"การเมือง" อย่ากวนน้ำให้ขุ่น
"การเมือง" อย่ากวนน้ำให้ขุ่น. แม้จะมีการเจรจาไปแล้ว 3 ครั้ง แต่ดูเหมือนว่ายังมีความเห็น ที่ต่างกัน ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าควรจะเดินหน้าต่อไปเพราะ ...
"การเมือง" อย่ากวนน้ำให้ขุ่น
แม้จะมีการเจรจาไปแล้ว 3 ครั้ง แต่ดูเหมือนว่ายังมีความเห็น ที่ต่างกัน ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าควรจะเดินหน้าต่อไปเพราะ เชื่อว่าการเจรจาจะเป็นหนทางที่นำไปสู่ความสงบได้แม้จะเกิดความรุนแรงใน พื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้อยู่ก็ตาม
เพราะการเจรจาจะต้องใช้เวลาเพื่อ ทำความเข้าใจกันในประเด็นและเงื่อนไขต่างๆ อีกทั้งจะต้องถูกตอบโต้จากกลุ่มผู้ก่อเหตุที่ไม่ต้องการให้มีการเจรจา
อีก ฝ่ายเห็นว่าควรยุติการเจรจาเพราะไม่เกิดประโยชน์อะไรรู้ดีว่าพวกเขาต้องแยก ดินแดน ซึ่งเป็นเงื่อนไขหลัก ขณะที่ผู้ร่วมเจรจาก็ไม่รู้ว่าจะเป็นของจริงหรือของปลอม
ที่สำคัญก็คือจะทำให้เกิดการก่อเหตุถี่ขึ้น รุนแรงมากขึ้น และชาวบ้าน ทหาร ตำรวจ และข้าราชการ ในพื้นที่จะถูกลอบทำร้าย
มากกว่าที่ผ่านมา
นั่นคือมุมมองที่ต่างกันของแต่ละฝ่าย
ประเด็นหนึ่งที่มีการหยิบยกขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์กันมาก
ก็คือ เงื่อนไข 5 ข้อ กลุ่มบีอาร์เอ็นเสนอออกมา ที่จะขอสรุปคร่าวๆ ให้เห็นภาพกัน
1.การยกระดับให้มาเลเซียเป็น “คนกลาง” ในการเจรจา โดยก่อนหน้านี้ให้เป็นเพียงแค่ผู้อำนวยความสะดวก
2.ต้องการการยอมรับจากนานาชาติว่าเป็นตัวแทนของประชาชนปัตตานีแต่ผู้เดียวคือ จะพูดหรือเจรจาต้องบีอาร์เอ็นเท่านั้น
3.ให้มีผู้แทนจากโอไอซี อาเซียนมาร่วมเป็นสักขีพยาน
4.ให้ปล่อยตัวผู้ถูกควบคุมตัวและยกเลิกหมายจับทั้งหมด
5.ให้การยอมรับว่าขบวนการบีอาร์เอ็นเป็น “ขบวนการปลดปล่อยชาวปัตตานี” ไม่ใช่ขบวนการแบ่งแยกดินแดน
ทั้ง 5 เงื่อนไขนี้ทำให้หลายฝ่ายไม่ค่อยจะพอใจนัก และเห็นว่าเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการให้มาเลเซียเป็นคนกลาง หรือให้โอไอซีเข้าร่วมด้วย เนื่องจากมองว่ามาเลเซียจะเข้าข้างอีกฝ่ายและทำให้เป็นการยกระดับการเจรจา ทั้งๆที่เป็นความขัดแย้งภายในของไทยเท่านั้น
หรือการให้ปล่อยตัวผู้ที่กระทำผิดก็เห็นว่าทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะผิดกฎหมายอยู่แล้วเท่ากับว่าเป็นการยอมมากเกินไป
แต่ ประเด็นใหญ่ที่สุดก็คือ เรื่องขบวนการปลดปล่อยชาวปัตตานีไม่ใช่ขบวนการแบ่งแยกดินแดน ซึ่งน่าจะหมายความว่าพวกเขาไม่ได้มาแบ่งแยกดินแดนจากไทยแต่ดินแดนนั้นเป็น ของเขาและจะปลดปล่อยปัตตานีจากอาณานิคมที่ไปขโมยของเขามา
