กลเกม การเมือง จาก เงินกู้ 2 ล้านล้าน ถึงรัฐธรรมนูญ
ไม่ว่าการเสนอร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท เพื่อโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าการเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา
ล้วนถูก "คัดค้าน" ล้วนถูก "ต่อต้าน"
น่าสนใจก็ตรงที่กระบวนการคัดค้านต่อต้านมาจากขบวนการที่แทบไม่แตกต่างกันเท่าใดนัก
1 เป็นกลุ่ม 40 ส.ว.
1 เป็นกลุ่มอันเรียกตนเองว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือไม่ก็เรียกตนเองว่ากลุ่มชาวไทยหัวใจรักสงบ
และตามแห่โดยพลพรรคแห่ง "ประชาธิปัตย์"
แม้การคัดค้านและต่อต้านโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประสานเข้ากับกลุ่ม 40 ส.ว.เป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้
เข้าใจได้เหมือนกับการแสดงออกของพรรคประชาธิปัตย์
กระนั้น การทำความเข้าใจถึงรากเหง้าและฐานที่มาของความสัมพันธ์ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับกลุ่ม 40 ส.ว.และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็มีความจำเป็น
ยิ้มเห็นแก้ม แย้มเห็นไรฟัน
ถามว่าฐานที่มาอันเป็นรากเหง้าของกลุ่ม 40 ส.ว. ไม่ว่า นายประสาร มฤคพิทักษ์ ไม่ว่า นายคำนูณ สิทธิสมาน เป็นอย่างไร
คนเหล่านี้สัมพันธ์กับขบวนการรัฐประหารเดือนกันยายน 2549
หลายคนดำเนินการเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างแนบแน่นกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
มีส่วนอย่างสำคัญในการปูทางสร้างเงื่อนไขให้กับกติกานอกระบบ
จึงไม่แปลกที่ส่วนใหญ่พวกเขาเคยเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อันเป็นองคาพยพ 1 ของ คมช.
มีส่วนในการผลักดันรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550
เมื่อ คมช.ล่มสลายผ่านเข้าสู่อำนาจรัฐตามกระบวนการการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนธันวาคม 2550 พวกเขาก็ได้รับผลประโยชน์จากรัฐธรรมนูญแปรสภาพมาเป็น ส.ว.สรรหา
ผ่านกลไก "องค์กรอิสระ"
จึงไม่แปลกที่กลุ่ม 40 ส.ว.และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะจัดวางตำแหน่งตนเองอยู่ในฐานะผู้พิทักษ์รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ผู้ปกป้องผลพวงและความสำเร็จของรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549
บทบาทนี้ "เปลือย" ล่อนจ้อนกลางเมือง
บทบาทเปลือยล่อนจ้อนของกลุ่ม 40 ส.ว.และหรือพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มิได้เป็นเรื่องแปลกในความรับรู้ของสังคม
แต่บทบาทของพรรคประชาธิปัตย์กลับเป็นเรื่องแปลก
การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในยุครัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ก็เคยทำมาแล้วในเรื่องอันเกี่ยวกับกรรมวิธีการเลือกตั้งและรวมถึงมาตรา 190
กลุ่ม 40 ส.ว.ไม่เคยคัดค้านว่าขัดต่อมาตรา 122
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็มิได้ปลุกระดมและเรียกร้องการชุมนุมของมวลชนแต่อย่างใด
การออกกฎหมายกู้เงินรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ก็เคยทำในกรณีไทยเข้มแข็ง
ทั้งยังเป็นการออกกฎหมายโดยผ่านกระบวนการพระราชกำหนดขณะที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตราผ่านพระราชบัญญัติด้วยซ้ำไป
แต่การคัดค้านและต่อต้านก็ยังดำรงอยู่
เหมือนกับพรรคประชาธิปัตย์ลืมเสียแล้วว่าเคยทำอย่างไรเมื่อครั้งเป็นรัฐบาล เหมือนกับกลุ่ม 40 ส.ว.แสร้งเพิกเฉยเมื่อครั้งรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เหมือนกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่รู้ร้อนรู้หนาวในยุคของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ล้วนสะท้อนลักษณะ 2 มาตรฐาน
ความขัดแย้งอันปะทุจากรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ยังดำรงคงอยู่และทวีความแหลมคม
เป็นความแหลมคนอันแยกฝ่าย แบ่งขั้ว ออกมาให้สังคมได้พิจารณาอย่างเด่นชัด ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายของพรรคประชาธิปัตย์
คำว่า "ปรองดอง" จึงเสมอเป็นเพียง "น้ำยาบ้วนปาก"
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
