สปีช"ยิ่งลักษณ์"กรุงโคลัมโบ การเมืองอยู่ในภาวะท้าทาย ประชาธิปไตยต้องคงอยู่ เพราะเป็นปรารถนาประชาชน
เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ที่อาคารรัฐสภาศรีลังกา กรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมรัฐสภาศรีลังกา ระหว่างการเดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา และสาธารณรัฐมัลดีฟส์อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม -2 มิถุนายน ตอนหนึ่งมีใจความว่า ในการเยือนศรีลังกา มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างความเป็นหุ้นส่วนที่ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นกว่าที่มีมา และต้องการแสวงหาการสนับสนุนจากศรีลังกา เพื่อสร้างสะพานแห่งความร่วมมือในหลากหลายมิติที่ครอบคลุมไปทั้งภูมิภาค เอเชีย ในโลกปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีการแข่งขันที่รุนแรงในระบบเศรษฐกิจทุนนิยม มีความวุ่นวายทางการเมือง และความผันผวนสังคม เราจึงต้องร่วมมือกันส่งเสริมพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาที่เน้นความอดทน อดกลั้น และสอดคล้องกับวิถีชีวิตของมนุษย์ และจะนำมาซึ่งสันติภาพ ไม่เพียงแต่สำหรับปัจเจกบุคคล แต่รวมถึงมนุษยชาติ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ในมิติด้านการเมือง ไทยและศรีลังกาให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบอบประชาธิปไตย แม้ว่ามีความท้าทาย ที่พยายามทำลายความเชื่อในประชาธิปไตย แต่ประชาธิปไตยก็ยังคงอยู่ เพราะเป็นความปรารถนาของประชาชน ประชาธิปไตยเป็นรูปแบบที่ดีที่สุดของรัฐบาลในการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของ ประชาชน และสังคมโดยรวม แต่ประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องภายในประเทศของประเทศใดประเทศหนึ่งโดยลำพัง ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยทั่วโลกต้องร่วมมือกันในการปกป้องและคุ้มครอง ประชาชน ซึ่งไทยและศรีลังกามีบทเรียนและประสบการณ์ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาและส่งเสริมประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับภัยคุกคามของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัย ธรรมชาติ ซึ่งไทยและศรีลังกาต่างต้องเผชิญชะตากรรมร่วมกับสึนามิในปี 2004 และไทยต้องเผชิญกับอุทกภัยที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาติเมื่อ 2 ปีที่แล้ว การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจึงเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของมนุษย์ และจำเป็นต้องมีความร่วมมือกันเพื่อปกป้องความปลอดภัยของประชาชน โดยการลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ และเสริมสร้างความร่วมมือให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยให้มีแผนปฏิบัติการเพื่อประสานงานในระบบเตือนภัย และการบรรเทาสาธารณภัย ในส่วนของประเทศไทย มีการลงทุน 66 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ที่เชื่อมต่อภูมิภาค การเชื่อมโยงที่มีประสิทธิภาพ นำไปสู่การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการเชื่อมโยงระหว่างประชาชน ท่าเรือน้ำลึกทวายเป็นโครงการหนึ่งในโครงการสำคัญ ที่ไทยและเมียนมาร์จะร่วมมือกันพัฒนาในชายฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งจะเชื่อมต่อกับท่าเรือแหลมฉบังในอ่าวไทย และขณะเดียวกันจะเป็นระเบียงเศรษฐกิจใหม่ ที่เชื่อมมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรอินเดีย
"ทั้งนี้ การพัฒนาท่าเรือน้ำลึกของศรีลังกาจะทำให้ศรีลังกาได้ประโยชน์จากการค้ากับ ทวาย และท่าเรืออื่นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ ไทยได้ร่วมมือกับประเทศเอเชียอื่นผ่าน ความร่วมมือภูมิภาคเอเชีย หรือ ACD เพื่อพัฒนาวิสัยทัศน์ โดยการวางเส้นทางสายไหมใหม่ ที่จะเชื่อมเอเชียทั่วทุกมุมไว้ด้วยกัน และต่อไปยังส่วนอื่นๆของภูมิภาค การเชื่อมโยงที่กว้างขวางขึ้นนี้ ขยายต่อไปยังแอฟริกา ซึ่งได้มีการกำหนดวาระการประชุมเพื่อนำไปสู่การพัฒนาร่วมกัน โดยไทยริเริ่มความร่วมมือไทย-แอฟริกา ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับสูงไทย-แอฟริกาในเดือนพฤศจิกายนนี้" น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ที่อาคารรัฐสภาศรีลังกา กรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมรัฐสภาศรีลังกา ระหว่างการเดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา และสาธารณรัฐมัลดีฟส์อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม -2 มิถุนายน ตอนหนึ่งมีใจความว่า ในการเยือนศรีลังกา มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างความเป็นหุ้นส่วนที่ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นกว่าที่มีมา และต้องการแสวงหาการสนับสนุนจากศรีลังกา เพื่อสร้างสะพานแห่งความร่วมมือในหลากหลายมิติที่ครอบคลุมไปทั้งภูมิภาค เอเชีย ในโลกปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีการแข่งขันที่รุนแรงในระบบเศรษฐกิจทุนนิยม มีความวุ่นวายทางการเมือง และความผันผวนสังคม เราจึงต้องร่วมมือกันส่งเสริมพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาที่เน้นความอดทน อดกลั้น และสอดคล้องกับวิถีชีวิตของมนุษย์ และจะนำมาซึ่งสันติภาพ ไม่เพียงแต่สำหรับปัจเจกบุคคล แต่รวมถึงมนุษยชาติ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ในมิติด้านการเมือง ไทยและศรีลังกาให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบอบประชาธิปไตย แม้ว่ามีความท้าทาย ที่พยายามทำลายความเชื่อในประชาธิปไตย แต่ประชาธิปไตยก็ยังคงอยู่ เพราะเป็นความปรารถนาของประชาชน ประชาธิปไตยเป็นรูปแบบที่ดีที่สุดของรัฐบาลในการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของ ประชาชน และสังคมโดยรวม แต่ประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องภายในประเทศของประเทศใดประเทศหนึ่งโดยลำพัง ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยทั่วโลกต้องร่วมมือกันในการปกป้องและคุ้มครอง ประชาชน ซึ่งไทยและศรีลังกามีบทเรียนและประสบการณ์ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาและส่งเสริมประชาธิปไตยอย่างแท้จริง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับภัยคุกคามของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัย ธรรมชาติ ซึ่งไทยและศรีลังกาต่างต้องเผชิญชะตากรรมร่วมกับสึนามิในปี 2004 และไทยต้องเผชิญกับอุทกภัยที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาติเมื่อ 2 ปีที่แล้ว การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจึงเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของมนุษย์ และจำเป็นต้องมีความร่วมมือกันเพื่อปกป้องความปลอดภัยของประชาชน โดยการลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ และเสริมสร้างความร่วมมือให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยให้มีแผนปฏิบัติการเพื่อประสานงานในระบบเตือนภัย และการบรรเทาสาธารณภัย ในส่วนของประเทศไทย มีการลงทุน 66 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ที่เชื่อมต่อภูมิภาค การเชื่อมโยงที่มีประสิทธิภาพ นำไปสู่การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการเชื่อมโยงระหว่างประชาชน ท่าเรือน้ำลึกทวายเป็นโครงการหนึ่งในโครงการสำคัญ ที่ไทยและเมียนมาร์จะร่วมมือกันพัฒนาในชายฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งจะเชื่อมต่อกับท่าเรือแหลมฉบังในอ่าวไทย และขณะเดียวกันจะเป็นระเบียงเศรษฐกิจใหม่ ที่เชื่อมมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรอินเดีย "ทั้งนี้ การพัฒนาท่าเรือน้ำลึกของศรีลังกาจะทำให้ศรีลังกาได้ประโยชน์จากการค้ากับ ทวาย และท่าเรืออื่นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ ไทยได้ร่วมมือกับประเทศเอเชียอื่นผ่าน ความร่วมมือภูมิภาคเอเชีย หรือ ACD เพื่อพัฒนาวิสัยทัศน์ โดยการวางเส้นทางสายไหมใหม่ ที่จะเชื่อมเอเชียทั่วทุกมุมไว้ด้วยกัน และต่อไปยังส่วนอื่นๆของภูมิภาค การเชื่อมโยงที่กว้างขวางขึ้นนี้ ขยายต่อไปยังแอฟริกา ซึ่งได้มีการกำหนดวาระการประชุมเพื่อนำไปสู่การพัฒนาร่วมกัน โดยไทยริเริ่มความร่วมมือไทย-แอฟริกา ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับสูงไทย-แอฟริกาในเดือนพฤศจิกายนนี้" น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว ขอบคุณ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1370001091&grpid=&catid=01&subcatid=0100
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)