โลกทัศน์แห่งความสุข(๑๒)อย่ามองข้ามสิ่งที่เรามีอยู่
โลกทัศน์แห่งความสุข(๑๒)อย่ามองข้ามสิ่งที่เรามีอยู่ : คันฉ่องและโคมฉาย โดยว.วชิรเมธี
มหาเศรษฐีหลับตาสักพักหนึ่งแล้วลืมตาขึ้นมา เห็นกระเป๋าของตัวเองแขวนโตงเตงอยู่ตรงกิ่งไผ่ข้างหน้า เขาดีใจมาก กระโดดผึงขึ้นนั่ง หยิบกระเป๋ามากอดด้วยความรักด้วยความทะนุถนอมสุดใจขาดดิ้น ดีใจจนน้ำตาไหล เปิดกระเป๋า หยิบเอาขวดน้ำเพียงขวดเดียวมาดื่ม ซดเข้าไปเกือบเกลี้ยงอย่างมีความสุข ล้วงเข้าไปในกระเป๋าหยิบแซนด์วิชคู่ใจส่งเข้าปากเคี้ยว มีความสุขจนต้องผิวปากออกมา
ขณะที่เขากำลังมีความสุขกับกระเป๋าที่เพิ่งได้คืนมานั้นเอง จู่ๆ ชาวบ้านนักตกปลาผู้นั้นก็โผล่ออกมาจากกอไผ่
“จ๊ะเอ๋ ทำอะไรอยู่”
มหาเศรษฐีตกใจ “แกมาทำไม แกเอากระเป๋าฉันไป”
ชาวบ้านบอก “ก็ใช่ไง ผมเอาไป แล้วผมเอามาคืนแล้ว ไม่ดีหรือ”
“ทำไมจะไม่ดี”
“ก็ดีแล้วด่าผมทำไม”
“ก็แกเอาไปทำไม”
“ถ้าผมไม่เอาไป เศรษฐีจะรู้หรือว่าการมีความสุขมันเป็นอย่างไร”
เศรษฐีได้คิด เออจริงแฮะ ทำไมตอนที่เรามีเงินเป็นแสนล้านทำไมไม่รู้สึกมีความสุขแบบนี้ ทำไมนะ เรากินไวน์แก้วละแสนบาท ทำไมถึงไม่มีความสุขเหมือนกินน้ำเปล่าคราวนี้ เรากินอาหารแต่ละมื้อแพงระยับบนภัตตาคารชั้นยอด ทำไมไม่รู้สึกอร่อยเหมือนกินแซนด์วิชครั้งนี้ เขาเริ่มรู้สึกได้ถึงชีวิตที่มีรสชาติ ว่าช่างเป็นชีวิตที่แสนเรียบง่ายไม่ต้องนั่งรถสปอร์ต ไม่ต้องมีคนล้อมหน้าล้อมหลัง ไม่ต้องมีเงินเป็นแสนล้าน เขาเข้าใจในนาทีนั้นเองว่า กระเป๋าแห่งความสุขหมายความว่าอย่างไร
แท้ที่จริงกระเป๋าแห่งความสุขอยู่ที่ตัวเรา กระเป๋าแห่งความสุขอยู่ที่ใจที่รู้จักพอของเรา ตราบใดใจของเราไม่พอ ต่อให้มีทรัพย์สินเงินทองไหลมาเป็นห่าฝน เราก็จะยังรู้สึกยากจนอยู่ตราบนั้น
นอกจากใจที่รู้จักพอจะเป็นที่มาของความสุขแล้ว การที่เรามีร่างกายสุขภาพดีก็เป็นที่มาของความสุขด้วยเช่นกัน ถ้าเราในตอนนี้มองเห็นสิ่งต่างๆ ได้เป็นปกติ แต่สักพักหนึ่ง จู่ๆ ก็เกิดมองไม่เห็นขึ้นมา เราจะทุกข์ไหม ทุกข์มาก เมื่อทุกข์มากๆ จู่ๆ ก็กลับมามองเห็นอีกครั้งหนึ่ง เราจะมีความสุขไหม สุขมาก ตาของเราทำให้เรามีความสุขได้ แต่ถ้าเราไม่เห็นคุณค่าเดี๋ยวมันจะเป็นที่มาของความทุกข์
ปากของเราก็เช่นกัน เวลาที่เราอยากจะพูด เราก็พูด มีความสุขมาก แต่วันหนึ่ง ได้รับอุบัติเหตุ ทำให้ไม่สามารถพูดได้เจ็ดวัน สุขหรือทุกข์ ทุกข์มากๆ เมื่อครบเจ็ดวันแล้ว สามารถพูดได้ เราก็พูดๆ เรามีความสุขไหม สุขมาก เห็นไหม ความสุขมันก็อยู่ที่เนื้อที่ตัวเราก็ได้ แต่ถ้าเราไม่ดูแลมันให้ดี มันก็เป็นที่มาของความทุกข์
(ติดตามตอนต่อไปวันพระหน้า)
ที่มา: http://www.komchadluek.net/detail/20130730/164582/โลกทัศน์แห่งความสุข(๑๒)อย่ามองข้ามสิ่งที่เรามีอยู่.html (ขนาดไฟล์: 167)
วันที่โพสต์: 2/08/2556 เวลา 04:03:47
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
