เช็กกำลังแนวรบ กลุ่มต้าน "รัฐบาลปู" รับสัญญาณการเมือง "ร้อน"

แสดงความคิดเห็น

บรรยากาศ "การเมืองไทย" ปรับเข้าโหมดร้อนแรง ยืนอยู่ท่ามกลางสภาวะแวดล้อมที่ถือว่าเป็น "จุดเสี่ยง" ที่ 2 ขั้วอำนาจ อาจจะต้องเผชิญหน้า ตาต่อตา ฟันต่อฟัน กันอีกครั้ง

โดยมีอยู่ 2 ปัจจัย 1.ปัจจัยด้านการเมือง เงื่อนปมหลักโฟกัสไปที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะแม้ "รัฐบาล-พรรคเพื่อไทย-พรรคร่วมรัฐบาล" จะยอมใส่เกียร์เดินถอยหลัง ด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ตามคำแนะนำของ "ศาลรัฐธรรมนูญ"

แต่ ก็ต้องสะดุดติดหล่มคำรบสอง เมื่อ "ศาลรัฐธรรมนูญ" เล่นแร่แปรธาตุรับคำร้องของ "สมชาย แสวงการ" ส.ว.สรรหา ที่ยื่นให้ "ศาลรัฐธรรมนูญ" พิจารณาวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ว่าด้วยการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ

เงื่อนปมรองจับตาไปที่การเสนอ "พ.ร.บ.นิรโทษกรรม" ซึ่งถูกเลื่อนวาระให้ร่นขึ้นมาเป็นวาระแรก เมื่อเปิดสมัยประชุมสภาเมื่อไร "หัวขบวนเพื่อไทย" พร้อมที่จะขับเคลื่อนเดินหน้าพิจารณา "พ.ร.บ.นิรโทษกรรม" ทันที

2.ปัจจัย ด้านเมกะโปรเจ็กต์ของ "รัฐบาล" ไม่ว่าจะเป็นเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท แม้จะยังไม่ถึงขั้นตอนของการดำเนินการ "ฝั่งตรงข้าม" ก็ "จองกฐิน" รอชำแหละ พร้อมใช้เป็นเงื่อนไขปลุก "มวลชน" กันแล้ว

จังหวะก้าวของ "รัฐบาล" ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงเต็มไปด้วยขวากหนามที่คอยสกัดขัดขวางไม่ให้ "รัฐบาล" ก้าวเดินได้สะดวก ขยับขวาก็โดน ขยับซ้ายก็ไม่รอด

เมื่อขยับ ตัวไม่ออกเหมือนไฟต์บังคับให้ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี - "รัฐบาล" - "พรรคเพื่อไทย" - "คนเสื้อแดง" ต้องเปลี่ยนเกมเล่น จากรอโดน "รุก" เป็น "รุก" เข้าใส่

รุกหนึ่งคือความเคลื่อนไหวของ "ยิ่งลักษณ์" ในการปาฐกถาเวทีประชาประชาธิปไตย ที่ประเทศมองโกเลีย ถือเป็นการนำประสบการณ์ไปอธิบายให้ "ชาวโลก" ได้รับรู้ความเป็นมา

และ ให้ "ชาวโลก" ได้ "ทำนาย" ความเป็นไปที่อาจจะเกิดขึ้นใน "อนาคต" ของประเทศไทย หากเกิดอะไรกับ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" ก็จะรู้ว่าเป็น "ฝีมือ" ของใคร

หมากเกมนี้ "รัฐบาล" ได้ "ชาวโลก" เป็น "แนวร่วม" เรียบร้อยแล้ว

รุก สองคือ "เพื่อไทย" ผนึกกำลังกับ "กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ" (นปช.) เคลื่อนพลปราศรัยหลายจุดในภาคอีสาน ระดมบรรดา "แฟนคลับ" มาฟังกันอย่างหนาแน่นเช่นเคย