ซึ่งข้อนี้คงเป็นเรื่องที่รับกันยากและไม่มีทางเป็นไปได้
เหนือ อื่นใดแม้จะมีเงื่อนไข 5 ข้อออกมาอย่างนี้คงขึ้นอยู่กับ มุมมองของแต่ละฝ่าย ประเด็นมันจึงอยู่ที่ว่าถ้าไม่มีเงื่อนไขอย่างนี้ออกมา รัฐบาลหรือคนไทยโดยทั่วไปจะรู้หรือไม่ว่าการต่อสู้ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ จริงๆแล้วพวกเขาต้องการอะไร
เมื่อมีข้อเสนอนี้ออกมาจึงเป็นประเด็นที่สำคัญยิ่ง
เมื่อ รู้เขารู้เราแล้วรัฐบาลไทยก็ต้องนำมาพิจารณาอย่างรอบด้านตีประเด็นให้แตก เพื่อการเจรจาในรอบต่อไปจะสนองเสนอกันอย่างไร ซึ่งน่าจะเป็นผลดีกับไทยด้วยซ้ำไปเนื่องจากเมื่อรู้ถึงความต้องการของเขา อย่างเป็นรูปธรรม
อย่างไรก็ตาม การเจรจาครั้งที่ผ่านมารัฐไทยยืนยันชัดเจนว่ายังไม่มีการรับข้อเสนอใดๆทั้ง สิ้นและกลุ่มเยาวชนบางส่วนได้เข้าร่วมด้วย นั่นแสดงว่าเมื่อมีช่องเจรจาเกิดขึ้นมาแล้วก็จะปรากฏตัวแทนกลุ่มต่างๆให้ ความสนใจซึ่งจะทำให้รู้ว่าใครเป็นใครกลุ่มไหน
จึงเห็นว่าการเปิดเจรจาจึงน่าจะเป็นแนวทางที่ก้าวหน้ามากขึ้นและจะต้องเดินหน้าต่อไปด้วยความสุขุม รอบคอบ และอดทนอย่างสูง
ขออย่างเดียวอย่าเอา “การเมือง” เข้ามากวนน้ำให้ขุ่นเท่านั้น.
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
"การเมือง" อย่ากวนน้ำให้ขุ่น. แม้จะมีการเจรจาไปแล้ว 3 ครั้ง แต่ดูเหมือนว่ายังมีความเห็น ที่ต่างกัน ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าควรจะเดินหน้าต่อไปเพราะ ... "การเมือง" อย่ากวนน้ำให้ขุ่น แม้จะมีการเจรจาไปแล้ว 3 ครั้ง แต่ดูเหมือนว่ายังมีความเห็น ที่ต่างกัน ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าควรจะเดินหน้าต่อไปเพราะ เชื่อว่าการเจรจาจะเป็นหนทางที่นำไปสู่ความสงบได้แม้จะเกิดความรุนแรงใน พื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้อยู่ก็ตาม เพราะการเจรจาจะต้องใช้เวลาเพื่อ ทำความเข้าใจกันในประเด็นและเงื่อนไขต่างๆ อีกทั้งจะต้องถูกตอบโต้จากกลุ่มผู้ก่อเหตุที่ไม่ต้องการให้มีการเจรจา อีก ฝ่ายเห็นว่าควรยุติการเจรจาเพราะไม่เกิดประโยชน์อะไรรู้ดีว่าพวกเขาต้องแยก ดินแดน ซึ่งเป็นเงื่อนไขหลัก ขณะที่ผู้ร่วมเจรจาก็ไม่รู้ว่าจะเป็นของจริงหรือของปลอม ที่สำคัญก็คือจะทำให้เกิดการก่อเหตุถี่ขึ้น รุนแรงมากขึ้น และชาวบ้าน ทหาร ตำรวจ และข้าราชการ ในพื้นที่จะถูกลอบทำร้าย มากกว่าที่ผ่านมา นั่นคือมุมมองที่ต่างกันของแต่ละฝ่าย ประเด็นหนึ่งที่มีการหยิบยกขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์กันมาก ก็คือ เงื่อนไข 5 ข้อ กลุ่มบีอาร์เอ็นเสนอออกมา ที่จะขอสรุปคร่าวๆ ให้เห็นภาพกัน 1.