้านักการเมืองยังไม่ปฏิรูปตัวเองจะมีรัฐธรรมนูญกี่ฉบับก็ไม่สามารถแก้ปัญหา ขนาดมีรัฐธรรมนูญฉบับที่เรียกว่าดีที่สุดอย่างปี 40 ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาทางการเมืองได้ระดับหนึ่ง สุดท้ายก็ยังเสร็จนักการเมืองจนได้ ประเทศ แม่แบบกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ สหรัฐอเมริกา นับแต่สถาปนาระบบการปกครองมาอย่างยาวนาน ปรากฏว่าแต่ละประเทศมีรัฐธรรมนูญเพียงฉบับเดียวเท่านั้นและใช้มาจนถึงทุก วันนี้ นั่นน่าจะเป็นเพราะปัจจัยสำคัญ 2 ประเด็นหลักคือนักการเมืองมีพัฒนาการที่ดีต่อการส่งเสริมประชาธิปไตยและ ประชาชนมีการศึกษาให้ความสนใจและมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง พูดถึง เรื่องนี้แล้วหากมองไปถึงการเลือกตั้งต่อไป ถ้ารัฐบาลชุดนี้สามารถอยู่ครบเทอม 4 ปี หรืออาจจะอยู่ไม่ถึงก็ตาม แม้เพื่อไทยและประชาธิปัตย์จะยังเป็นพรรคการเมืองหลักก็ตาม แต่เชื่อว่าจะมีพรรคการเมืองเกิดใหม่อีกหลายพรรค และที่เกี่ยวเนื่อง กันก็คือหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มาของวุฒิสมาชิกซึ่งจะให้มาจาก การเลือกตั้งจำนวน 200 คน มีอำนาจเต็มพิกัดตามที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดเอาไว้ การเมืองจะไม่ มีการเปลี่ยนแปลงแต่จะทำให้รัฐบาลคาดการณ์ตามสถานการณ์ปัจจุบันพรรคเพื่อไทย มีโอกาสมากที่สุดและจะมีอำนาจมากกว่าปัจจุบันอีกด้วย ความเป็นจริง ทางการเมือง ณ วันนี้เป็นการต่อสู้กันระหว่าง เพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ ส่วนพรรคการเมืองอื่นๆเป็นเพียงแค่เครื่อง ประดับเท่านั้น อยู่ที่ว่าจะโน้มเอียงไปทางพรรคใหญ่พรรคไหนเท่านั้น เอาเข้าจริงแล้ว ชัดเจนว่าต้องการอยู่กับพรรครัฐบาลมากกว่าอย่างพรรคภูมิใจไทยที่แยกเป็นหลาย ส่วน ที่ชัดเจนนั้นเป็น 2 ขั้นอยู่แล้ว ขณะที่ขั้วใหญ่สุดก็ยังแยกซอยออกไปอีก เมื่อการเมืองเป็นอย่างนี้ประ ชาธิปัตย์จึงเป็นพรรคฝ่ายค้านเพียงพรรคเดียวเท่านั้นทำให้เสียงสนับสนุนแทน ที่จะได้จากพรรคฝ่ายค้านร่วมเพิ่มเติมแต่ก็ไม่ได้ การทำหน้าที่ฝ่ายค้านจึงโดดเดี่ยวอย่างที่เห็นๆกันอยู่ แน่นอนว่าทั้งนักการเมืองเองหรือประชาชนโดยทั่วไปที่ไม่ชอบพรรคเพื่อไทยแต่ก็ไม่ชอบประชาธิปัตย์มากขึ้นเรื่อยๆ จึงต้องการพรรคทางเลือกใหม่หรือพรรคที่ 3 แต่ สภาพการเมืองที่เป็นจริงไม่สามารถทำให้พรรคที่ 3 เกิดขึ้นมาได้ เพราะนักการเมืองระดับแม่เหล็กหลายคนที่เคยคิดถึงเรื่องนี้ แต่ด้วยปัจจัยการเมืองที่เป็นจริงต่างมองว่าเป็นเรื่องยากโดยเฉพาะไม่อาจจะ เอาชนะเพื่อไทยได้ทั้งเสียงสนับสนุนและเงินทุน วันนี้หลายคนเริ่มคิด ที่จะทำพรรคการเมืองเอง ได้ ส.ส.สัก 5-10 คนก็พอแล้วและเข้าไปเป็นพรรคร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทย มีเก้าอี้รัฐมนตรีสัก 1-2 ตัวก็พอแล้ว ขณะเดียวกัน หลายคนก็คิดว่าด้วยเสียงสนับสนุนเฉพาะตัวก็ตั้งพรรคขึ้นมาและส่งผู้สมัครไม่ กี่คนแต่เน้นไปที่ปาร์ตี้ลิสต์แม้จะสอบตกกันหมด แต่ปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1-2 ก็มีโอกาสที่จะได้เป็น ส.ส.และมีโอกาสเข้าร่วมรัฐบาลด้วย เรียกว่าลงทุนน้อยแต่คุ้มค่า หรือ การกำหนดให้วุฒิสมาชิกเลือกตั้งทั้งหมด 200 คน โอกาสที่พรรคใหญ่ซึ่งมีฐานเสียงหนาแน่นกว่าอย่างพรรคเพื่อไทยก็สามารถที่จะ สนับสนุนผู้สมัครวุฒิสมาชิกแบบลับๆเข้ามาอยู่ในสังกัดได้จำนวนมาก ความไม่สมดุลในระบบการเมืองจะทำให้เกิดปัญหาเดิมๆขึ้นมาอีก....โดย: สายล่อฟ้า ขอบคุณ... http://m.thairath.co.th/content/pol/362969 ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 13 ส.ค.56
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)