การเคลื่อนพลครั้งนี้ก็เพื่อปลุก "มวลชน" ให้ตื่น เตรียมความพร้อม หากต้องเผชิญ "ศึก" ที่รออยู่ข้างหน้า เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้ระดมพลเข้า "กรุง" ร่วมด้วยช่วยกันทันเวลา ไม่เสียรู้-เสียเหลี่ยม "ฝั่งตรงข้าม" เหมือนเมื่อก่อน

รุกสามคือการ ไม่ส่งคำชี้แจงต่อ "ศาลรัฐธรรมนูญ" กรณีรับวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ดื้อแพ่งกันให้รู้ไปข้างว่าใครมีความชอบธรรมมากกว่ากัน

นี่คือความเคลื่อนไหวของฝั่ง "รัฐบาล" ที่เริ่มเช็ก "ความฟิต" ของ "แนวร่วม" ให้เห็นกันแล้ว

ส่วน "ฝั่งตรงข้าม" แม้จะไม่รวมตัวกันเป็น "กลุ่มก้อน" แต่องคาพยพทั้งหมดก็พร้อม หาก "ตัวจริง" ที่ "แฝงตัว" อยู่ใน "เงามืด" เป่านกหวีดเรียกเมื่อไร พร้อมระดมพลได้เมื่อนั้น

ซึ่ง "กองต้าน" เบอร์หนึ่งหนีไม่พ้น "พรรคประชาธิปัตย์" (ปชป.) ทุกเรื่องเสนอโดย "รัฐบาล" ปชป. ต้องออกมาคัดค้าน แสดง "จุดยืน" ที่จะต้องตรงข้ามกับ "รัฐบาล" เพื่อรักษา "มวลชน" ที่ยังศรัทธาใน ปชป.

การจัดทัพสะสม "กองกำลัง" ของ ปชป. มีทั้งบนดิน-ใต้ดิน บนดินรวบรวม "มวลชน" ผ่านการเดินสายปราศรัยในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ที่บรรดา "แฟนคลับ" ปชป. ยังคงมีอยู่อย่างหนาแน่น

นอกจากนี้ ยังมีการรวมพลผ่านสถานีโทรทัศน์ "บลูสกาย" ซึ่งต้องยอมรับว่า "สามเกลอ" รายการสายล่อฟ้า เรียกคนเรียกแขกให้หันมาสนใจได้พอสมควร

ส่วนเกมใต้ ดิน ปชป. ใช้รูปแบบเดียวกับ "นปช." โดยมี "สุเทพ เทือกสุบรรณ" ส.ส.สุราษฎร์ธานี เป็นคีย์แมนหลัก สร้าง "โรงเรียนการเมือง" ซึ่งพยายามเผยแพร่อุดมการณ์ทางการเมืองให้มีเครือข่ายเยอะที่สุด

แต่ ก็ยังไม่สามารถเจาะเข้า "เรดโซน" ของ นปช. ได้ มวลชนที่มีอยู่ในมือจึงซ้ำซ้อนกับฐานเดิมของ ปชป. เครือข่ายได้เพิ่มไม่เยอะ แต่ก็ปลูกฝังอุดมการณ์ให้ "ประชาชน" สู้เพื่อ ปชป. ได้มากขึ้น

ด้าน "กลุ่ม 40 ส.ว." ถือเป็นกลุ่มหนึ่งที่ต้องสู้กันหนัก เนื่องจากไม่ยอมให้ "รัฐบาล" เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ เพราะนั่นหมายถึงการยอมให้ "ส.ว.สรรหา" สูญพันธุ์ไปโดยปริยาย

ความเคลื่อนไหวของ "กลุ่ม 40 ส.ว." อยู่ในแง่ของการบังคับใช้ "กฎหมาย" จ้องเล่นงาน "รัฐบาล" โดยใช้ "กฎหมาย" เป็นเครื่องมือ ที่สำคัญเป็นตัว "จุดชนวน" ด้วยการยื่นฟ้องร้องในกรณีต่างๆ เพื่อเปิดแผลให้ "แนวร่วม" ขยายแผลต่อ

ส่วนความเคลื่อนไหวของบรรดากลุ่มก้อนที่มี "มวลชน" อยู่ในมือยังมีให้เห็น

"กลุ่ม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" (พธม.) ซึ่งในระยะหลัง "แกนนำ" อย่าง "สนธิ ลิ้มทองสกุล" "พล.ต.จำลอง ศรีเมือง" "ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์" ยังคงเงียบๆ อยู่ แต่ยังมีการปลุกระดมผ่าน "สื่อ" ของ พธม. เอง และ พธม. ยังมีเครือข่ายที่เป็นฐานมวลชนอยู่พอสมควร เช่น "กองทัพธรรม" ของสันติอโศก

"กลุ่ม พิทักษ์สยาม" ที่ยังมี "เสธ.อ้าย" พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ แม้ช่วงที่ผ่านมาแทบจะไม่มีความเคลื่อนไหวออกมาให้เห็น แต่การชุมนุมของ "กลุ่มพิทักษ์สยาม" ในช่วงปลายปี 2555 ที่สามารถระดมพลได้หลายหมื่นภายในไม่กี่วัน ก็เป็นสัญญาณที่ "รัฐบาล" จะประมาทไม่ได้

"กลุ่มเสื้อหลากสี" ของ "ตุลย์ สิทธิสมวงศ์" ที่พยายามมีกิจกรรมเลี้ยงมวลชนไม่ให้ห่างหายไป เลี้ยงไข้เลี้ยงเชื้อเอาไว้ เผื่อวันหนึ่งจำเป็นต้องออกมาเคลื่อนไหว

"กลุ่มกรีน" ที่มี "สุริยะใส กตะศิลา" ลูกหม้อ พธม. ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานอยู่ โดยมีภารกิจหลักในการเดินสายรวบรวม "กลุ่มเอ็นจีโอ"-"ภาควิชาการ"-"ภาคสังคม" ที่มีแนวคิดต่อต้านระบอบทักษิณ ให้มาผนึกกำลังเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

"กลุ่ม 13 สยามไท" นำโดย "พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน" "ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์" "วีระ สมความคิด" มีโทรทัศน์ช่อง 13 สยามไท เอาไว้ปลุกปั่นมวลชน กลุ่มนี้จะมีคอนเน็กชั่นกับ "นายทหารเก่า" ที่อยู่ตรงข้าม "พ.ต.ท.ทักษิณ" คอยเป็นแบล็กอัพให้

ส่วน คนหน้าเก่าอย่าง "น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ" เจ้าของฉายาซีไอเอเมืองไทย ยังมีความเคลื่อนไหวออกมาให้เห็น ด้วยการทำงานสอดประสานกับกลุ่มต่างๆ และที่ผ่านมา "ประสงค์" มักจะออกแอ๊กชั่นขู่ "รัฐบาล" ว่าระวังเจอ "ม็อบ" อยู่ตลอด

หากจับเส้นสนกลในเชื่อมโยงเครือข่ายแล้ว "กลุ่มก้อน" ที่แยกตัวกันออกไป มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันอยู่ บางเวลาอาจจะทะเลาะกันเอง บางเวลาอาจจะแตกคอกัน

แต่เมื่อถึงเวลา "กลุ่มก้อน" เหล่านี้สามารถรวมตัวกันได้อัตโนมัติเหมือน "กดรีโมต" เพราะต่างคนเคยร่วมงานกันในช่วงที่ "โค่นล้ม" รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ มาแล้ว จึงไม่แปลกหากจะรวมการ "เฉพาะกิจ" โค่นล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์อีกครั้ง

เพราะยังมีเป้าหมายเดียวกันคือ "ล้มล้าง" ระบอบ "ทักษิณ"

ขอบคุณ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1368015452&grpid=03&catid=&subcatid= (ขนาดไฟล์: 167)