การยกระดับให้มาเลเซียเป็น “คนกลาง” ในการเจรจา โดยก่อนหน้านี้ให้เป็นเพียงแค่ผู้อำนวยความสะดวก 2.ต้องการการยอมรับจากนานาชาติว่าเป็นตัวแทนของประชาชนปัตตานีแต่ผู้เดียวคือ จะพูดหรือเจรจาต้องบีอาร์เอ็นเท่านั้น 3.ให้มีผู้แทนจากโอไอซี อาเซียนมาร่วมเป็นสักขีพยาน 4.ให้ปล่อยตัวผู้ถูกควบคุมตัวและยกเลิกหมายจับทั้งหมด 5.ให้การยอมรับว่าขบวนการบีอาร์เอ็นเป็น “ขบวนการปลดปล่อยชาวปัตตานี” ไม่ใช่ขบวนการแบ่งแยกดินแดน ทั้ง 5 เงื่อนไขนี้ทำให้หลายฝ่ายไม่ค่อยจะพอใจนัก และเห็นว่าเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการให้มาเลเซียเป็นคนกลาง หรือให้โอไอซีเข้าร่วมด้วย เนื่องจากมองว่ามาเลเซียจะเข้าข้างอีกฝ่ายและทำให้เป็นการยกระดับการเจรจา ทั้งๆที่เป็นความขัดแย้งภายในของไทยเท่านั้น หรือการให้ปล่อยตัวผู้ที่กระทำผิดก็เห็นว่าทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะผิดกฎหมายอยู่แล้วเท่ากับว่าเป็นการยอมมากเกินไป แต่ ประเด็นใหญ่ที่สุดก็คือ เรื่องขบวนการปลดปล่อยชาวปัตตานีไม่ใช่ขบวนการแบ่งแยกดินแดน ซึ่งน่าจะหมายความว่าพวกเขาไม่ได้มาแบ่งแยกดินแดนจากไทยแต่ดินแดนนั้นเป็น ของเขาและจะปลดปล่อยปัตตานีจากอาณานิคมที่ไปขโมยของเขามา ซึ่งข้อนี้คงเป็นเรื่องที่รับกันยากและไม่มีทางเป็นไปได้ เหนือ อื่นใดแม้จะมีเงื่อนไข 5 ข้อออกมาอย่างนี้คงขึ้นอยู่กับ มุมมองของแต่ละฝ่าย ประเด็นมันจึงอยู่ที่ว่าถ้าไม่มีเงื่อนไขอย่างนี้ออกมา รัฐบาลหรือคนไทยโดยทั่วไปจะรู้หรือไม่ว่าการต่อสู้ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ จริงๆแล้วพวกเขาต้องการอะไร เมื่อมีข้อเสนอนี้ออกมาจึงเป็นประเด็นที่สำคัญยิ่ง เมื่อ รู้เขารู้เราแล้วรัฐบาลไทยก็ต้องนำมาพิจารณาอย่างรอบด้านตีประเด็นให้แตก เพื่อการเจรจาในรอบต่อไปจะสนองเสนอกันอย่างไร ซึ่งน่าจะเป็นผลดีกับไทยด้วยซ้ำไปเนื่องจากเมื่อรู้ถึงความต้องการของเขา อย่างเป็นรูปธรรม อย่างไรก็ตาม การเจรจาครั้งที่ผ่านมารัฐไทยยืนยันชัดเจนว่ายังไม่มีการรับข้อเสนอใดๆทั้ง สิ้นและกลุ่มเยาวชนบางส่วนได้เข้าร่วมด้วย นั่นแสดงว่าเมื่อมีช่องเจรจาเกิดขึ้นมาแล้วก็จะปรากฏตัวแทนกลุ่มต่างๆให้ ความสนใจซึ่งจะทำให้รู้ว่าใครเป็นใครกลุ่มไหน จึงเห็นว่าการเปิดเจรจาจึงน่าจะเป็นแนวทางที่ก้าวหน้ามากขึ้นและจะต้องเดินหน้าต่อไปด้วยความสุขุม รอบคอบ และอดทนอย่างสูง ขออย่างเดียวอย่าเอา “การเมือง” เข้ามากวนน้ำให้ขุ่นเท่านั้น. ขอบคุณ http://www.thairath.co.th/column/pol/gladai/342899
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)