อดีตป.ป.ช.ชี้ 3 อำนาจเดี้ยง การเมืองไร้ถ่วงดุล
เดลินิวส์ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 1 มีนาคม 2556 เวลา 11:44 น.
ขอบคุณ http://www.dailynews.co.th/politics/187676 (ขนาดไฟล์: 142)
อดีตกรรมการป.ป.ช.ย้ำองค์กรอิสระ ต้องมีบทบาทมากขึ้นทางการเมือง ระบุเกิดปัญหา 3 ขั้วอำนาจไม่ทำงานแทนประชาชน ด้านจาตุรนต์จวกแหลก 4 องค์กรอิสระไม่เป็นกลางทำให้สังคมแตกแยก
เมื่ิอวันที่ 1 มี.ค. ที่โรงแรมพลาซ่าแอทธินี มีการจัดเสวนาในหัวข้อ "15 ปีองค์กรอิสระ บทบาทคู่ขนานของการเสริมสร้างธรรมมาภิบาลและประชาธิปไตย" โดยนายเมธี ครองแก้ว อดีตกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) กล่าวตอนหนึ่งว่า ในปัจจุบันนี้บทบาทหน้าที่ ส.ส.ทำได้แค่ออกกฎหมายเท่านั้นไม่ได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนประชาชนในท้องถิ่นเพราะมีระบบการเมืองเข้ามาครอบงำ การออกความคิดเห็นก็ต้องผ่านวิปของแต่ละฝ่าย และยังมีปัญหาการประชุมสภาผู้แทนไม่ครบองค์ประชุม ถือเป็นเรื่องที่สังคมกำลังมองเป็นเรื่องที่เคยชิน ด้านฝ่ายรัฐบาลทำหน้าที่บริหาร ยิ่งไปกันใหญ่พอแถลงนโยบายในสภาแล้วจะทำอะไรก็ได้ ไม่เข้าสภาก็ได้
นายเมธี กล่าวต่อว่า เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีองค์กรที่ตรวจสอบเฉพาะด้าน เพราะปัญหาอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร เสียสมดุล ทำงานได้ไม่สมบูรณ์แบบ จึงต้องมีองค์กรอิสระขึ้นมาเป็นองค์กรที่ 4 เพื่อถ่วงดุล โดยปัญหาใหญ่คือตุลาการของไทยไม่มีบทบาทมากนัก ตัวอย่างศาลสูงของสหรัฐฯ เวลาตัดสินคดีความสำคัญเขาเปิดช่องทางที่จะอธิบายต่อสังคมให้วิพากวิจารณ์ได้อย่างกว้างขวาง แต่ของเรากลับปิดตัวเอง จึงเป็นที่มาขององค์กรอิสระ ระหว่างที่ตนอยู่ใน ป.ป.ช. ไม่เคยรู้สึกไปวางอำนาจบาตรใหญ่ แต่กังวลที่ทำคดีได้ช้า จากคนภายนอกมองเราว่าพยายามใส่ร้ายคนอื่น ซึ่งความจริงแล้วเราทำตามกฎหมาย ในการทำงานเราชี้มูลข้าราชการ นักการเมือง และมีอยู่ไม่น้อยที่เราถูกฟ้องกลับ จนขณะนี้ตนยังต้องไปขึ้นศาลตลอด
ด้านนายโคทม อารียา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติศึกษา ม.มหิดล กล่าวว่า ประเด็นสำคัญการเมืองไทยต้องมีการตรวจสอบถ่วงดุล ถ้ามีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ควรศึกษากันอย่างละเอียดก่อนว่าองค์กรใดควรมี พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญรองรับหรือไม่ และแยกออกมามีกฎหมายเฉพาะเพื่อทำให้แก้ง่ายขึ้น ไม่ต้องไปแก้รัฐธรรมนูญทุกครั้งไป ซึ่งตนเตือนว่าการออกแบบรัฐธรรมนูญไว้ก่อนไม่ดี และต้องรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนเพราะที่ใช้องค์กรอิสระมา 15 ปี หลายเรื่ิองบางองค์กรดูดี บางองค์กรก็ไม่ทำอะไร การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องใช้เวลาอย่างเร่งรีบต้องระวัง
