บทเรียนน่าสนใจจากศาลโลก
คดีศาลโลกจบไปแล้ว ต้องรอผลชี้ขาดปลายปีจากคณะผู้พิพากษาต่างประเทศ 15 คน มีบทเรียนที่น่าสนใจที่เกิดจากการเตรียมการและชี้แจงครั้งนี้ บทเรียนแรก คือ ความโปร่งใสของคำชี้แจง การที่มีการถ่ายทอดทีวีตลอดเวลา ทำให้คนไทยและผู้ที่สนใจทั่วโลกได้เห็นและเข้าใจข้อพิพาทอย่างหมดจรด ไม่มีข้อครหาเหมือนครั้งก่อน ความโปร่งใสครั้งนี้น่าจะนำมาใช้เป็นตัวอย่างในสังคมไทย โดยเฉพาะในเรื่องเงินๆ ทองๆ เช่นกรณีการขอกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ถ้ามีความโปร่งใสตรวจสอบได้ คนไทยทั่วไปจะเข้าใจและให้การสนับสนุน
บทเรียนที่สอง คือ ข้าราชการซื่อสัตย์ ทำงานโดยเอาผลประโยชน์แห่งชาติเป็นที่ตั้ง ยังเหลืออยู่ในกระทรวงการต่างประเทศ "ทูตวีรชัย พลาศรัย” เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในฐานะหัวหน้าคณะฝ่ายไทย ที่นำทีมทนายมือหนึ่งเข้าชี้แจงต่อศาลโลก ณ กรุงเฮก เป็นตัวอย่างที่ดี ความมั่นใจของคนไทยที่ฝากให้ตัวทูตนั้น จึงไม่ผิดหวังและไม่มีใครตั้งคำถามหรือมีข้อสงสัย ฉะนั้นผู้มีอำนาจในบ้านเราควรจะถามตัวเองว่า ทำไมเวลาทำอะไรไปแล้วไม่มีใครเชื่อ ยิ่งพยายามจะสร้างความเชื่อมั่นเท่าไรก็ยิ่งไม่มีใครเชื่อ
ทูตวีรชัยไม่ต้องพูดมาก พูดสองรอบที่กรุงเฮกแค่หนึ่งชั่วโมงกว่า สร้างความมั่นใจให้แก่ชาติราวกับดื่มยาวิเศษ สดชื่นและชื่นชมความเป็นไทย อย่างไม่เคยมีมาก่อน ทูตเองไม่เคยต้องมาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่ารักชาติแบบคนอื่นๆ เขา คนไทยมีคนที่มีความสามารถ ต้องรู้จักใช้ ตอนนี้คนพูดมากเกี่ยวกับคดีนี้คือคนที่ไม่ได้ทำอะไร พูดมากกว่าคนทำ
บทเรียนที่สาม ต้องขอบคุณประเทศกัมพูชาที่เอาเรื่องข้อพิพาทปราสาทพระวิหารไปยังศาลโลก มันบังคับให้เราต้องหันมาดูตัวเอง มีความสามัคคี ต้องทำการบ้าน และคนที่ทำมากที่สุดคือตัวทูตวีรชัยเอง เขาต้องเป็นหัวหน้า รับผิดชอบ (เจ้าตัวรู้ดีว่าถ้ามีอะไรในแง่ลบเกิดขึ้นจะเป็นแพะรับบาป ถ้าได้ดีคนอื่นเอาไปหมด) ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่ท่านทูตต้องพยายามค้นหาหลักฐานทั้งใหม่และเก่าสุดขั้ว โลกทุกแห่งหนมาเสริมกว่าหนึ่งพันสามร้อยกว่าหน้า ตามจริงมีเอกสารมากกว่าหนึ่งหมื่นกว่าหน้าทางทีมไทยได้ค้นหามาใช้ประกอบ ฝ่ายกัมพูชามั่นใจมาก ใช้เอกสารชิ้นเดียวคือแผนที่ในเอกสารแนบหมายเลขหนึ่ง
ครั้งนี้ต้องชื่นชมทีมกฎหมายไทยที่เตรียมงานทางด้านเอกสารต่างๆ ได้ครบถ้วนที่สุด ตามปกติเวลาพูดถึงเรื่องเอกสารแล้ว คนไทยจะหนาว เพราะไม่สนใจในรายละเอียด ครั้งนี้จะพบว่าฝ่ายไทยชี้ให้เห็นความไม่ชอบมาพากลของฝ่ายกัมพูชาและข้ออ้าง อิงต่างๆ อย่างละเอียดถี่ยิบ
ตั้งแต่นี้ต่อไปรัฐบาลต้องส่งเสริมมีการพัฒนาระบบการจัดเก็บเอกสารที่ดี มากกว่านี้ ฝ่ายทหารมีระบบเก็บเอกสารที่ดี แต่เป็นเรื่องลับ โชคดีที่มีความร่วมมืออย่างดีระหว่างทีมกฎหมายไทยกับฝ่ายทหาร ทำให้เอกสารอ้างอิงทุกอย่างครบถ้วน ในอดีตเราสู้เขาไม่ได้เพราะเอกสารเราอ่อน
