การเตรียมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ/กรธ.-สนช.พิจารณากฎหมาย2ฉบับสัปดาห์นี้
ในวันนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เฝ้ารับเสด็จฯ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน พุทธศักราช 2560 ณ วัดเทพศิรินทราวาส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ
โดยในช่วงเช้าพลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร เป็นประธานในพิธีอุปสมบทพระภิกษุ 89 รูป ศึกษาและปฏิบัติธรรม ถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่วัดยานนาวา ถนนเจริญกรุง
นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (สส.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า นับตั้งแต่สำนักพระราชวังได้เปิดให้ประชาชนเข้าร่วมถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ซึ่งนับตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม ปีที่แล้วจนถึงวันที่ 5 ตุลาคมปีนี้ มีจิตอาสารณรงค์คัดแยกขยะเข้าร่วมจำนวน 44,400 คน
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงานแถลงข่าวเปิดศูนย์สื่อมวลชน งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม กอร.พระราชพิธี ที่กระทรวงกลาโหม
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายลง วิซาโล เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรกัมพูชาประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะพลเอก ธนะศักดิ์ รองนายกรัฐมนตรี
ผู้แทนสภาสื่อมวลชนจากประเทศอาเซียนพร้อมคณะเข้าเยี่ยมคาระนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี
ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.(ปป) จะประชุมตำรวจในสังกัด ภ.3 และมอบนโยบายการขับเคลื่อนงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ประจำปีงบประมาณ 2561 จากนั้นจะแถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ 3 ห้วงเวลา สามารถจับกุมการกระทำความผิดเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีการอบรมจิตอาสาเฉพาะกิจ ด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจร เพื่อบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ และดูแลประชาชน ต่อเนื่องถึงวันงานพระราชพิธีฯ ซึ่งจะมีการจัดพิธีปล่อยแถวพลังประชาชนจิตอาสาเฉพาะกิจ “เราทำความดีด้วยหัวใจ” ร่วมกับหน่วยงานราชการต่างๆ เพื่อบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์
ที่รัฐสภาวันนี้มีการประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญในช่วงบ่าย และยังติดตามประเด็นต่อเนื่องไปถึงการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในวันที่ 19 ตุลาคมนี้ ที่จะมีวาระพิจารณาร่างกฎหมายที่สำคัญ คือ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน วาระสองและวาระสาม ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดหลายมาตรา โดยเฉพาะการให้อำนาจผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบเจ้าหน้าที่ในสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หากมีข้อร้องเรียนต่อการกระทำทุจริตต่อหน้าที่หรือทำความผิดในตำแหน่งราชการ ซึ่ง กมธ. เสียงข้างมากของสนช. ตัดออกทั้งหมด ซึ่งทำให้กลไกตรวจสอบ ถ่วงดุลอำนาจไม่เกิดขึ้น
ส่วนร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ กรรมการ กรธ. กล่าวว่าการพิจารณารอบแรกเสร็จสิ้นแล้ว และกำลังทบทวนอีกครั้งว่ามีส่วนใดที่ขาดตกบกพร่องหรือไม่ โดยเฉพาะในส่วนของวิธีการเลือกไขว้และคุณสมบัติของผู้สมัครในแต่ละกลุ่มอาชีพ คาดว่าไม่น่าจะเกินสิ้นเดือนตุลาคมนี้น่าจะเสร็จสมบูรณ์ ส่วนร่างพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะเริ่มพิจารณาในเดือนพฤศจิกายนนี้ และจะเร่งให้เสร็จตามกำหนดคือ 28 พฤศจิกายน
สำหรับการประชุม กรธ.ในวันที่ 16-17 ตุลาคมนี้ จะนำข้อเสนอของป.ป.ช. เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาพิจารณาว่ามีส่วนใดต้องปรับแก้หรือไม่
ส่วนวันที่ 18 ตุลาคมนี้ คณะกรรมการสรรหากรรมการการเลือกตั้ง จะประชุมนัดที่สอง จากนั้นจะเปิดรับสมัครผู้เข้ารับการสรรหาเป็น กกต.
นายวันชัย ศักดิ์อุดมไชย อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า พายุโซนร้อนขนุน (KHANUN) ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่นแล้ว และเคลื่อนตัวขึ้นไปทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือ จะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ ประเทศจีน และอ่าวตังเกี๋ยในช่วงวันที่ 16-17 ตุลาคม จากนั้นจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน พายุดีเปรสชัน และหย่อมความกดอากาศต่ำตามลำดับ แต่ประเทศไทยยังมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้นทำให้มีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑลไปจนถึงในช่วงวันที่ 19 ตุลาคม
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)กระทรวงมหาดไทย ประสาน 34 จังหวัดริมแม่น้ำในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือเตรียมพร้อมรับมือผลกระทบจากปริมาณน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นโดยติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด มีการระบายน้ำให้สอดคล้องกับระดับการขึ้น-ลงของน้ำทะเล