โลกทัศน์แห่งความสุข(๑๒)อย่ามองข้ามสิ่งที่เรามีอยู่ โลกทัศน์แห่งความสุข(๑๒)อย่ามองข้ามสิ่งที่เรามีอยู่ : คันฉ่องและโคมฉาย โดยว.วชิรเมธี มหาเศรษฐีหลับตาสักพักหนึ่งแล้วลืมตาขึ้นมา เห็นกระเป๋าของตัวเองแขวนโตงเตงอยู่ตรงกิ่งไผ่ข้างหน้า เขาดีใจมาก กระโดดผึงขึ้นนั่ง หยิบกระเป๋ามากอดด้วยความรักด้วยความทะนุถนอมสุดใจขาดดิ้น ดีใจจนน้ำตาไหล เปิดกระเป๋า หยิบเอาขวดน้ำเพียงขวดเดียวมาดื่ม ซดเข้าไปเกือบเกลี้ยงอย่างมีความสุข ล้วงเข้าไปในกระเป๋าหยิบแซนด์วิชคู่ใจส่งเข้าปากเคี้ยว มีความสุขจนต้องผิวปากออกมา ขณะที่เขากำลังมีความสุขกับกระเป๋าที่เพิ่งได้คืนมานั้นเอง จู่ๆ ชาวบ้านนักตกปลาผู้นั้นก็โผล่ออกมาจากกอไผ่ “จ๊ะเอ๋ ทำอะไรอยู่” มหาเศรษฐีตกใจ “แกมาทำไม แกเอากระเป๋าฉันไป” ชาวบ้านบอก “ก็ใช่ไง ผมเอาไป แล้วผมเอามาคืนแล้ว ไม่ดีหรือ” “ทำไมจะไม่ดี” “ก็ดีแล้วด่าผมทำไม” “ก็แกเอาไปทำไม” “ถ้าผมไม่เอาไป เศรษฐีจะรู้หรือว่าการมีความสุขมันเป็นอย่างไร” เศรษฐีได้คิด เออจริงแฮะ ทำไมตอนที่เรามีเงินเป็นแสนล้านทำไมไม่รู้สึกมีความสุขแบบนี้ ทำไมนะ เรากินไวน์แก้วละแสนบาท ทำไมถึงไม่มีความสุขเหมือนกินน้ำเปล่าคราวนี้ เรากินอาหารแต่ละมื้อแพงระยับบนภัตตาคารชั้นยอด ทำไมไม่รู้สึกอร่อยเหมือนกินแซนด์วิชครั้งนี้ เขาเริ่มรู้สึกได้ถึงชีวิตที่มีรสชาติ ว่าช่างเป็นชีวิตที่แสนเรียบง่ายไม่ต้องนั่งรถสปอร์ต ไม่ต้องมีคนล้อมหน้าล้อมหลัง ไม่ต้องมีเงินเป็นแสนล้าน เขาเข้าใจในนาทีนั้นเองว่า กระเป๋าแห่งความสุขหมายความว่าอย่างไร แท้ที่จริงกระเป๋าแห่งความสุขอยู่ที่ตัวเรา กระเป๋าแห่งความสุขอยู่ที่ใจที่รู้จักพอของเรา ตราบใดใจของเราไม่พอ ต่อให้มีทรัพย์สินเงินทองไหลมาเป็นห่าฝน เราก็จะยังรู้สึกยากจนอยู่ตราบนั้น นอกจากใจที่รู้จักพอจะเป็นที่มาของความสุขแล้ว การที่เรามีร่างกายสุขภาพดีก็เป็นที่มาของความสุขด้วยเช่นกัน ถ้าเราในตอนนี้มองเห็นสิ่งต่างๆ ได้เป็นปกติ แต่สักพักหนึ่ง จู่ๆ ก็เกิดมองไม่เห็นขึ้นมา เราจะทุกข์ไหม ทุกข์มาก เมื่อทุกข์มากๆ จู่ๆ ก็กลับมามองเห็นอีกครั้งหนึ่ง เราจะมีความสุขไหม สุขมาก ตาของเราทำให้เรามีความสุขได้ แต่ถ้าเราไม่เห็นคุณค่าเดี๋ยวมันจะเป็นที่มาของความทุกข์ ปากของเราก็เช่นกัน เวลาที่เราอยากจะพูด เราก็พูด มีความสุขมาก แต่วันหนึ่ง ได้รับอุบัติเหตุ ทำให้ไม่สามารถพูดได้เจ็ดวัน สุขหรือทุกข์ ทุกข์มากๆ เมื่อครบเจ็ดวันแล้ว สามารถพูดได้ เราก็พูดๆ เรามีความสุขไหม สุขมาก เห็นไหม ความสุขมันก็อยู่ที่เนื้อที่ตัวเราก็ได้ แต่ถ้าเราไม่ดูแลมันให้ดี มันก็เป็นที่มาของความทุกข์ (ติดตามตอนต่อไปวันพระหน้า) ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/detail/20130730/164582/โลกทัศน์แห่งความสุข(๑๒)อย่ามองข้ามสิ่งที่เรามีอยู่.html
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)