หลักปฏิบัติให้ความรักยั่งยืน
โดย : พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ
หลักปฏิบัติให้ความรักยั่งยืน ใช้ สังคหวัตถุ 4
1. ทาน คือ การให้ปันแก่กัน เอื้อเฟื้อ และมีน้ำใจต่อกัน คนเราจะอยู่ด้วยกันถ้าเห็นแก่ตัวมันจบแล้ว มันประสานไม่ลง ได้แต่ทนกล้ำกลืน ฝืนอยู่ในใจมันจะแห่งเพราะว่าน้ำใจที่จะพรมลงมาให้ชุ่มมันน้อยไป ถ้าจะรักกันให้ยั่งยืนผูกไมตรีสนิทเริ่มต้นต้องมี การให้โบราณสร้างคำไว้ดี คือ ครอบครัว คือครัวเดียวกันอยู่ในครอบเดียวกัน อิ่ม อิ่มด้วยกัน อด อดด้วยกัน โบราณเศรษฐกิจเงินตราต่างๆ มีผลน้อยจะดูว่าอยู่ดีมีสุขหรือเปล่า ดูว่าข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ไหมในน้ำมีปลาในนามีข้าว ถ้าเกิดว่าทำมาหากินได้ก็โอเคแล้ว ถึงยุคปัจจุบันธุรกิจ เศรษฐกิจมีความสับซ้อน มากขึ้นแต่พื้นฐานสำคัญก็คือ การมีน้ำใจต่อกัน ถ้าทำได้อย่างดีเลยคือว่ากระเป๋าเดียวกัน แต่บางคนบอกว่าก็อยากมีอิสระนิดหน่อยนะ แต่ก็ต้องการมีส่วนตัวบ้างแต่ ยังไงก็แล้วแต่แยกกระเป๋าเด็ดขาดนี้กับไม่ดี ยังไงก็ต้องมีรวมกันตรงนี้ ของญี่ปุ่นธรรมเนียมเข้มกว่าไทย แต่ก่อนสามีจะต้องเป็นคนทำงานส่วนภรรยาดูแลบ้าน เขาจะมีคำศัพท์คำหนึ่งว่า ถามภรรยาว่าทำงานอะไรหรอ ซุฟุเซงเงียว แปลว่าทำอาชีพแม่บ้าน เขาถือว่าการดูแลบ้านเป็นงานที่ใหญ่เหมือนกัน แต่ว่าสามีไปทำงานก็ทำแบบหัวตำดินเลย คนญี่ปุ่นเขาขยันพอเลิกงาน 5 โมง 6 โมงยังไม่ได้เลิก หรอเพราะเพื่อนรวมงานยังไม่กลับเขาไม่กล้ากลับ ไม่สบายไม่เข้าโรงพยาบาลจริงๆ ต้องไปทำงาน เขาบอกว่าถ้าเราไม่ไปงานในส่วนของเราคนอื่นก็จะมาทำเขาจะหนักขึ้น เป็นการรบกลัวคนอื่น เพราะฉะนั้นต้องพยายามไป ฝ่ายสามีทำงานกลับดึกๆ ฝ่ายภรรยาแทบจะรับกระเป๋า ดูแลทุกอย่าง เรียกว่าสามีกับถึงบ้านเรียกว่าเป็นพระราชา ทุกอย่างภรรยาเตรียมให้หมด ความสะอาดบ้าน ข้าวปลาอาหาร เสียผ้า หรือว่ามีลูก ลูกไปโรงเรียน ภรรยาดูแลหมด พ่อบ้านมีหน้าที่หาทำงานหาเงินเข้าบ้าน แต่แม่บ้านเขาบอกว่ามีฮิคาวะ มิคพาวเวอร์ พอเงินเดือนพ่อบ้านออกนะ แม่บ้านให้บริษัทโอนเข้าบัญชีแม่บ้านเลย แม่บ้านเป็นคนถือ ATM
เพราะฉะนั้นเงินทั้งหมดก็อยู่กับแม่บ้าน ถึงเวลาพ่อบ้านไปทำงานแม่บ้านก็จะรู้ว่าต้องเองเงินใส่กระเป๋าไว้ให้ เขาก็แบ่งหน้าที่กันอย่างนี้ แต่หลังๆ ทำงานกันทั้งคู่ เหมือนกัน แม่บ้านเขาทำบัญชีละเอียดมาก ต้องมีการวางแผนการใช้เงินฝ่ายพ่อบ้านไม่ต้องคิดเรื่องนี้เลยคิดเรื่อง งานอย่างเดียว เขาก็มีความร่วมแรงร่วมใจกันอีกแบบหนึ่งในแง่มุมหนึ่งมันก็สอดคล้องกับหลัก เรื่องทานเหมือนกัน ขอเราเองดูให้พอเหมาะแล้วกัน ไม่ต้องถึงกับต้องเทกระเป๋ารวมกัน แต่ว่าความมีน้ำใจและเอื้อเฟื้อต่อกันต้องมี ไม่ใช่ว่าของใครของมัน ฉันเธอแยกกันขาดการประสานในมันยากจะสนิท 100% ได้