ที่สำคัญที่สุดการให้ปากคำในศาลโลกแบบบูรณาการครั้งนี้ ทำให้กลุ่มนักวิชาการจอมปลอมทั้งหลายต้องหดหัวหายไป ไม่ต้องออกมาแสดงความงี่เง่าต่อไป และหยุดคำกล่าวหาคนอื่นๆ ว่าขายชาติ กระบวนการโฆษณาชวนเชื่อทั้งหลายทั้งปวงที่กลุ่มคลั่งชาติทั้งหลายมาใช้สร้าง ความเดือดร้อนจะได้จบสิ้นไป
แน่นอนที่สุด ช่วงต่อไปนี้คนไทยจะต้องไม่รีบด่วนตัดสินว่า คำชี้ขาดของศาลโลกจะออกมาอย่างโน้นอย่างนี้ เราต้องไม่ฟุ้งซ่านกับสิ่งที่พบเห็นในทีวี ถึงแม้ว่าเราจะมีความมั่นใจและเชื่อใจในหลักฐานของไทยก็ตาม ผู้พิพากษานานาชาติกลุ่มนี้มีความคิดและกฎเกณฑ์ในการตัดสินที่เราเดาได้ยาก มาก
ประเด็นสุดท้าย คือ สถานภาพการเมืองสายสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา จะมีผลมากกว่า เวลาสู้คดีในศาล ไม่มีใครยอมใคร คำพูดทั้งสองฝ่ายนำมาใช้หักล้างกันจึงทิ่มแทงหัวใจสุดๆ รุนแรงและตรงไปตรงมา แต่พอจบคดี ทั้งสองประเทศต้องหันกลับมาสู่สภาพความเป็นจริงที่ต้องร่วมมือกันต่อไป
ตอนกล่าวจบคดีข้อพิพาท ทูตวีรชัยพูดย้ำว่า ไทยอยากอยู่กับกัมพูชาอย่างสันติและร่วมมือกันในฐานะเป็นสมาชิกประชาคมอา เซียน ต้องติดตามดูว่ามันจะออกผลมาอย่างไร...โดยกวี จงกิจถาวร
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
คดีศาลโลกจบไปแล้ว ต้องรอผลชี้ขาดปลายปีจากคณะผู้พิพากษาต่างประเทศ 15 คน มีบทเรียนที่น่าสนใจที่เกิดจากการเตรียมการและชี้แจงครั้งนี้ บทเรียนแรก คือ ความโปร่งใสของคำชี้แจง การที่มีการถ่ายทอดทีวีตลอดเวลา ทำให้คนไทยและผู้ที่สนใจทั่วโลกได้เห็นและเข้าใจข้อพิพาทอย่างหมดจรด ไม่มีข้อครหาเหมือนครั้งก่อน ความโปร่งใสครั้งนี้น่าจะนำมาใช้เป็นตัวอย่างในสังคมไทย โดยเฉพาะในเรื่องเงินๆ ทองๆ เช่นกรณีการขอกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ถ้ามีความโปร่งใสตรวจสอบได้ คนไทยทั่วไปจะเข้าใจและให้การสนับสนุน บทเรียนที่สอง คือ ข้าราชการซื่อสัตย์ ทำงานโดยเอาผลประโยชน์แห่งชาติเป็นที่ตั้ง ยังเหลืออยู่ในกระทรวงการต่างประเทศ "ทูตวีรชัย พลาศรัย” เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในฐานะหัวหน้าคณะฝ่ายไทย ที่นำทีมทนายมือหนึ่งเข้าชี้แจงต่อศาลโลก ณ กรุงเฮก เป็นตัวอย่างที่ดี ความมั่นใจของคนไทยที่ฝากให้ตัวทูตนั้น จึงไม่ผิดหวังและไม่มีใครตั้งคำถามหรือมีข้อสงสัย ฉะนั้นผู้มีอำนาจในบ้านเราควรจะถามตัวเองว่า ทำไมเวลาทำอะไรไปแล้วไม่มีใครเชื่อ ยิ่งพยายามจะสร้างความเชื่อมั่นเท่าไรก็ยิ่งไม่มีใครเชื่อ ทูตวีรชัยไม่ต้องพูดมาก พูดสองรอบที่กรุงเฮกแค่หนึ่งชั่วโมงกว่า สร้างความมั่นใจให้แก่ชาติราวกับดื่มยาวิเศษ สดชื่นและชื่นชมความเป็นไทย อย่างไม่เคยมีมาก่อน ทูตเองไม่เคยต้องมาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่ารักชาติแบบคนอื่นๆ เขา คนไทยมีคนที่มีความสามารถ ต้องรู้จักใช้ ตอนนี้คนพูดมากเกี่ยวกับคดีนี้คือคนที่ไม่ได้ทำอะไร พูดมากกว่าคนทำ บทเรียนที่สาม ต้องขอบคุณประเทศกัมพูชาที่เอาเรื่องข้อพิพาทปราสาทพระวิหารไปยังศาลโลก มันบังคับให้เราต้องหันมาดูตัวเอง มีความสามัคคี ต้องทำการบ้าน และคนที่ทำมากที่สุดคือตัวทูตวีรชัยเอง เขาต้องเป็นหัวหน้า รับผิดชอบ (เจ้าตัวรู้ดีว่าถ้ามีอะไรในแง่ลบเกิดขึ้นจะเป็นแพะรับบาป ถ้าได้ดีคนอื่นเอาไปหมด) ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่ท่านทูตต้องพยายามค้นหาหลักฐานทั้งใหม่และเก่าสุดขั้ว โลกทุกแห่งหนมาเสริมกว่าหนึ่งพันสามร้อยกว่าหน้า ตามจริงมีเอกสารมากกว่าหนึ่งหมื่นกว่าหน้าทางทีมไทยได้ค้นหามาใช้ประกอบ ฝ่ายกัมพูชามั่นใจมาก ใช้เอกสารชิ้นเดียวคือแผนที่ในเอกสารแนบหมายเลขหนึ่ง ครั้งนี้ต้องชื่นชมทีมกฎหมายไทยที่เตรียมงานทางด้านเอกสารต่างๆ ได้ครบถ้วนที่สุด ตามปกติเวลาพูดถึงเรื่องเอกสารแล้ว คนไทยจะหนาว เพราะไม่สนใจในรายละเอียด ครั้งนี้จะพบว่าฝ่ายไทยชี้ให้เห็นความไม่ชอบมาพากลของฝ่ายกัมพูชาและข้ออ้าง อิงต่างๆ อย่างละเอียดถี่ยิบ ตั้งแต่นี้ต่อไปรัฐบาลต้องส่งเสริมมีการพัฒนาระบบการจัดเก็บเอกสารที่ดี มากกว่านี้ ฝ่ายทหารมีระบบเก็บเอกสารที่ดี แต่เป็นเรื่องลับ โชคดีที่มีความร่วมมืออย่างดีระหว่างทีมกฎหมายไทยกับฝ่ายทหาร ทำให้เอกสารอ้างอิงทุกอย่างครบถ้วน ในอดีตเราสู้เขาไม่ได้เพราะเอกสารเราอ่อน ที่สำคัญที่สุดการให้ปากคำในศาลโลกแบบบูรณาการครั้งนี้ ทำให้กลุ่มนักวิชาการจอมปลอมทั้งหลายต้องหดหัวหายไป ไม่ต้องออกมาแสดงความงี่เง่าต่อไป และหยุดคำกล่าวหาคนอื่นๆ ว่าขายชาติ กระบวนการโฆษณาชวนเชื่อทั้งหลายทั้งปวงที่กลุ่มคลั่งชาติทั้งหลายมาใช้สร้าง ความเดือดร้อนจะได้จบสิ้นไป แน่นอนที่สุด ช่วงต่อไปนี้คนไทยจะต้องไม่รีบด่วนตัดสินว่า คำชี้ขาดของศาลโลกจะออกมาอย่างโน้นอย่างนี้ เราต้องไม่ฟุ้งซ่านกับสิ่งที่พบเห็นในทีวี ถึงแม้ว่าเราจะมีความมั่นใจและเชื่อใจในหลักฐานของไทยก็ตาม ผู้พิพากษานานาชาติกลุ่มนี้มีความคิดและกฎเกณฑ์ในการตัดสินที่เราเดาได้ยาก มาก ประเด็นสุดท้าย คือ สถานภาพการเมืองสายสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา จะมีผลมากกว่า เวลาสู้คดีในศาล ไม่มีใครยอมใคร คำพูดทั้งสองฝ่ายนำมาใช้หักล้างกันจึงทิ่มแทงหัวใจสุดๆ รุนแรงและตรงไปตรงมา แต่พอจบคดี ทั้งสองประเทศต้องหันกลับมาสู่สภาพความเป็นจริงที่ต้องร่วมมือกันต่อไป ตอนกล่าวจบคดีข้อพิพาท ทูตวีรชัยพูดย้ำว่า ไทยอยากอยู่กับกัมพูชาอย่างสันติและร่วมมือกันในฐานะเป็นสมาชิกประชาคมอา เซียน ต้องติดตามดูว่ามันจะออกผลมาอย่างไร...โดยกวี จงกิจถาวร ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/detail/20130423/156717/บทเรียนน่าสนใจจากศาลโลก.html#.UXX9nkqja8o
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)