ไม่หมดกิเลสก็เวียนเกิดแก่เจ็บตายไม่สิ้นสุด

แสดงความคิดเห็น

แสงเทียน

ไม่หมดกิเลสก็เวียนเกิดแก่เจ็บตายไม่สิ้นสุด : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ

วัดอรัญญบรรพต

อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

...

มี "คนขอทาน" คนหนึ่งไปเที่ยวขอรับเศษอาหารจากพระในวัด

วันหนึ่งไปขอเศษอาหารจาก "พระอานนท์"

พระอานนท์ท่านเห็นท่านเอ็นดู ท่านก็แนะนำว่า

เธอน่ะทำไม๊มาเที่ยวถือกะลาขอทานเขากินอยู่อย่างนี้

เธอมาบวชเสียไม่ดีเหรอ ไอ้คนอนาถาคนนั้นก็ตอบท่านว่า

โอ๋ยคนอย่างผมน่ะใครจะบวชให้ ไม่มีใครเหลียวแลหรอก

เอ้าถ้าเธอมีศรัทธา ฉันนี่แหละจะบวชให้

ถ้าอย่างนั้นผมก็บวช พระอานนท์เลยบวชให้

ก็เพื่อนคงมีบุญได้ทำมาแต่ก่อนมากมายน่ะแหละ

แต่มันมีกรรมไม่ดีอย่างใดอย่างหนึ่งให้ผลกลายเป็นคนจน

เมื่อบวชแล้วเพื่อนก็ไม่ทิ้งกะลาอันนั้นน่ะ

เก็บไปอยู่ผ้านุ่งพันตัวนั่นผืนหนึ่งก็เก็บไป

เอาเชือกผูกแล้วแขวนไว้กิ่งไม้หัวทางจงกรม

เมื่อเดินจงกรมไปมา แล้วมันเกิดกระสันอยากสึกขึ้นมา

ก็ไปยืนอยู่ใกล้กันกับผ้ากับกะลาอันนั้นแล้วก็สอนตัวเองว่า

เธอนะ เธอสึกออกไปเธอก็จะไม่พ้นจากกะลาใบนี้

ไม่พ้นจากผ้าขาดๆเก่าๆผืนนี้แหละ

เธอจะต้องได้ประสบความทุกข์เหมือนที่เป็นมาแล้วนั่นแหละ

ท่านก็สอนตัวเองเข้าไป ใจมันก็เลยถอยหั่นนิไม่อยากสึก

วันต่อไปนั่นถ้ามันกระสันขึ้นมาก็เอ้า

ไปยืนสอนตัวเองอยู่กับกะลากับผ้าผืนนั้นแหละ

เอาไปเอามาท่านก็หลุดพ้นจากกิเลสตัณหาได้

เพราะอุบายอันนั้นแหละแล้วท่านก็ไม่ไปหาผ้าผืนนั้นอีก

ไม่ไปหากะลานั้นต่อไป พระเณรทั้งหลายสังเกตแล้วก็ถาม

เอ๊ะ ทำไมท่านอาจารย์จึงไม่ไปหาผ้าผืนนั้น

ไม่ไปหากะลาใบนั้นอีกหรอ

โอ้ กิจที่เราต้องไปหากะลากับผ้าผืนนั้นไม่มีแล้ว

พระปุถุชนไม่รู้เรื่องนี่ก็หาว่าท่านอวดอุตตริมนุสสธรรม

ไปทูลฟ้องพระศาสดา พระองค์จึงรับรองให้ว่า

เป็นความจริง เธอหมดกิจแล้ว พระทั้งหลายจึงได้เชื่อ

หายสงสัยจึงได้แสดงความเคารพนับถือเต็มที่

ไอ้อย่างนี้น่ะคนเรา จึงว่า

ทุกคนที่เกิดที่วนเวียนเกิดแก่เจ็บตายอยู่ในโลกอันนี้น่ะ

ถ้ายังไม่ละกิเลสให้หมดสิ้นไปไม่ได้

ยังไม่เห็นแจ้งซึ่งพระนิพพานตราบใดแล้ว

ก็จะต้องวนเวียนเกิดแก่เจ็บตายอยู่อย่างนี้แหละ ไม่มีสิ้นสุด

บางชาตินั้นหลงใหลไปทำบาป มีปาณาติบาตเป็นต้นเข้า

ตายลงไปก็ลงไปไหม้อยู่ใน นรกอบายภูมิ นู่นล่ะทีนี้

ชาติใดเกิดมาในโลกนี้มีสติสัมปชัญญะระลึกถึงบาปถึงบุญได้

บาปไม่ทำ ทำแต่บุญกุศลไป เมื่อหมดอายุสังขารแล้ว

ก็ไปบังเกิดในสวรรค์ มีความสุขยืนยาวนาน

แต่บนสวรรค์ก็มีขอบเขตเหมือนกัน

บุญที่ไปตกแต่งให้มีความสุขนั้นหมดลงแล้วก็อยู่ไม่ได้

ก็ต้องเคลื่อนจากสวรรค์มาเกิดในโลกนี้อีก

...

ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ

"เหตุปัจจุบันของชีวิต"

ขอบคุณhttp://variety.teenee.com/saladharm/74068.html

ที่มา: http://variety.teenee.com/
วันที่โพสต์: 6/01/2559 เวลา 13:32:39 ดูภาพสไลด์โชว์ ไม่หมดกิเลสก็เวียนเกิดแก่เจ็บตายไม่สิ้นสุด

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

แสงเทียน ไม่หมดกิเลสก็เวียนเกิดแก่เจ็บตายไม่สิ้นสุด : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ... มี "คนขอทาน" คนหนึ่งไปเที่ยวขอรับเศษอาหารจากพระในวัด วันหนึ่งไปขอเศษอาหารจาก "พระอานนท์" พระอานนท์ท่านเห็นท่านเอ็นดู ท่านก็แนะนำว่า เธอน่ะทำไม๊มาเที่ยวถือกะลาขอทานเขากินอยู่อย่างนี้ เธอมาบวชเสียไม่ดีเหรอ ไอ้คนอนาถาคนนั้นก็ตอบท่านว่า โอ๋ยคนอย่างผมน่ะใครจะบวชให้ ไม่มีใครเหลียวแลหรอก เอ้าถ้าเธอมีศรัทธา ฉันนี่แหละจะบวชให้ ถ้าอย่างนั้นผมก็บวช พระอานนท์เลยบวชให้ ก็เพื่อนคงมีบุญได้ทำมาแต่ก่อนมากมายน่ะแหละ แต่มันมีกรรมไม่ดีอย่างใดอย่างหนึ่งให้ผลกลายเป็นคนจน เมื่อบวชแล้วเพื่อนก็ไม่ทิ้งกะลาอันนั้นน่ะ เก็บไปอยู่ผ้านุ่งพันตัวนั่นผืนหนึ่งก็เก็บไป เอาเชือกผูกแล้วแขวนไว้กิ่งไม้หัวทางจงกรม เมื่อเดินจงกรมไปมา แล้วมันเกิดกระสันอยากสึกขึ้นมา ก็ไปยืนอยู่ใกล้กันกับผ้ากับกะลาอันนั้นแล้วก็สอนตัวเองว่า เธอนะ เธอสึกออกไปเธอก็จะไม่พ้นจากกะลาใบนี้ ไม่พ้นจากผ้าขาดๆเก่าๆผืนนี้แหละ เธอจะต้องได้ประสบความทุกข์เหมือนที่เป็นมาแล้วนั่นแหละ ท่านก็สอนตัวเองเข้าไป ใจมันก็เลยถอยหั่นนิไม่อยากสึก วันต่อไปนั่นถ้ามันกระสันขึ้นมาก็เอ้า ไปยืนสอนตัวเองอยู่กับกะลากับผ้าผืนนั้นแหละ เอาไปเอามาท่านก็หลุดพ้นจากกิเลสตัณหาได้ เพราะอุบายอันนั้นแหละแล้วท่านก็ไม่ไปหาผ้าผืนนั้นอีก ไม่ไปหากะลานั้นต่อไป พระเณรทั้งหลายสังเกตแล้วก็ถาม เอ๊ะ ทำไมท่านอาจารย์จึงไม่ไปหาผ้าผืนนั้น ไม่ไปหากะลาใบนั้นอีกหรอ โอ้ กิจที่เราต้องไปหากะลากับผ้าผืนนั้นไม่มีแล้ว พระปุถุชนไม่รู้เรื่องนี่ก็หาว่าท่านอวดอุตตริมนุสสธรรม ไปทูลฟ้องพระศาสดา พระองค์จึงรับรองให้ว่า เป็นความจริง เธอหมดกิจแล้ว พระทั้งหลายจึงได้เชื่อ หายสงสัยจึงได้แสดงความเคารพนับถือเต็มที่ ไอ้อย่างนี้น่ะคนเรา จึงว่า ทุกคนที่เกิดที่วนเวียนเกิดแก่เจ็บตายอยู่ในโลกอันนี้น่ะ ถ้ายังไม่ละกิเลสให้หมดสิ้นไปไม่ได้ ยังไม่เห็นแจ้งซึ่งพระนิพพานตราบใดแล้ว ก็จะต้องวนเวียนเกิดแก่เจ็บตายอยู่อย่างนี้แหละ ไม่มีสิ้นสุด บางชาตินั้นหลงใหลไปทำบาป มีปาณาติบาตเป็นต้นเข้า ตายลงไปก็ลงไปไหม้อยู่ใน นรกอบายภูมิ นู่นล่ะทีนี้ ชาติใดเกิดมาในโลกนี้มีสติสัมปชัญญะระลึกถึงบาปถึงบุญได้ บาปไม่ทำ ทำแต่บุญกุศลไป เมื่อหมดอายุสังขารแล้ว ก็ไปบังเกิดในสวรรค์ มีความสุขยืนยาวนาน แต่บนสวรรค์ก็มีขอบเขตเหมือนกัน บุญที่ไปตกแต่งให้มีความสุขนั้นหมดลงแล้วก็อยู่ไม่ได้ ก็ต้องเคลื่อนจากสวรรค์มาเกิดในโลกนี้อีก ... ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ "เหตุปัจจุบันของชีวิต" ขอบคุณ…http://variety.teenee.com/saladharm/74068.html

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...