2. ปิยวาจา คือ พูดกันด้วยวาจาที่ไพเราะ และให้เกียรติซึ่งกันและกัน ผม คุณ ครับ ค่ะ อันนี้เป็นแค่เปลือกของปิยวาจา แต่ว่าแก่นของปิยวาจาคือ การให้เกียรติกัน ภรรยาให้เกียรติสามีสามีให้เกียรติภรรยา ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ถ้าอย่างนี้แล้วก็ความอบอุ่นใจมันเกิดการประสานใจกันเต็มที่ คนเราเรื่องให้เกียรตินี้สำคัญ พอไม่ให้เกียรติ คนไทยมีศักดิ์ศรีมาก ค่อนข้างจะถือ จะเป็นใครก็ตามในโลกนี้ศักดิ์ศรีเขามีอยู่ไม่ควรไปดูหมิ่นศักดิ์ศรี การให้เกียรติ อันนี้สำคัญสุด จะทำให้สมานไมตรีกันได้ ให้ชินเป็นนิสัยของเราเองเลย จริงแล้วไม่จำเป็นต้องเฉพาะครอบครัวหรอในสังคมภายนอกที่ไหนก็ตามการให้ เกียรติกันก็เป็นเรื่องสำคัญ มีค่ามีประโยชน์มากทำให้บุคคลผู้นั้นมีเสน่ห์ เป็นที่รักของทุกๆ คน
3. อัตถจริยา เราต้องฝึกตนเองให้มีประโยชน์และบำเพ็ญประโยชน์ให้กับผู้อื่นเราต้องทำตนให้ เป็นคนมีประโยชน์ ก่อนที่จะบำเพ็ญประโยชน์เราต้องทำตนให้เป็นคนมีประโยชน์ก่อน ถ้าใครเป็นคนไม่มีประโยชน์ไม่พัฒนาตัวเอง ทำตัวไรสาระ ทำอะไรก็ไม่เป็น เสน่ห์ก็จะลดลงไป คนจะมีเสน่ห์ในตัวได้จะต้องฝึกให้ตังเองเป็นคนมีประโยชน์มีความรู้มีความ สามารถในด้านใดด้านไม่จำเป็นต้องเก่งทุกเรื่อง อย่างน้อยสักอย่างให้เราเก่งและชำนานเราก็จะเป็นคนมีค่าในตังเอง แล้วสามารถเอาค่าเอาประโยชน์ที่เราฝึกดีแล้วไปสร้างประโยชน์ได้ถ้าสามีภรรยา ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำตัวไม่มีประโยชน์ อะไรก็ไม่ทำ หน้าที่ตัวเองก็ไม่ทำ ฝ่ายสามีมีหน้าที่ต้องทำงานเป็นหลักของครอบครัว ถ้าเกิดไม่ทำงานถามว่าครอบครัวจะอบอุ่น สามัคคียืนยาวได้ยาก ถ้าเกิดภรรยาบ้านไม่ดูแลลูกไม่ดูแล อะไรต่างๆ นานาแล้วมันจะไปได้ไหม ยากอีกเหมือนกัน เพราะฉะนั้นแต่ละคนต้องฝึกตัวเอง เราเป็นคนมีประโยชน์มีความรู้ความสามารถยิ่งพัฒนาได้มากเท่าไร ยิ่งดี แล้วเอาความสามารถที่เรามีนั้นมาสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับครอบครัว สร้างประโยชน์แก่กัน ถ้าอย่างนี้แล้วความรักจะยืนยาว ตรงนี้อย่าดูว่าถ้ารักกันจริงแล้วสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กนั้นเป็นความ รักในอุดมคติที่เลื่อนลอยใน ชีวิตจริงไม่ค่อยเจอหรอก ยามรักรักน้ำต้มผักเรียกว่าหวานแบบนั้นถ้าอยู่กันจริงๆ ไม่มีข้าวกินเลยนะ น้ำต้มผักมันจะหวานได้ไม่นาน มันจะมีปัญหา