ที่มา: มติชนออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 9 พ.ค.56
วันที่โพสต์: 9/05/2556 เวลา 03:50:06

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

บรรยากาศ "การเมืองไทย" ปรับเข้าโหมดร้อนแรง ยืนอยู่ท่ามกลางสภาวะแวดล้อมที่ถือว่าเป็น "จุดเสี่ยง" ที่ 2 ขั้วอำนาจ อาจจะต้องเผชิญหน้า ตาต่อตา ฟันต่อฟัน กันอีกครั้ง โดยมีอยู่ 2 ปัจจัย 1.ปัจจัยด้านการเมือง เงื่อนปมหลักโฟกัสไปที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะแม้ "รัฐบาล-พรรคเพื่อไทย-พรรคร่วมรัฐบาล" จะยอมใส่เกียร์เดินถอยหลัง ด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ตามคำแนะนำของ "ศาลรัฐธรรมนูญ" แต่ ก็ต้องสะดุดติดหล่มคำรบสอง เมื่อ "ศาลรัฐธรรมนูญ" เล่นแร่แปรธาตุรับคำร้องของ "สมชาย แสวงการ" ส.ว.สรรหา ที่ยื่นให้ "ศาลรัฐธรรมนูญ" พิจารณาวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ว่าด้วยการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ เงื่อนปมรองจับตาไปที่การเสนอ "พ.ร.บ.นิรโทษกรรม" ซึ่งถูกเลื่อนวาระให้ร่นขึ้นมาเป็นวาระแรก เมื่อเปิดสมัยประชุมสภาเมื่อไร "หัวขบวนเพื่อไทย" พร้อมที่จะขับเคลื่อนเดินหน้าพิจารณา "พ.ร.บ.นิรโทษกรรม" ทันที 2.ปัจจัย ด้านเมกะโปรเจ็กต์ของ "รัฐบาล" ไม่ว่าจะเป็นเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท แม้จะยังไม่ถึงขั้นตอนของการดำเนินการ "ฝั่งตรงข้าม" ก็ "จองกฐิน" รอชำแหละ พร้อมใช้เป็นเงื่อนไขปลุก "มวลชน" กันแล้ว จังหวะก้าวของ "รัฐบาล" ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงเต็มไปด้วยขวากหนามที่คอยสกัดขัดขวางไม่ให้ "รัฐบาล" ก้าวเดินได้สะดวก ขยับขวาก็โดน ขยับซ้ายก็ไม่รอด เมื่อขยับ ตัวไม่ออกเหมือนไฟต์บังคับให้ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี - "รัฐบาล" - "พรรคเพื่อไทย" - "คนเสื้อแดง" ต้องเปลี่ยนเกมเล่น จากรอโดน "รุก" เป็น "รุก" เข้าใส่ รุกหนึ่งคือความเคลื่อนไหวของ "ยิ่งลักษณ์" ในการปาฐกถาเวทีประชาประชาธิปไตย ที่ประเทศมองโกเลีย ถือเป็นการนำประสบการณ์ไปอธิบายให้ "ชาวโลก" ได้รับรู้ความเป็นมา และ ให้ "ชาวโลก" ได้ "ทำนาย" ความเป็นไปที่อาจจะเกิดขึ้นใน "อนาคต" ของประเทศไทย หากเกิดอะไรกับ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" ก็จะรู้ว่าเป็น "ฝีมือ" ของใคร หมากเกมนี้ "รัฐบาล" ได้ "ชาวโลก" เป็น "แนวร่วม" เรียบร้อยแล้ว รุก สองคือ "เพื่อไทย" ผนึกกำลังกับ "กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ" (นปช.) เคลื่อนพลปราศรัยหลายจุดในภาคอีสาน ระดมบรรดา "แฟนคลับ" มาฟังกันอย่างหนาแน่นเช่นเคย การเคลื่อนพลครั้งนี้ก็เพื่อปลุก "มวลชน" ให้ตื่น เตรียมความพร้อม หากต้องเผชิญ "ศึก" ที่รออยู่ข้างหน้า เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้ระดมพลเข้า "กรุง" ร่วมด้วยช่วยกันทันเวลา ไม่เสียรู้-เสียเหลี่ยม "ฝั่งตรงข้าม" เหมือนเมื่อก่อน รุกสามคือการ ไม่ส่งคำชี้แจงต่อ "ศาลรัฐธรรมนูญ" กรณีรับวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ดื้อแพ่งกันให้รู้ไปข้างว่าใครมีความชอบธรรมมากกว่ากัน นี่คือความเคลื่อนไหวของฝั่ง "รัฐบาล" ที่เริ่มเช็ก "ความฟิต" ของ "แนวร่วม" ให้เห็นกันแล้ว ส่วน "ฝั่งตรงข้าม" แม้จะไม่รวมตัวกันเป็น "กลุ่มก้อน" แต่องคาพยพทั้งหมดก็พร้อม หาก "ตัวจริง" ที่ "แฝงตัว" อยู่ใน "เงามืด" เป่านกหวีดเรียกเมื่อไร พร้อมระดมพลได้เมื่อนั้น ซึ่ง "กองต้าน" เบอร์หนึ่งหนีไม่พ้น "พรรคประชาธิปัตย์" (ปชป.) ทุกเรื่องเสนอโดย "รัฐบาล" ปชป. ต้องออกมาคัดค้าน แสดง "จุดยืน" ที่จะต้องตรงข้ามกับ "รัฐบาล" เพื่อรักษา "มวลชน" ที่ยังศรัทธาใน ปชป. การจัดทัพสะสม "กองกำลัง" ของ ปชป. มีทั้งบนดิน-ใต้ดิน บนดินรวบรวม "มวลชน" ผ่านการเดินสายปราศรัยในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ที่บรรดา "แฟนคลับ" ปชป. ยังคงมีอยู่อย่างหนาแน่น นอกจากนี้ ยังมีการรวมพลผ่านสถานีโทรทัศน์ "บลูสกาย" ซึ่งต้องยอมรับว่า "สามเกลอ" รายการสายล่อฟ้า เรียกคนเรียกแขกให้หันมาสนใจได้พอสมควร ส่วนเกมใต้ ดิน ปชป. ใช้รูปแบบเดียวกับ "นปช." โดยมี "สุเทพ เทือกสุบรรณ" ส.ส.สุราษฎร์ธานี เป็นคีย์แมนหลัก สร้าง "โรงเรียนการเมือง" ซึ่งพยายามเผยแพร่อุดมการณ์ทางการเมืองให้มีเครือข่ายเยอะที่สุด แต่ ก็ยังไม่สามารถเจาะเข้า "เรดโซน" ของ นปช. ได้ มวลชนที่มีอยู่ในมือจึงซ้ำซ้อนกับฐานเดิมของ ปชป. เครือข่ายได้เพิ่มไม่เยอะ แต่ก็ปลูกฝังอุดมการณ์ให้ "ประชาชน" สู้เพื่อ ปชป. ได้มากขึ้น ด้าน "กลุ่ม 40 ส.ว." ถือเป็นกลุ่มหนึ่งที่ต้องสู้กันหนัก เนื่องจากไม่ยอมให้ "รัฐบาล" เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ เพราะนั่นหมายถึงการยอมให้ "ส.ว.สรรหา" สูญพันธุ์ไปโดยปริยาย ความเคลื่อนไหวของ "กลุ่ม 40 ส.ว." อยู่ในแง่ของการบังคับใช้ "กฎหมาย" จ้องเล่นงาน "รัฐบาล" โดยใช้ "กฎหมาย" เป็นเครื่องมือ ที่สำคัญเป็นตัว "จุดชนวน" ด้วยการยื่นฟ้องร้องในกรณีต่างๆ เพื่อเปิดแผลให้ "แนวร่วม" ขยายแผลต่อ ส่วนความเคลื่อนไหวของบรรดากลุ่มก้อนที่มี "มวลชน" อยู่ในมือยังมีให้เห็น "กลุ่ม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" (พธม.) ซึ่งในระยะหลัง "แกนนำ" อย่าง "สนธิ ลิ้มทองสกุล" "พล.