ขณะที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า หลังมีรัฐธรรมนูญปี 2540 องค์กรอิสระถูกตั้งข้อสงสัยว่าโดนแทรกแซงได้หรือไม่ หลังจากนั้นมาเป็นรัฐธรรมนูญ 50 โดยมีอำนาจที่ 4 ขึ้นมาชัดเจน โดยให้มาครอบอยู่ข้างบนของ 3 อำนาจ คือ รัฐสภา บริหาร และตุลาการไว้อีกที และทำให้ในตัวองค์กรเดียวมีอำนาจนิติบัญญัติ ตุลาการ และบริหาร คือคณะกรรมการเลือกตั้ง หรือ กกต. เป็นเรื่ิองใหญ่มากของระบอบประชาธิปไตย เท่ากับเป็นองค์กรมีอำนาจเหนือประชาชน เป็นปัญหาในเชิงอำนาจ รวมทั้งตรวจสอบไม่ได้ ทำงานอย่างไร มีประสิทธิภาพ หรือเลือกปฏิบัติหรือไม่ ปล่อยให้เรื่องอื่นค้างไว้ก่อน เอาเรื่องฝ่ายตรงข้ามขึ้นมาเล่นงานหรือไม่ โดยองค์กรอิสระเหล่านี้ทั้ง 4 องค์กร ประกอบด้วย ผู้ตรวจการแผ่นดิน ป.ป.ช. กกต. และคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน มีอำนาจใหญ่มากจนเกินไปสามารถทำแทนอำนาจ 3 ฝ่าย และความเป็นอิสระก็ไม่จริงเพราะมาจากผู้ยึดอำนาจ ทำให้ความเป็นกลางเปลี่ยนแปลงได้ อำนาจขององค์กรอิสระสามารถล้มรัฐบาลได้ และอำนาจบางมาตรามีผลต่อการเปลี่ยนแปลงครม.ได้ด้วย ทำให้สังคมไทยเกิดความแตกแยกเพราะปัญหาจากองค์กรอิสระเป็นเครื่องแสดงความไม่เป็นประชาธิปไตย และเป็นระบบที่ไม่มีทางสร้างธรรมมาภิบาลทางการเมืองได้
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
เดลินิวส์ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 1 มีนาคม 2556 เวลา 11:44 น. ขอบคุณ http://www.dailynews.co.th/politics/187676 อดีตกรรมการป.ป.ช.ย้ำองค์กรอิสระ ต้องมีบทบาทมากขึ้นทางการเมือง ระบุเกิดปัญหา 3 ขั้วอำนาจไม่ทำงานแทนประชาชน ด้านจาตุรนต์จวกแหลก 4 องค์กรอิสระไม่เป็นกลางทำให้สังคมแตกแยก เมื่ิอวันที่ 1 มี.ค. ที่โรงแรมพลาซ่าแอทธินี มีการจัดเสวนาในหัวข้อ "15 ปีองค์กรอิสระ บทบาทคู่ขนานของการเสริมสร้างธรรมมาภิบาลและประชาธิปไตย" โดยนายเมธี ครองแก้ว อดีตกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) กล่าวตอนหนึ่งว่า ในปัจจุบันนี้บทบาทหน้าที่ ส.ส.ทำได้แค่ออกกฎหมายเท่านั้นไม่ได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนประชาชนในท้องถิ่นเพราะมีระบบการเมืองเข้ามาครอบงำ การออกความคิดเห็นก็ต้องผ่านวิปของแต่ละฝ่าย และยังมีปัญหาการประชุมสภาผู้แทนไม่ครบองค์ประชุม ถือเป็นเรื่องที่สังคมกำลังมองเป็นเรื่องที่เคยชิน ด้านฝ่ายรัฐบาลทำหน้าที่บริหาร ยิ่งไปกันใหญ่พอแถลงนโยบายในสภาแล้วจะทำอะไรก็ได้ ไม่เข้าสภาก็ได้ นายเมธี กล่าวต่อว่า เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีองค์กรที่ตรวจสอบเฉพาะด้าน เพราะปัญหาอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร เสียสมดุล ทำงานได้ไม่สมบูรณ์แบบ จึงต้องมีองค์กรอิสระขึ้นมาเป็นองค์กรที่ 4 เพื่อถ่วงดุล โดยปัญหาใหญ่คือตุลาการของไทยไม่มีบทบาทมากนัก ตัวอย่างศาลสูงของสหรัฐฯ เวลาตัดสินคดีความสำคัญเขาเปิดช่องทางที่จะอธิบายต่อสังคมให้วิพากวิจารณ์ได้อย่างกว้างขวาง แต่ของเรากลับปิดตัวเอง จึงเป็นที่มาขององค์กรอิสระ ระหว่างที่ตนอยู่ใน ป.ป.ช. ไม่เคยรู้สึกไปวางอำนาจบาตรใหญ่ แต่กังวลที่ทำคดีได้ช้า จากคนภายนอกมองเราว่าพยายามใส่ร้ายคนอื่น ซึ่งความจริงแล้วเราทำตามกฎหมาย ในการทำงานเราชี้มูลข้าราชการ นักการเมือง และมีอยู่ไม่น้อยที่เราถูกฟ้องกลับ จนขณะนี้ตนยังต้องไปขึ้นศาลตลอด ด้านนายโคทม อารียา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติศึกษา ม.มหิดล กล่าวว่า ประเด็นสำคัญการเมืองไทยต้องมีการตรวจสอบถ่วงดุล ถ้ามีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ควรศึกษากันอย่างละเอียดก่อนว่าองค์กรใดควรมี พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญรองรับหรือไม่ และแยกออกมามีกฎหมายเฉพาะเพื่อทำให้แก้ง่ายขึ้น ไม่ต้องไปแก้รัฐธรรมนูญทุกครั้งไป ซึ่งตนเตือนว่าการออกแบบรัฐธรรมนูญไว้ก่อนไม่ดี และต้องรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนเพราะที่ใช้องค์กรอิสระมา 15 ปี หลายเรื่ิองบางองค์กรดูดี บางองค์กรก็ไม่ทำอะไร การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องใช้เวลาอย่างเร่งรีบต้องระวัง ขณะที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า หลังมีรัฐธรรมนูญปี 2540 องค์กรอิสระถูกตั้งข้อสงสัยว่าโดนแทรกแซงได้หรือไม่ หลังจากนั้นมาเป็นรัฐธรรมนูญ 50 โดยมีอำนาจที่ 4 ขึ้นมาชัดเจน โดยให้มาครอบอยู่ข้างบนของ 3 อำนาจ คือ รัฐสภา บริหาร และตุลาการไว้อีกที และทำให้ในตัวองค์กรเดียวมีอำนาจนิติบัญญัติ ตุลาการ และบริหาร คือคณะกรรมการเลือกตั้ง หรือ กกต. เป็นเรื่ิองใหญ่มากของระบอบประชาธิปไตย เท่ากับเป็นองค์กรมีอำนาจเหนือประชาชน เป็นปัญหาในเชิงอำนาจ รวมทั้งตรวจสอบไม่ได้ ทำงานอย่างไร มีประสิทธิภาพ หรือเลือกปฏิบัติหรือไม่ ปล่อยให้เรื่องอื่นค้างไว้ก่อน เอาเรื่องฝ่ายตรงข้ามขึ้นมาเล่นงานหรือไม่ โดยองค์กรอิสระเหล่านี้ทั้ง 4 องค์กร ประกอบด้วย ผู้ตรวจการแผ่นดิน ป.ป.ช. กกต. และคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน มีอำนาจใหญ่มากจนเกินไปสามารถทำแทนอำนาจ 3 ฝ่าย และความเป็นอิสระก็ไม่จริงเพราะมาจากผู้ยึดอำนาจ ทำให้ความเป็นกลางเปลี่ยนแปลงได้ อำนาจขององค์กรอิสระสามารถล้มรัฐบาลได้ และอำนาจบางมาตรามีผลต่อการเปลี่ยนแปลงครม.ได้ด้วย ทำให้สังคมไทยเกิดความแตกแยกเพราะปัญหาจากองค์กรอิสระเป็นเครื่องแสดงความไม่เป็นประชาธิปไตย และเป็นระบบที่ไม่มีทางสร้างธรรมมาภิบาลทางการเมืองได้
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)