เพราะฉะนั้นการที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำให้ตัวเองมีประโยชน์แล้วก็จะทำให้เสน่ห์ เราเพิ่มขึ้น ความผูกพัน ความรู้สึกว่าพึ่งพิงกัน มันจะเต็มที่ขึ้น ส่วนว่าในกรณีที่ป่วยไข้อยู่บนเตียงเป็นเหตุสุดวิสัยที่ต้องพึงพากันแล้ว ถ้าเกิดอยู่ไนกรณีที่ว่าสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ อยู่ในวัยทำงาน แต่ไม่ยอมทำ ทำตัวไร้สาระทำตัวเป็นภาระของอีกฝ่ายนอกจากไม่เป็นประโยชน์ แล้วยังทำโทษอีก ไปยุ่งกับอบายมุข ไปกินเหล้าเมายาเที่ยวเตร่ งานการไม่ทำ ผลาญทรัพย์ที่มีอยู่ให้หมดไป ถ้าอย่างนี้ความรักไม่ยืนยาว ประสานไม่ติด เพราะฉะนั้นอะไรที่เป็นโทษเอาออก แล้วก็ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ถ้าอย่างนี้ก็จะอยู่กันยืด ความสมานไมตรีก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น
4. สมานัตตา คือ การวางตัวได้เหมาะสม อย่างสม่ำเสมอจะ เป็นฝ่ายพ่อบ้านฝ่ายแม่บ้านวางตัวได้เหมาะสมพอดีๆ สม่ำเสมอจนกระทั่งรู้ว่าดียังไง ไม่ใช้วันนี้อารมดีไม่มีปัญหาพรุ่งนี้อารมไม่ดีเป็นเรื่อง แล้วแต่อารม แล้วแต่ว่าตอนนั้นกำลังมึนหรือเปล่า ตอนนั้นกำลังมีเรื่องเรียดหรือเปล่า มีเหตุมากระทบอารมอาจขึ้นๆลงบ้างเป็นธรรมดาขอมนุษย์ เรียนกว่าต้องอยู่ในเกณฑ์ปกติความสม่ำเสมอที่รับได้ ร่างกายคนเราถ้าวัตรจริงๆ มีขึ้นมีลงเหมือนกันนะ แต่อยู่ในเกณฑ์ปกติ ขึ้นลงก็ไม่เกินเกณฑ์ปกติ ถ้าเกิดเกินเกณฑ์ปกติอุณหภูมิส่งก็จะเป็นไข้ ต่ำไปก็ป่วย เหมือนกันเราเองการวางตัวต้องเหมาะสมไม่หวือหวา เดี่ยวก็หวานเจี๊ยบ เดียวก็ร้อนเป็นไฟ แบบนั้นคนก็ไม่รู้จะเอาไงดี เพราะฉะนั้นเราต้องรักษาความสม่ำเสมอ ทบทวนดูสถานะต่างอยู่เสมอแม้กระทั่งว่าตอนที่เรากำลังออกเรือนใหม่อายุ 20 30 กว่า ตอนนั้นก็แบบหนึ่ง แต่พอต่างฝ่ายต่างก็มีอายุ มากขึ้นเติบโตในหน้าที่การงานมากขึ้นความเป็นไปในครอบครัว มีลูก ลูกก็เติบโตขึ้น การปรับบทบาทสถานะก็มีความสำคัญ จะทำเหมือนตอนหนุ่มสาวก็ไม่ได้ ทุกอยากต้องมีการปรับให้เหมาะกับอายุ ฐานะ ในขณะนั้น ๆ แล้วก็มีความสม่ำเสมอ เราก็ค่อยๆ ปรับ อีกฝ่ายภาวะเปลี่ยนไปมีการมีงานมากขึ้น ต้องมีการปรับให้พอดี การพอดีตรงนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องใช้ปัญญาประกอบถ้าทำได้ดีละก็จะ ประสานไมตรีทุกอย่างได้อย่างดี จะทำให้ความรักยั่งยืนก็อยู่ในสี่ข้อนี้ละให้เราไปตรวจเช็คดูให้ดีถ้าทำได้ สังคหวัตถุ 4 ได้แล้วเรียกว่าไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรผูกไมตรีได้กันได้ตลอดชีวิตอย่าง สนิทเลยทีเดียว และก็เป็นคู่สร้างคู่สมคู่บุญบารมี ผูกไมตรีไม่เกื้อกูลไม่ใช้เฉพาะชาตินี้ละโลกไปแล้วศรัทธาเหมือนกัน ศีลเหมือนกัน เสียสละเหมือนกัน ปัญญา เหมือนกันละโลกก็ปิดอบายเปิดสวรรค์ สร้างบุญผูกพันกันมาอย่างนี้ไปอยู่สรรค์วิมานก็ติดกันอีก บุญก็พอๆกันก็ไปอยู่สวรรค์ชั้นเดียวกัน ด้วยความผูกพันกันวิมารจะอยู่ด้วยกัน อยู่ใกล้กัน แบบนี้เป็นคู่สร้างคู่สมทั้งพบนี้และสัมปรายภพด้วย ฝากเตียนไว้นิดหนึ่งว่า ใครที่กำลังหนุ่มๆ ความพึงพอใจกำลังมาแรงอย่างไปอธิษฐานว่า ให้เราเองไปผูกพันกันไปตลอดทุกภพทุกชาติเพราะยังไม่แน่ว่า ศรัทธา ศีลเสมอกันหรือป่าว ไม่ใช่ว่าไปๆ แล้วอีกฝ่ายมีศีล อีกฝ่ายไม่มีศีล แย่เหมือนกันนะ คำอธิษฐานเป็นตัวล็อคทำให้เกิดสิ่งไม่ดีขึ้นมา
ขอบคุณ... http://goo.gl/2OpLzj
(dmc.tv ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 7 ก.พ.57 )
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
ดอกบัว โดย : พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ หลักปฏิบัติให้ความรักยั่งยืน ใช้ สังคหวัตถุ 4 1. ทาน คือ การให้ปันแก่กัน เอื้อเฟื้อ และมีน้ำใจต่อกัน คนเราจะอยู่ด้วยกันถ้าเห็นแก่ตัวมันจบแล้ว มันประสานไม่ลง ได้แต่ทนกล้ำกลืน ฝืนอยู่ในใจมันจะแห่งเพราะว่าน้ำใจที่จะพรมลงมาให้ชุ่มมันน้อยไป ถ้าจะรักกันให้ยั่งยืนผูกไมตรีสนิทเริ่มต้นต้องมี การให้โบราณสร้างคำไว้ดี คือ ครอบครัว คือครัวเดียวกันอยู่ในครอบเดียวกัน อิ่ม อิ่มด้วยกัน อด อดด้วยกัน โบราณเศรษฐกิจเงินตราต่างๆ มีผลน้อยจะดูว่าอยู่ดีมีสุขหรือเปล่า ดูว่าข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ไหมในน้ำมีปลาในนามีข้าว ถ้าเกิดว่าทำมาหากินได้ก็โอเคแล้ว ถึงยุคปัจจุบันธุรกิจ เศรษฐกิจมีความสับซ้อน มากขึ้นแต่พื้นฐานสำคัญก็คือ การมีน้ำใจต่อกัน ถ้าทำได้อย่างดีเลยคือว่ากระเป๋าเดียวกัน แต่บางคนบอกว่าก็อยากมีอิสระนิดหน่อยนะ แต่ก็ต้องการมีส่วนตัวบ้างแต่ ยังไงก็แล้วแต่แยกกระเป๋าเด็ดขาดนี้กับไม่ดี ยังไงก็ต้องมีรวมกันตรงนี้ ของญี่ปุ่นธรรมเนียมเข้มกว่าไทย แต่ก่อนสามีจะต้องเป็นคนทำงานส่วนภรรยาดูแลบ้าน เขาจะมีคำศัพท์คำหนึ่งว่า ถามภรรยาว่าทำงานอะไรหรอ ซุฟุเซงเงียว แปลว่าทำอาชีพแม่บ้าน เขาถือว่าการดูแลบ้านเป็นงานที่ใหญ่เหมือนกัน แต่ว่าสามีไปทำงานก็ทำแบบหัวตำดินเลย คนญี่ปุ่นเขาขยันพอเลิกงาน 5 โมง 6 โมงยังไม่ได้เลิก หรอเพราะเพื่อนรวมงานยังไม่กลับเขาไม่กล้ากลับ ไม่สบายไม่เข้าโรงพยาบาลจริงๆ ต้องไปทำงาน เขาบอกว่าถ้าเราไม่ไปงานในส่วนของเราคนอื่นก็จะมาทำเขาจะหนักขึ้น เป็นการรบกลัวคนอื่น เพราะฉะนั้นต้องพยายามไป ฝ่ายสามีทำงานกลับดึกๆ ฝ่ายภรรยาแทบจะรับกระเป๋า ดูแลทุกอย่าง เรียกว่าสามีกับถึงบ้านเรียกว่าเป็นพระราชา ทุกอย่างภรรยาเตรียมให้หมด ความสะอาดบ้าน ข้าวปลาอาหาร เสียผ้า หรือว่ามีลูก ลูกไปโรงเรียน ภรรยาดูแลหมด พ่อบ้านมีหน้าที่หาทำงานหาเงินเข้าบ้าน แต่แม่บ้านเขาบอกว่ามีฮิคาวะ มิคพาวเวอร์ พอเงินเดือนพ่อบ้านออกนะ แม่บ้านให้บริษัทโอนเข้าบัญชีแม่บ้านเลย แม่บ้านเป็นคนถือ ATM เพราะฉะนั้นเงินทั้งหมดก็อยู่กับแม่บ้าน ถึงเวลาพ่อบ้านไปทำงานแม่บ้านก็จะรู้ว่าต้องเองเงินใส่กระเป๋าไว้ให้ เขาก็แบ่งหน้าที่กันอย่างนี้ แต่หลังๆ ทำงานกันทั้งคู่ เหมือนกัน แม่บ้านเขาทำบัญชีละเอียดมาก ต้องมีการวางแผนการใช้เงินฝ่ายพ่อบ้านไม่ต้องคิดเรื่องนี้เลยคิดเรื่อง งานอย่างเดียว เขาก็มีความร่วมแรงร่วมใจกันอีกแบบหนึ่งในแง่มุมหนึ่งมันก็สอดคล้องกับหลัก เรื่องทานเหมือนกัน ขอเราเองดูให้พอเหมาะแล้วกัน ไม่ต้องถึงกับต้องเทกระเป๋ารวมกัน แต่ว่าความมีน้ำใจและเอื้อเฟื้อต่อกันต้องมี ไม่ใช่ว่าของใครของมัน ฉันเธอแยกกันขาดการประสานในมันยากจะสนิท 100% ได้ 2. ปิยวาจา คือ พูดกันด้วยวาจาที่ไพเราะ และให้เกียรติซึ่งกันและกัน ผม คุณ ครับ ค่ะ อันนี้เป็นแค่เปลือกของปิยวาจา แต่ว่าแก่นของปิยวาจาคือ การให้เกียรติกัน ภรรยาให้เกียรติสามีสามีให้เกียรติภรรยา ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ถ้าอย่างนี้แล้วก็ความอบอุ่นใจมันเกิดการประสานใจกันเต็มที่ คนเราเรื่องให้เกียรตินี้สำคัญ พอไม่ให้เกียรติ คนไทยมีศักดิ์ศรีมาก ค่อนข้างจะถือ จะเป็นใครก็ตามในโลกนี้ศักดิ์ศรีเขามีอยู่ไม่ควรไปดูหมิ่นศักดิ์ศรี การให้เกียรติ อันนี้สำคัญสุด จะทำให้สมานไมตรีกันได้ ให้ชินเป็นนิสัยของเราเองเลย จริงแล้วไม่จำเป็นต้องเฉพาะครอบครัวหรอในสังคมภายนอกที่ไหนก็ตามการให้ เกียรติกันก็เป็นเรื่องสำคัญ มีค่ามีประโยชน์มากทำให้บุคคลผู้นั้นมีเสน่ห์ เป็นที่รักของทุกๆ คน 3. อัตถจริยา เราต้องฝึกตนเองให้มีประโยชน์และบำเพ็ญประโยชน์ให้กับผู้อื่นเราต้องทำตนให้ เป็นคนมีประโยชน์ ก่อนที่จะบำเพ็ญประโยชน์เราต้องทำตนให้เป็นคนมีประโยชน์ก่อน ถ้าใครเป็นคนไม่มีประโยชน์ไม่พัฒนาตัวเอง ทำตัวไรสาระ ทำอะไรก็ไม่เป็น เสน่ห์ก็จะลดลงไป คนจะมีเสน่ห์ในตัวได้จะต้องฝึกให้ตังเองเป็นคนมีประโยชน์มีความรู้มีความ สามารถในด้านใดด้านไม่จำเป็นต้องเก่งทุกเรื่อง อย่างน้อยสักอย่างให้เราเก่งและชำนานเราก็จะเป็นคนมีค่าในตังเอง แล้วสามารถเอาค่าเอาประโยชน์ที่เราฝึกดีแล้วไปสร้างประโยชน์ได้ถ้าสามีภรรยา ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำตัวไม่มีประโยชน์ อะไรก็ไม่ทำ หน้าที่ตัวเองก็ไม่ทำ ฝ่ายสามีมีหน้าที่ต้องทำงานเป็นหลักของครอบครัว ถ้าเกิดไม่ทำงานถามว่าครอบครัวจะอบอุ่น สามัคคียืนยาวได้ยาก ถ้าเกิดภรรยาบ้านไม่ดูแลลูกไม่ดูแล อะไรต่างๆ นานาแล้วมันจะไปได้ไหม ยากอีกเหมือนกัน เพราะฉะนั้นแต่ละคนต้องฝึกตัวเอง เราเป็นคนมีประโยชน์มีความรู้ความสามารถยิ่งพัฒนาได้มากเท่าไร ยิ่งดี แล้วเอาความสามารถที่เรามีนั้นมาสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับครอบครัว สร้างประโยชน์แก่กัน ถ้าอย่างนี้แล้วความรักจะยืนยาว ตรงนี้อย่าดูว่าถ้ารักกันจริงแล้วสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กนั้นเป็นความ รักในอุดมคติที่เลื่อนลอยใน ชีวิตจริงไม่ค่อยเจอหรอก ยามรักรักน้ำต้มผักเรียกว่าหวานแบบนั้นถ้าอยู่กันจริงๆ ไม่มีข้าวกินเลยนะ น้ำต้มผักมันจะหวานได้ไม่นาน มันจะมีปัญหา เพราะฉะนั้นการที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำให้ตัวเองมีประโยชน์แล้วก็จะทำให้เสน่ห์ เราเพิ่มขึ้น ความผูกพัน ความรู้สึกว่าพึ่งพิงกัน มันจะเต็มที่ขึ้น ส่วนว่าในกรณีที่ป่วยไข้อยู่บนเตียงเป็นเหตุสุดวิสัยที่ต้องพึงพากันแล้ว ถ้าเกิดอยู่ไนกรณีที่ว่าสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ อยู่ในวัยทำงาน แต่ไม่ยอมทำ ทำตัวไร้สาระทำตัวเป็นภาระของอีกฝ่ายนอกจากไม่เป็นประโยชน์ แล้วยังทำโทษอีก ไปยุ่งกับอบายมุข ไปกินเหล้าเมายาเที่ยวเตร่ งานการไม่ทำ ผลาญทรัพย์ที่มีอยู่ให้หมดไป ถ้าอย่างนี้ความรักไม่ยืนยาว ประสานไม่ติด เพราะฉะนั้นอะไรที่เป็นโทษเอาออก แล้วก็ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ถ้าอย่างนี้ก็จะอยู่กันยืด ความสมานไมตรีก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น 4. สมานัตตา คือ การวางตัวได้เหมาะสม อย่างสม่ำเสมอจะ เป็นฝ่ายพ่อบ้านฝ่ายแม่บ้านวางตัวได้เหมาะสมพอดีๆ สม่ำเสมอจนกระทั่งรู้ว่าดียังไง