ต.จำลอง ศรีเมือง" "ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์" ยังคงเงียบๆ อยู่ แต่ยังมีการปลุกระดมผ่าน "สื่อ" ของ พธม. เอง และ พธม. ยังมีเครือข่ายที่เป็นฐานมวลชนอยู่พอสมควร เช่น "กองทัพธรรม" ของสันติอโศก "กลุ่ม พิทักษ์สยาม" ที่ยังมี "เสธ.อ้าย" พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ แม้ช่วงที่ผ่านมาแทบจะไม่มีความเคลื่อนไหวออกมาให้เห็น แต่การชุมนุมของ "กลุ่มพิทักษ์สยาม" ในช่วงปลายปี 2555 ที่สามารถระดมพลได้หลายหมื่นภายในไม่กี่วัน ก็เป็นสัญญาณที่ "รัฐบาล" จะประมาทไม่ได้ "กลุ่มเสื้อหลากสี" ของ "ตุลย์ สิทธิสมวงศ์" ที่พยายามมีกิจกรรมเลี้ยงมวลชนไม่ให้ห่างหายไป เลี้ยงไข้เลี้ยงเชื้อเอาไว้ เผื่อวันหนึ่งจำเป็นต้องออกมาเคลื่อนไหว "กลุ่มกรีน" ที่มี "สุริยะใส กตะศิลา" ลูกหม้อ พธม. ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานอยู่ โดยมีภารกิจหลักในการเดินสายรวบรวม "กลุ่มเอ็นจีโอ"-"ภาควิชาการ"-"ภาคสังคม" ที่มีแนวคิดต่อต้านระบอบทักษิณ ให้มาผนึกกำลังเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน "กลุ่ม 13 สยามไท" นำโดย "พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน" "ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์" "วีระ สมความคิด" มีโทรทัศน์ช่อง 13 สยามไท เอาไว้ปลุกปั่นมวลชน กลุ่มนี้จะมีคอนเน็กชั่นกับ "นายทหารเก่า" ที่อยู่ตรงข้าม "พ.ต.ท.ทักษิณ" คอยเป็นแบล็กอัพให้ ส่วน คนหน้าเก่าอย่าง "น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ" เจ้าของฉายาซีไอเอเมืองไทย ยังมีความเคลื่อนไหวออกมาให้เห็น ด้วยการทำงานสอดประสานกับกลุ่มต่างๆ และที่ผ่านมา "ประสงค์" มักจะออกแอ๊กชั่นขู่ "รัฐบาล" ว่าระวังเจอ "ม็อบ" อยู่ตลอด หากจับเส้นสนกลในเชื่อมโยงเครือข่ายแล้ว "กลุ่มก้อน" ที่แยกตัวกันออกไป มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันอยู่ บางเวลาอาจจะทะเลาะกันเอง บางเวลาอาจจะแตกคอกัน แต่เมื่อถึงเวลา "กลุ่มก้อน" เหล่านี้สามารถรวมตัวกันได้อัตโนมัติเหมือน "กดรีโมต" เพราะต่างคนเคยร่วมงานกันในช่วงที่ "โค่นล้ม" รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ มาแล้ว จึงไม่แปลกหากจะรวมการ "เฉพาะกิจ" โค่นล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์อีกครั้ง เพราะยังมีเป้าหมายเดียวกันคือ "ล้มล้าง" ระบอบ "ทักษิณ" ขอบคุณ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1368015452&grpid=03&catid=&subcatid=

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...

ห้องการเมือง