ไม่ว่าการเสนอร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท เพื่อโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าการเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ล้วนถูก "คัดค้าน" ล้วนถูก "ต่อต้าน" น่าสนใจก็ตรงที่กระบวนการคัดค้านต่อต้านมาจากขบวนการที่แทบไม่แตกต่างกันเท่าใดนัก 1 เป็นกลุ่ม 40 ส.ว. 1 เป็นกลุ่มอันเรียกตนเองว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือไม่ก็เรียกตนเองว่ากลุ่มชาวไทยหัวใจรักสงบ และตามแห่โดยพลพรรคแห่ง "ประชาธิปัตย์" แม้การคัดค้านและต่อต้านโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประสานเข้ากับกลุ่ม 40 ส.ว.เป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้ เข้าใจได้เหมือนกับการแสดงออกของพรรคประชาธิปัตย์ กระนั้น การทำความเข้าใจถึงรากเหง้าและฐานที่มาของความสัมพันธ์ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับกลุ่ม 40 ส.ว.และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็มีความจำเป็น ยิ้มเห็นแก้ม แย้มเห็นไรฟัน ถามว่าฐานที่มาอันเป็นรากเหง้าของกลุ่ม 40 ส.ว. ไม่ว่า นายประสาร มฤคพิทักษ์ ไม่ว่า นายคำนูณ สิทธิสมาน เป็นอย่างไร คนเหล่านี้สัมพันธ์กับขบวนการรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 หลายคนดำเนินการเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างแนบแน่นกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มีส่วนอย่างสำคัญในการปูทางสร้างเงื่อนไขให้กับกติกานอกระบบ จึงไม่แปลกที่ส่วนใหญ่พวกเขาเคยเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อันเป็นองคาพยพ 1 ของ คมช. มีส่วนในการผลักดันรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 เมื่อ คมช.ล่มสลายผ่านเข้าสู่อำนาจรัฐตามกระบวนการการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนธันวาคม 2550 พวกเขาก็ได้รับผลประโยชน์จากรัฐธรรมนูญแปรสภาพมาเป็น ส.ว.สรรหา ผ่านกลไก "องค์กรอิสระ" จึงไม่แปลกที่กลุ่ม 40 ส.ว.และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะจัดวางตำแหน่งตนเองอยู่ในฐานะผู้พิทักษ์รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ผู้ปกป้องผลพวงและความสำเร็จของรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 บทบาทนี้ "เปลือย" ล่อนจ้อนกลางเมือง บทบาทเปลือยล่อนจ้อนของกลุ่ม 40 ส.ว.และหรือพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มิได้เป็นเรื่องแปลกในความรับรู้ของสังคม แต่บทบาทของพรรคประชาธิปัตย์กลับเป็นเรื่องแปลก การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในยุครัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ก็เคยทำมาแล้วในเรื่องอันเกี่ยวกับกรรมวิธีการเลือกตั้งและรวมถึงมาตรา 190 กลุ่ม 40 ส.ว.ไม่เคยคัดค้านว่าขัดต่อมาตรา 122 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็มิได้ปลุกระดมและเรียกร้องการชุมนุมของมวลชนแต่อย่างใด การออกกฎหมายกู้เงินรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ก็เคยทำในกรณีไทยเข้มแข็ง ทั้งยังเป็นการออกกฎหมายโดยผ่านกระบวนการพระราชกำหนดขณะที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตราผ่านพระราชบัญญัติด้วยซ้ำไป แต่การคัดค้านและต่อต้านก็ยังดำรงอยู่ เหมือนกับพรรคประชาธิปัตย์ลืมเสียแล้วว่าเคยทำอย่างไรเมื่อครั้งเป็นรัฐบาล เหมือนกับกลุ่ม 40 ส.ว.แสร้งเพิกเฉยเมื่อครั้งรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เหมือนกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่รู้ร้อนรู้หนาวในยุคของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ล้วนสะท้อนลักษณะ 2 มาตรฐาน ความขัดแย้งอันปะทุจากรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ยังดำรงคงอยู่และทวีความแหลมคม เป็นความแหลมคนอันแยกฝ่าย แบ่งขั้ว ออกมาให้สังคมได้พิจารณาอย่างเด่นชัด ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายของพรรคประชาธิปัตย์ คำว่า "ปรองดอง" จึงเสมอเป็นเพียง "น้ำยาบ้วนปาก" ขอบคุณ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1364011071&grpid=01&catid=&subcatid=
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)