ไม่ใช้วันนี้อารมดีไม่มีปัญหาพรุ่งนี้อารมไม่ดีเป็นเรื่อง แล้วแต่อารม แล้วแต่ว่าตอนนั้นกำลังมึนหรือเปล่า ตอนนั้นกำลังมีเรื่องเรียดหรือเปล่า มีเหตุมากระทบอารมอาจขึ้นๆลงบ้างเป็นธรรมดาขอมนุษย์ เรียนกว่าต้องอยู่ในเกณฑ์ปกติความสม่ำเสมอที่รับได้ ร่างกายคนเราถ้าวัตรจริงๆ มีขึ้นมีลงเหมือนกันนะ แต่อยู่ในเกณฑ์ปกติ ขึ้นลงก็ไม่เกินเกณฑ์ปกติ ถ้าเกิดเกินเกณฑ์ปกติอุณหภูมิส่งก็จะเป็นไข้ ต่ำไปก็ป่วย เหมือนกันเราเองการวางตัวต้องเหมาะสมไม่หวือหวา เดี่ยวก็หวานเจี๊ยบ เดียวก็ร้อนเป็นไฟ แบบนั้นคนก็ไม่รู้จะเอาไงดี เพราะฉะนั้นเราต้องรักษาความสม่ำเสมอ ทบทวนดูสถานะต่างอยู่เสมอแม้กระทั่งว่าตอนที่เรากำลังออกเรือนใหม่อายุ 20 30 กว่า ตอนนั้นก็แบบหนึ่ง แต่พอต่างฝ่ายต่างก็มีอายุ มากขึ้นเติบโตในหน้าที่การงานมากขึ้นความเป็นไปในครอบครัว มีลูก ลูกก็เติบโตขึ้น การปรับบทบาทสถานะก็มีความสำคัญ จะทำเหมือนตอนหนุ่มสาวก็ไม่ได้ ทุกอยากต้องมีการปรับให้เหมาะกับอายุ ฐานะ ในขณะนั้น ๆ แล้วก็มีความสม่ำเสมอ เราก็ค่อยๆ ปรับ อีกฝ่ายภาวะเปลี่ยนไปมีการมีงานมากขึ้น ต้องมีการปรับให้พอดี การพอดีตรงนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องใช้ปัญญาประกอบถ้าทำได้ดีละก็จะ ประสานไมตรีทุกอย่างได้อย่างดี จะทำให้ความรักยั่งยืนก็อยู่ในสี่ข้อนี้ละให้เราไปตรวจเช็คดูให้ดีถ้าทำได้ สังคหวัตถุ 4 ได้แล้วเรียกว่าไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรผูกไมตรีได้กันได้ตลอดชีวิตอย่าง สนิทเลยทีเดียว และก็เป็นคู่สร้างคู่สมคู่บุญบารมี ผูกไมตรีไม่เกื้อกูลไม่ใช้เฉพาะชาตินี้ละโลกไปแล้วศรัทธาเหมือนกัน ศีลเหมือนกัน เสียสละเหมือนกัน ปัญญา เหมือนกันละโลกก็ปิดอบายเปิดสวรรค์ สร้างบุญผูกพันกันมาอย่างนี้ไปอยู่สรรค์วิมานก็ติดกันอีก บุญก็พอๆกันก็ไปอยู่สวรรค์ชั้นเดียวกัน ด้วยความผูกพันกันวิมารจะอยู่ด้วยกัน อยู่ใกล้กัน แบบนี้เป็นคู่สร้างคู่สมทั้งพบนี้และสัมปรายภพด้วย ฝากเตียนไว้นิดหนึ่งว่า ใครที่กำลังหนุ่มๆ ความพึงพอใจกำลังมาแรงอย่างไปอธิษฐานว่า ให้เราเองไปผูกพันกันไปตลอดทุกภพทุกชาติเพราะยังไม่แน่ว่า ศรัทธา ศีลเสมอกันหรือป่าว ไม่ใช่ว่าไปๆ แล้วอีกฝ่ายมีศีล อีกฝ่ายไม่มีศีล แย่เหมือนกันนะ คำอธิษฐานเป็นตัวล็อคทำให้เกิดสิ่งไม่ดีขึ้นมา ขอบคุณ... http://goo.gl/2OpLzj (dmc.tv ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 7 ก.พ.57 )
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)